พิเศษ(formula)
เกีย พาชม
อุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลี นับเป็นยักษ์ใหญ่อันดับสองในเอเชีย รองจากญี่ปุ่น มีรถยนต์ทั้งหมด 5ยี่ห้อได้แก่ ฮันเด/เกีย/จีเอม-แดวู/ซังยง และเรอโนลต์-ซัมซุง ในปี 2544 อุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลีทำยอดขายรถยนต์รวมทั้งสิ้นได้ 2.9 ล้านคัน ตัวเลขนี้รวมยอดขายภายในประเทศ และยอดการส่งออก
ครั้งนี้เราได้รับเชิญจาก เกีย เพื่อไปทำข่าวมหกรรมยานยนต์ที่เกาหลี
งานแสดงที่สะท้อนศักยภาพอุตสาหกรรมยานยนต์เกาหลี เกียเป็นบริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อันดับสองของเกาหลีรองจาก ฮันเด เป้าหมายของ เกีย คือการขึ้นเป็น1 ใน 5 มหาอำนาจผู้ผลิตรถยนต์ของโลกภายในปี 2553 (2010)ถึงแม้เป้าหมายที่ตั้งไว้ดูเหมือนจะไกลลิบแต่ถ้านั่นหมายถึงการผนึกกำลังร่วมกับบริษัทร่วมสัญชาติอย่าง ฮันเด ก็คงเป็นฝันที่ไม่ไกลเกินจริงนักเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้หนึ่ง กล่าวยืนยันหนักแน่นพร้อมปลุกระดมเลือดรักชาติว่า "เราจะทำปาฏิหาริย์อีกครั้ง แบบเดียวกับครั้งที่เกาหลีใต้เข้ารอบ 1 ใน 4 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก"
มหกรรมยานยนต์โซล 2002
จัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ครั้งนี้ผู้จัดเลือกอาคาร COEX เป็นสถานที่จัดงาน บนเนื้อที่แสดง28,746 ตรม. รวมเวลาทั้งหมด 10 วัน เก็บค่าบัตรเข้าชมงาน 6,000 วอน (240 บาท) สำหรับผู้ใหญ่และ 4,000 วอน (160 บาท) สำหรับเด็ก สำหรับตั๋วที่จองล่วงหน้า มีส่วนลดให้ 20 %
งานครั้งนี้มีบริษัทที่เข้าร่วมงานทั้งหมด 188 บริษัทจาก 11 ประเทศทั่วโลก
แต่เนื่องจากเกาหลีใต้มีเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตัวเองเป็นหลักอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลเป็นพิเศษเราจึงเห็นว่าบริษัทรถยนต์ที่มาร่วมงานทั้งหมดมีเพียง 5 ยี่ห้อ(ไม่รวมรถบรรทุกและรถที่มาแสดงอย่างเดียว ไม่ได้ทำตลาด) และเป็นบริษัทของเกาหลีเองทั้งหมด อาทิ เกีย/ฮันเด/จีเอม-แดวู/ซังยง และเรอโนลต์-ซัมซุง ส่วนคำขวัญงานปีนี้คือ "ร่วมสานฝันไปกับวงล้อ" งานครั้งนี้บรรดากองทัพรถต้นแบบเมืองโสม ตบเท้าเข้าร่วมงานกันเพียบ
ฮันเด
ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ก่อตั้งเมื่อปี 2510 กำลังการผลิตทั่วโลก 2.4 ล้านคันมีพนักงานในเกาหลีทั้งหมด 48,831 คน กวาดยอดขายในปี 2544 ไปทั้งสิ้น 1.5 ล้านคันถือว่าเป็นกว่าครึ่งหนึ่งของยอดการขายรถทั้งประเทศ 53 % เป็นยอดการส่งออก และ 47 %เป็นยอดการขายภายในประเทศ
