ร่มไม้ชายศาล
"เช่าซื้อแล้วหยุดไม่ได้"
คดีนี้น่าสนใจมาก เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่กระดี้กระด้าเช่าซื้อรถหรือผ่อนรถกันโครมๆ อยู่ในเวลานี้ไม่น้อย
แรกเริ่มเดิมที "นายสปอร์ท" แกอยากใช้รถเก๋งกึ่งสปอร์ทเหมือนชื่อเพื่อความมันและความเท่ จึงกัดฟันกำเงินเป็นแสนๆไปดาวน์รถเก๋งยี่ห้อหนึ่งสัญชาติเยอรมัน จำนวนหนี้สินที่ต้องผ่อนส่งหวิด 2 ล้านบาท ต้องผ่อนส่ง 48 งวด/เดือนๆ ละ40,800 บาท มันน้อยอยู่เมื่อไหร่
นายสปอร์ท ทำมาค้าขายไม่ใหญ่โตอะไร จึงไม่รอดสันดอน ผ่อนส่งได้งวดเดียวก็หน้าเหลืองเป็นขมิ้นจึงหาทางคืนรถให้ "บริษัทไม่เขี้ยวไฟแนนซ์ จำกัด" แต่ไม่สำเร็จ รถอยู่ในความครอบครองของ นายสปอร์ท เรื่อยมา
ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2541 (สังเกตวันเดือนปีไว้ให้ดี) บริษัทไม่เขี้ยว ฯ แสดงความเขี้ยว ด้วยการยื่นฟ้อง นายสปอร์ทบังคับให้คืนรถ ถ้าไม่คืนให้ชดใช้ราคา 1,917,600 บาทชำระค่าขาดประโยชน์เนื่องจากเอารถไปใช้โดยไม่ผ่อนส่งเป็นเงิน 370,000 บาท กับค่าขาดประโยชน์เดือนละ 10,000บาท นับจากวันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะส่งมอบรถคืนหรือใช้ราคารถ พร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีของเงินค่าเสียหาย 370,000 บาท และเงินค่ารถเกือบ 2 ล้าน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะใช้เสร็จ
นายสปอร์ท อยู่ไม่ได้ จ้างทนายสู้คดี ให้การว่า ตกลงซื้อขายแบบเงินผ่อน ไม่ได้ตกลงเช่าซื้อ บริษัท ฯจึงนำสัญญาเช่าซื้อมาฟ้องไม่ได้ ว่าไปโน่น งานนี้ นายสปอร์ท เห็นว่าบริษัท ฯ ไม่ได้เป็นเจ้าของรถไม่สามารถโอนรถให้แก่ตนได้ ถือว่าสัญญาเลิกกัน นายสปอร์ท ผ่อนส่งไป 4 งวดเห็นท่าไม่ดี กลัวเสียเงินฟรีจึงไม่ได้ผ่อนส่งอีก แจ้งให้บริษัท ฯ มารับรถคืนไป แต่บริษัท ฯ เพิกเฉย บริษัท ฯจึงไม่มีสิทธินำคดีนี้มาฟ้องเรียกร้องเงินใดๆ ทั้งสิ้น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินให้บริษัทไม่เขี้ยวไฟแนนซ์ ฯ ชนะคดีเกือบเต็มตามฟ้อง บังคับให้ นายสปอร์ทคืนรถในสภาพที่ใช้การได้ดี คืนไม่ได้ให้ชดใช้ราคา 1,958,400 บาท จ่ายค่าขาดประโยชน์อีก 102,465 บาท
พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5/ปี จากต้นเงินค่าเสียหายนับจากวันถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จและจ่ายค่าเสียหายอีกเดือนละ 5,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะคืนรถหรือใช้ราคา แต่ไม่เกิน 12 เดือน
นายสปอร์ท แทบหมดแรงข้าวต้ม กัดฟันแก้เกมด้วยการให้ทนายยื่นอุทธรณ์ ยกข้ออ้างอย่างเดิม
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้ ตัวเลขของราคารถเหลือ 1,550,000 บาท ตามสภาพรถที่ควรจะเป็นแต่เพิ่มภาระให้แก่ นายสปอร์ท เข้าไปอีกด้วยการบังคับให้จ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 7.5/ปี ของราคารถที่จะต้องชดใช้หากคืนรถไม่ได้ ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่ได้อุทธรณ์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้ สรุปแล้วอ่วมพอๆกันกับที่ศาลชั้นต้นตัดสิน
