ถนนท่องเที่ยว
นิสสัน สืบสานประเพณีไทย
โครงการวัฒนธรรมสัญจร "นิสสัน สืบสานประเพณีไทย" ภายใต้หัวข้อ "ชีวิต...วัฒนธรรม...ธรรมชาติ" ตามหาดอกเข้าพรรษา พันธุ์ไม้มหัศจรรย์แห่งเมืองไทย เพื่อเป็นการส่งเสริมเผยแพร่ อนุรักษ์และร่วมสืบสานมรดกทางวัฒนธรรมไทย และทรัพยากรธรรมชาติ อีกกิจกรรมหนึ่งของโครงการ THINK EARTH ที่ได้ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน เช่นสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม อุทยานแห่งชาติป่าหินงามจังหวัดชัยภูมิ แหล่งโบราณคดีโป่งมะนาว และเทศบาลเมืองพระพุทธบาทสระบุรีนอกจากนี้ยังเป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในเรื่อง SAVE THE UNSEEN เปิดมุมมองใหม่ของเมืองไทย "รักในสิ่งที่เห็น...รักษาในถิ่นที่เที่ยว" อีกด้วย
คณะของเราใช้เส้นทาง กรุงเทพ ฯ-ชัยภูมิ-ลพบุรี-สระบุรี จุดหมายแรก คือ อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต จังหวัดชัยภูมิ ที่มีพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์กว่า 7,000 ไร่ มีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจ 3 แห่งเริ่มที่จุดชมวิวสุดแผ่นดิน เป็นหน้าผาสูงชัน และเป็นจุดสูงที่สุดของเทือกเขาพังเหยสูงจากระดับน้ำทะเล 846 เมตร ณ จุดนี้จะเห็นทิวทัศน์ของสันเขาพังเหยทอดตัวยาวและพื้นที่ยังติดต่อกับผืนป่าของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซับลังกา จังหวัดลพบุรี
หลังจากนั้นเมื่อเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ จะพบต้นดอกเข้าพรรษา ลานดอกกระเจียวขาวสลับกับป่าเต็งรังต้นไม้ใหญ่ จนกระทั่งถึงทุ่งดอกกระเจียว ที่เบ่งบานงดงามเต็มท้องทุ่งนับแสนดอก
ดอกกระเจียว เป็นชื่อไม้ล้มลุกประเภทขยายพันธุ์โดยหัว มีลักษณะใกล้เคียงกับต้นกระชายแต่ใบหนาดอกมีสีชมพูอมม่วง ก้านดอกแข็งแรง เป็นพันธุ์ไม้ประจำท้องถิ่นที่มีมากที่สุดในเขตอำเภอเทพสถิตจังหวัดชัยภูมิ ต้นดอกกระเจียวจะกระจายขึ้นทั่วไป ตั้งแต่ลานหินงามจนถึงจุดชมวิวสุดแผ่นดิน
สำหรับอุทยานแห่งชาตป่าหินงามแห่งนี้ นักท่องเที่ยวจะนิยมมาในระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคมของทุกปี เนื่องจากดอกกระเจียวจะบานสะพรั่งในช่วงนี้
เราเดินทางต่อมาสู่ ลานหินงาม พื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นลานที่เกลื่อนไปด้วยกองหินธรรมชาติเรียงรายระเกะระกะ รูปร่างแปลกตา ขึ้นอยู่กับจินตนาการของแต่ละคนว่าจะมองกองหินนั้นเป็นรูปร่างอะไร
เมื่อเสร็จจาก อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ก็เดินทางต่อไปบ้านซับจำปาเพื่อชมความมหัศจรรย์ป่าต้นน้ำของแม่น้ำป่าสัก ในพื้นที่ป่าชุมชนบ้านซับจำปา ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 90 ไร่ เราได้ชมความหลากหลายทางชีวภาพของพันธุ์ไม้หายากนานาชนิดเนื่องจากครั้งหนึ่งป่าแห่งนี้เคยเป็นส่วนหนึ่งป่าดงพงไพรอันกว้างใหญ่ไพศาลที่มีชื่อเสียงคือดงพญาเย็น เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ มีน้ำซึมซับไหลจากโพรงหินปูนตลอดทั้งปี ที่เหมาะกับระบบนิเวศน์แบบป่าซับ และดินด่าง โดยชนิดพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ กระบือ คร้อ ก้านเหลือง อบเชย ตะเคียนทองสัตตบรรณ ไม้จำปา และจำปีสิรินธร