ฮันเด จับจองพื้นที่ใหญ่สุดในงานกว่า 2,000 ตรม. นำรถมาแสดงทั้งหมด 21 คัน และ 2คันในนั้นเป็นรถต้นแบบที่ทำเพื่อมาอวดความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ได้แก่ HCD-7รถธงแนวคิดหรูหรา กว้างขวางสะดวกสบาย เครื่องยนต์อลูมินัม DOHC วี 8 สูบ 32 วาล์ว 4.5 ลิตรรีดแรงได้ 270 แรงม้า ยางขนาด 21 นิ้ว ออกแบบโดยสำนักออกแบบ ฮันเด ในเมือง เฟาเทน วัลเลย์(FOUNTAIN VALLEY) แคลิฟอร์เนีย เตรียมทาบรัศมีรถรุ่น เซนเทนเนียล (CENTENNIAL) และรุ่นจีเอกซ์ 350 (XG350) รถธงหรูสุดของ ฮันเด ที่กำลังสร้างชื่ออยู่ในตลาดสหรัฐอเมริกา และ HIC (HIGH-TECHNOLOGY INTELLIGENCE COUPE) รถแนวคิดสปอร์ทคูเป
ออกแบบโดยนักออกแบบชาวญี่ปุ่น และใช้พื้นฐานโครงสร้างของรุ่น เอกซ์จีติดตั้งระบบปรับลอคความเร็วตามคันหน้าและกล้องอินฟราเรดที่เพิ่มทัศนวิสัยสำหรับการขับขี่เวลากลางคืน ส่วนรถรุ่น ทัสกานี (TUSCANI)
/แอโร (AERO) และ ตีบูโรน (TIBURON) เป็นรถเด่นอีกคันที่มาพร้อมกับชุดแต่งพิเศษ
นอกจากนำรถมาแสดงแล้ว ยังมีเทคโนโลยีล่าสุดมาอวดอีกด้วยเช่น ระบบ AGCS (ACTIVE GEOMETRY CONTROL SUSPENSION) ระบบช่วงล่างอัจฉริยะที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าปรับระดับช่วงล่าง เพื่อให้รถยึดเกาะถนนดีขึ้น และระบบ เทเลแมทิคส์(TELEMATICS) ที่พัฒนาร่วมกับไอบีเอม เป็นระบบสื่อสารกับศูนย์ข้อมูลด้วยเสียง แจ้งเหตุฉุกเฉินหรือสอบถามข้อมูลเส้นทาง ซึ่งจะเริ่มทดลองใช้ในเกาหลีใต้ภายในปีนี้
เกีย
ยักษ์รองขึ้นแท่นอันดับสอง ก่อตั้งเมื่อปี 2487 กวาดยอดขายปี 2544 ไป 0.9 ล้านคันครองส่วนแบ่งตลาด 29.0 % เป็นยอดการส่งออกถึง 54 % มีพนักงานทั้งหมดเกือบ 30,000 คน
รถที่นำมาแสดงทั้งหมด 20 คัน ประกอบไปด้วยรถที่อยู่ในสายการผลิต 18 คัน อาทิ โซเรนโตเอสยูวีร้อนแห่งปี ออพทิมา/มาเจนทิส/รีโอ/คาเรนส์ และคาร์นิวัล ลีมูซีนหรูหรือสำนักงานเคลื่อนที่ติดตั้งระบบเอนเตอร์เทนเมนท์เพียบ จอมอนิเตอร์ เครื่องเล่นดีวีดี เก้าอี้พร้อมที่พักขาปรับหมุนได้รอบ
โต๊ะทำงาน และตู้แช่ไวน์ และรถต้นแบบ 2 คัน ได้แก่ KCV-I และ KCV-II
KCV-I
รถแนวคิดอเนกประสงค์ (MPV) เน้นพื้นที่ใช้สอย รวมเอาความเป็นรถเก๋ง รถตรวจการณ์และรถอเนกประสงค์ไว้ในคันเดียว โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานจากรุ่น คาเรนส์ ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.0ลิตร ภายในห้องโดยสารออกแบบพิเศษ จอภาพสะท้อนขึ้นที่กระจกหน้า ด้ามเกียร์ปรับตำแหน่งได้และเก้าอี้ปรับพับได้หลายรูปแบบ เพื่อความสะดวกในการใช้พื้นที่