สำหรับจำปีสิรินธร เดิมชาวบ้านเรียกว่า "จำปา" จนเมื่อปี 2543 ดร. ปิยะ เฉลิมกลิ่นนักวิชาการจากสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยได้เข้ามาสำรวจพันธุ์ไม้ที่ป่าซับจำปาแห่งนี้ และมีความสนใจพันธุ์ไม้จำปาจึงได้ศึกษาความเจริญเติบโต การขยายพันธุ์ และการออกดอก จึงรู้ข้อเท็จจริงว่าคือต้น จำปีด้วยเหตุผลทางวิชาการว่า ดอกจำปีจะมีสีขาว ส่วนดอกจำปาจะมีสีเหลืองแต่ต้นจำปีในป่าแห่งนี้ไม่เหมือนต้นจำปีโดยทั่วไป เพราะเวลาออกดอกใหม่ๆ ดอกจะมีสีขาวแต่พอดอกเริ่มแก่จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และสีน้ำตาล มีกลิ่นหอมดอกจะบานในช่วงเดือนมิถุนายน และมีผลเป็นช่อยาว ผลการสำรวจจึงสรุปว่า เป็นต้นจำปีและมีแห่งเดียวในโลก
จากนั้นจึงได้นำต้นจำปีที่พบใหม่ขึ้นทูลเกล้าถวายแด่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ เพื่อขอพระราชทานชื่อ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานชื่อดอกไม้นี้เพื่อเป็นสิริมงคลว่า "จำปีสิรินธร" เป็นไม้อยู่ในวงศ์จำปีจำปา (MAGNOLIACEAE) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า MAGNOLIA SIRIDHORNIAE NOOT&CHALERMGLIN เป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 20-30 เมตร พบในป่าซับจำปาจำนวนเกือบ 500 ต้น
หลังจากซึมซับ ความสวยงามของทุ่งดอกกระเจียวแล้วคณะก็เดินทางไปศึกษาแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์โป่งมะนาว ที่บ้านโป่งมะนาวจังหวัดลพบุรี โดยแหล่งโบราณคดีแห่งนี้อยู่ริมห้วยสวนมะเดื่อ มีพื้นที่บริเวณโดยรอบกว่า 20 ไร่ จากการขุดค้นของคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร พบว่าเป็นถิ่นฐานที่อยู่อาศัยและสุสานของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ติดต่อกันสองช่วงสมัย ช่วงแรก พบขวานหินขัดเครื่องประดับแผ่นกลมแบน เจาะรูตรงกลาง ทำจากระดองเต่าทะเล ลูกปัด และกำไรข้อมือทำจากเปลือกหอยทะเล
ส่วนช่วงสมัยที่ 2 มีอายุประมาณ 2,000-2,500 ปี หลักฐานที่พบคือ ภาชนะดินเผา กำไรและแหวนสัมฤทธิ์ เครื่องมือเหล็ก ลูกปัดหิน เป็นต้นจากหลักฐานยังพบว่าการฝังศพของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์แห่งนี้ ฝังกันอย่างมีระเบียบเรียงรายไปด้วยโครงกระดูกและข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์แต่ละโครงจะมีความสูงประมาณ 150-170 ซม. สภาพนอนหงายเหยียดยาวและหันหัวไปทางทิศตะวันออกส่วนใต้พื้นโครงกระดูกจะมีเศษภาชนะดินเผาวางรายล้อมรองอยู่ด้วยสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ
จากลพบุรี เดินทางต่อไปยังจังหวัดสระบุรี ชมการสาธิตการทำไม้ตะพดและการเตรียมตัวตักบาตรดอกไม้ของชาวพระพุทธบาท ซึ่งพิธีจะมีขึ้นในช่วงบ่ายแต่ก่อนถึงพระพุทธบาท เราได้เดินทางไปชมวิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชุมชุมบ้านลาวแง้วชมผ้าทอโบราณ ที่มีลวดลายแสนวิจิตร และร่วมพิธีบายศรีสู่ขวัญพื้นบ้าน ณ บ้านตาลเสี้ยน
กลุ่มชนชาติพันธุ์ลาวแง้ว เป็นกลุ่มชาวไทยลาวอีกกลุ่มหนึ่งที่กระจายอาศัยอยู่ทั่วไปในจังหวัดลพบุรีสระบุรี คือ กลุ่มลาวแง้ว มีผู้ระบุว่า ลาวแง้ว คือ ชื่อกลุ่มชนที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เวียงจันทน์และเป็นชื่อที่ชาวไทยพวน เรียกชื่อชนกลุ่มนี้ อย่างไรก็ตามมีข้อน่าสงสัยว่าสำเนียงการพูดของชาวลาวแง้วใกล้เคียงกับชาวหลวงพระบางคนกลุ่มนี้จึงน่าจะมีถิ่นฐานเดิมแถบหลวงพระบางต่อมาทางใต้ จนถึงแถบนครเวียงจันทน์
ประเพณีตักบาตรดอกไม้
ประเพณีตักบาตรดอกไม้ ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ถือปฏิบัติกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล จนถึงปัจจุบัน ตรงกับวันเข้าพรรษา วันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปีโดยเฉพาะดอกไม้ที่นำมาใส่บาตรในตอนบ่าย จะต้องเป็นดอกเข้าพรรษาลักษณะลำต้นคล้ายต้นกระชาย สูงประมาณ 1 คืบเศษ ออกดอกเป็นช่อมีหลายสี เช่น สีเหลือง สีขาวสีน้ำเงินม่วง สีชมพู หรือสีน้ำเงินอมม่วง
ต้นดอกเข้าพรรษา นิยมขึ้นตามไหล่เขาโพธิ์ลังกา หรือเขาสุวรรณบรรพต เทือกเขาวงกต เขาพูใกล้ๆ วัดและจะผลิดอกออกมาให้เห็นเฉพาะในช่วงฤดูกาลเริ่มเข้าพรรษา จนชาวบ้านขนานนามให้เป็น "ต้นเข้าพรรษา"
การเดินทางไปเก็บดอกเข้าพรรษา จะต้องออกตั้งแต่เช้ามืดขึ้นไปบนเขา ดอกสีเหลือง สีขาว และสีชมพูดูจะหาง่ายไม่ลำบาก แต่ดอกเข้าพรรษาสีม่วงนั้น คนในท้องถิ่นเชื่อกันว่าใครเก็บมาใส่บาตรได้คนนั้นจะได้บุญกุศลมากกว่า
ดอกเข้าพรรษา ในความหมายของชาวอำเภอพระพุทธบาท แบ่งเป็น 2 สกุล คือ 1.ดอกเข้าพรรษาสกุลกระเจียว (CURCUMA SP) เป็นดอกเข้าพรรษาสีขาว หรือสีขาวอมชมพูกลีบดอกย่อยแต่ละกลีบมีลักษณะหนาและค่อนข้างแข็งแรง ปลายกลีบแหลม เกิดเรียงซ้อนกันเป็นช่ออยู่รวมกันที่ปลายก้านดอก เป็นพันธุ์ไม้พื้นถิ่นแท้ๆ ผู้เชี่ยวชาญพันธุ์ไม้สกุลกระเจียวลงความเห็นว่ามีลักษณะแตกต่างไปจากกระเจียวพันธุ์อื่นๆและไม่มีรายงานพบกระเจียวชนิดนี้ในถิ่นอื่น
2. ดอกเข้าพรรษาในกลุ่มหงส์เหิน (GLOBBA SPP) มีหลายสี ดอกย่อยแต่ละดอกมีขนาดเล็กกลีบดอกบอบบาง มีก้านเกสรยาวงอนออกมาจากดอกย่อยแต่ละดอกที่เกิดบนช่อดอกที่ยาวโค้งอ่อนช้อย บางชนิดมีกลีบดอกแคบ บางชนิดมีกลีบดอกกว้างมองดูคล้ายนกบิน จึงเรียกกันว่ากลุ่มหงส์เหิน
หลังจากพุทธศาสนิกชนตักบาตรดอกไม้และพระสงฆ์รับบิณฑบาตรดอกไม้แล้วก็จะนำเข้าไปในพระมณฑป และระหว่างเดินทางกลับลงมาพุทธศาสนิกชนก็จะนำน้ำสะอาดมาล้างเท้าให้ ซึ่งถือว่าเป็นการชำระบาปของตนเอง
การเดินทางจบลงด้วยอาหารเย็น และแยกย้ายกันกลับสู่กรุงเทพ ฯ หลังจากเก็บเกี่ยว ชีวิต วัฒนธรรมและธรรมชาติ กันอย่างดื่มด่ำมาตลอด 3 วันเต็ม
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ถนนท่องเที่ยว
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51757