KCV-II
รถแนวคิดกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ออกแบบโดยสำนักออกแบบ เกีย ในยุโรป ที่เมืองเอชโบร์น(ESCHBORN) ประเทศเยอรมนี รวมเอาแนวคิดรถกระบะ รถคูเปและรถสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งเข้าไว้ด้วยกัน ประตูคู่หน้าเปิดแบบปีกนกประตูบานพับหลังช่วยให้การเข้าออกสะดวกขึ้น เครื่องยนต์ วี 6 สูบ 3.5 ลิตร ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อฟูลล์ไทม์ ภายในติดตั้งระบบช่วยการมองเห็นในเวลากลางคืนถุงลมนิรภัยปรับขนาดตามความแรงของอุบัติเหตุ สัญญาณเตือนเมื่อลมยางอ่อนระบบช่วยควบคุมทิศทางป้องกันการลื่นไถล ระบบป้องกันล้อลอคระบบช่วยเพิ่มแรงเบรคขณะเบรคฉุกเฉิน ระบบปรับตั้งความเร็วตามคันหน้ากระจกปรับความเข้มแสงอัตโนมัติ ระบบปรับตำแหน่งไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อมีน้ำหนักบรรทุกที่ปัดน้ำฝนปรับความเร็วอัตโนมัติตามปริมาณเม็ดฝน ระบบเปิดรถโดยไม่ใช้กุญแจ ระบบทำทางและเครื่องเสียง MP3 เก้าอี้คู่หลังสามารถพับพิเศษได้สำหรับบรรทุกและสันทนาการ
จีเอม-แดวู
ยักษ์รองอันดับสาม เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างยักษ์ใหญ่ลุงแซม (จีเอม) กับเมืองโสม (แดวู) ก่อตั้งปี2515 มีพนักงานประมาณ 14,000 คน ยอดขายทั้งหมดที่ทำได้ 0.4 ล้านคัน ส่วนแบ่งตลาด 13.3 %เป็นยอดการส่งออก 56.3 % ที่เหลือเป็นยอดขายภายในประเทศ
เป็นครั้งแรกที่ จีเอม-แดวู เข้าร่วมงานมหกรรมยานยนต์โซลอย่างเป็นทางการหลังจากเพิ่งแนะนำบริษัทเมื่อปลายปีที่แล้ว ครั้งนี้จับจองพื้นที่ใหญ่ 1,768 ตรม. นำรถมาแสดงทั้งหมด17 คัน และ 6 คันในนั้นเป็นรถที่ไม่เคยเผยโฉมมาก่อน รุ่น เลเซตตี (LECETTI) เปิดตัวครั้งแรกในงานนี้
จีเอม-แดวู จ้างสำนักออกแบบอิตาเลียนปั้นแต่รูปทรงภายนอกให้ นำรถต้นแบบมาแสดง 2 คันคือ โอโต(OTO) รถแนวคิด กิจกรรมกลางแจ้งทรงคูเป และเฟลกซ์ (FLEX )เอมพีวีที่ติดตั้งระบบเทคโนโลยีสื่อสารข้อมูลล่าสุด ห้องโดยสารภายในสามารถปรับเปลี่ยนเป็น ห้องนอนสำนักงาน เทนท์ หรือแม้กระทั่งรถขนของ และยังนำรถแนวคิด ฮาย-ไวร์ (HY-WIRE)
แสดงถึงพลังงานยุคหน้า โดยใช้พลังงานไฮโดรเจน และใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวผลิตกำลังตัวรถมีโครงสร้างแบบ "สเกทบอร์ด" มีความหนาเพียง 11 นิ้วโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำเนิดพลังงานทั้งการขับเคลื่อนและการควบคุมทิศทางนักออกแบบจะมีอิสระมากขึ้นเพราะไม่ต้องมี แกนพวงมาลัย และข้อจำกัดเดิมๆสามารถสลับตัวถังแบบอื่นมาครอบได้ตามความชอบ
ซังยง
ยักษ์รองอันดับสี่ เป็นหนึ่งในสามบริษัทรถยนต์เกาหลีที่ยังคงเชื้อสายเกาหลี 100 %หลังจากผ่านภาวะวิกฤติเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วงในปี 1998 ขนาดจำเป็นต้องพึ่งพาด้านการเงินจากแดวู แต่หลังจากนั้นเพียงไม่นาน แดวู ก็ประสบปัญหาล้มละลายหลังจากที่ปรับโครงสร้างหนี้เรียบร้อยก็พร้อมทำตลาดอีกครั้ง โดยแยก ซังยง ออกจาก แดวูซังยงเชี่ยวชาญพิเศษในเรื่องรถขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยมีจุดขายคือเครื่องยนต์ที่ใช้ เป็นเครื่องยนต์จากเมร์เซเดส-เบนซ์ บริษัท ก่อตั้งเมื่อปี 2497 มีพนักงานประมาณ 6,000 คน ยอดขายในปี 2544 ทำได้ 125,832 คัน (4.3 %) เกือบทั้งหมดเป็นยอดขายภายในประเทศ (90 %)
รถที่นำมาแสดงมี 9 คัน เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) 4 รุ่น รถเก๋งขนาดใหญ่ 1 รุ่น รถตู้ 1 รุ่นและรถต้นแบบอีก 3 คัน รุ่น เฮโมส (HEMOS) รถต้นแบบ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง หรูหราออกแบบห้องโดยสารขึ้นพิเศษ เก้าอี้สามารถปรับเปลี่ยนได้หลายแบบ ติดตั้งระบบโฮมเธียเตอร์ ดีวีดี และเกมส์ ไว้ครบ รุ่น อมาโอ (AMAO) รถต้นแบบ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง
เป้าหมายการพัฒนาเพื่อให้ถูกใจคนหนุ่มสาว เปิดประทุนหลังเหมาะสำหรับวิ่งบนชายหาด และรุ่นครอสซุท (CROSSUT) รถต้นแบบ สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับ เมร์เซเดส-เบนซ์ ด้านท้ายเป็นแบบพิคอัพ ออกแบบเพื่อจุดประสงค์การใช้งานกิจกรรมสันทนาการเน้นการออกแบบประโยชน์ใช้สอยพื้นที่ เรกซ์ทัน (REXTON) รถกิจกรรมกลางแจ้งที่เอาใจตลาดบน
เรอโนลต์-ซัมซุง
ยักษ์เล็กเมืองโสมเป็นการร่วมทุนระหว่างบริษทยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมยานยนต์ฝรั่งเศสกับบริษัทยักษ์ใหญ่อุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์เกาหลี เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 3 ปี มีพนักงาน 4,000 คน ในปี 2544 ทำยอดขายได้เป็นอันดับห้า 70,788 คัน มีส่วนแบ่งตลาด 2.4 % ยอดขายเกือบทั้งหมดเป็นยอดจำหน่ายภายในประเทศ มีรถในสายการผลิตเพียงสองรุ่นได้แก่ เอสเอม 3 และ เอสเอม 5ซึ่งนำเอาเทคโนโลยีเกือบทั้งหมดมาจาก นิสสัน ซันนี และเซฟีโร ที่เป็นบริษัทเครือญาติสนิทกับเรอโนลต์
ขอขอบคุณ บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด ที่อำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง
เรื่องโดย : ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51560