จำเลยคือ นายสปอร์ท ดิ้นรนจนถึงที่สุดด้วยการกัดฟันหาเงินค่าธรรมเนียมมาวางศาลเพื่อยื่นฎีกาอีกหมดไปหลายหมื่นบาท นอกเหนือจากที่เสียไปแล้วในชั้นอุทธรณ์
ศาลฎีกาเพ่งพินิจพิจารณาคดีนี้อย่างรัดกุมและชี้ขาดออกมาว่า
ข้ออ้างเรื่องไม่มีอำนาจฟ้องของ นายสปอร์ท นั้น ศาลฎีกาแทงว่าการขายรถผ่อนส่งเป็นการขายที่มีเงื่อนไขจะโอนกรรมสิทธิ์ในภายหลังผู้ขายจึงนำทรัพย์สินที่ตนเองจะมีกรรมสิทธิ์ในอนาคตออกขายล่วงหน้าได้ งานนี้บริษัทให้ นายสปอร์ท เช่าซื้อรถวันที่ 7กุมภาพันธ์ 2541 แล้วบริษัทมาทำสัญญาเช่าซื้อรถจากบริษัทแม่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2541และรับโอนรถมาเป็นกรรมสิทธิ์เดือนมิถุนายน ปีเดียวกัน จึงไม่เป็นปัญหาบริษัทไม่เขี้ยว ฯ นำรถมาให้ นายสปอร์ทเช่าซื้อได้ จึงมีอำนาจฟ้อง นายสปอร์ท เมื่อผิดสัญญา
ข้ออ้างสำคัญของ นายสปอร์ท ที่บอกเลิกสัญญาให้บริษัทรับรถคืน ไม่ต้องการเช่าซื้ออีกแล้ว จึงไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญาศาลฎีกาฟันธงว่า สัญญาที่ปรากฏไม่มีการกำหนดให้ นายสปอร์ท เลิกสัญญาได้แต่ฝ่ายเดียว เมื่อบริษัท ฯไม่ยินยอมรับรถคืนไม่ยอมเลิกสัญญา บริษัท ฯ จึงไม่ต้องรับรถคืน ถือว่า นายสปอร์ท ครอบครองรถตลอดมาเมื่อไม่จ่ายค่างวดทำให้บริษัท ฯ ขาดประโยชน์ได้รับความเสียหาย นายสปอร์ท จึงต้องจ่ายค่าเสียหาย
ศาลล่างกำหนดให้จ่าย 1 แสนกว่าบาท และอีกเดือนละ 5,000 บาท จนกว่าจะส่งมอบรถคืนหรือใช้ราคารถเหมาะสมแล้ว
แต่เอาเถอะไหนๆ ฎีกาขึ้นมาทั้งที ศาลฎีกาเห็นว่า ศาลอุทธรณ์กำหนดให้ นายสปอร์ทจ่ายดอกเบี้ยกรณีที่ต้องใช้ราคารถ 1,550,000บาท ทั้งๆ ที่ศาลชั้นต้นไม่กำหนด บริษัทก็ไม่ได้อุทธรณ์ขึ้นมาเป็นการไม่ถูกต้อง แม้ นายสปอร์ท เมาหมัด ไม่โต้แย้งขึ้นมาก็ตาม
ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ ไม่ให้ นายสปอร์ท จ่ายดอกเบี้ยกรณีคืนรถไม่ได้และต้องใช้ราคา ดังที่ศาลอุทธรณ์ว่าไว้
คดีนี้เพิ่งตัดสินหมาดๆ ในปี 2545 ถือว่าทันสมัยใหม่สุดพอสมควร
ประเด็นที่คนซื้อรถผ่อนควรใส่ใจคือ เมื่อทำสัญญาเช่าซื้อแล้วไม่อยากผ่อนส่งอีกต่อไป เช่นไม่ชอบใจรถรถมีปัญหาภายหลัง หรือผ่อนส่งไม่ไหว สามารถคืนรถให้บริษัทได้ไหม ซึ่งศาลฎีกาในคดีนี้แทงว่า ลูกค้าทำไม่ได้
ถ้าบริษัทไม่เอาด้วย
มองทางด้านผู้ขายรถผ่อนส่ง เมื่อรถไปอยู่ในมือลูกค้าก็กลายเป็นรถมือสอง เสียราคาทันทีเมื่อเขาลงทุนเอารถใหม่แกะกล่องมาให้เช่าซื้อ แล้วลูกค้าบอกเลิกสัญญาง่าย ๆ บริษัทก็ตายหยังเขียดเท่านั้นเองการตัดสินของศาลคงมองในแง่นี้
ขณะเดียวกันลูกค้าเมื่อตัดสินใจแล้วไม่น่าชักเข้าชักออกตามอำเภอใจ
และในความเป็นจริงลูกค้าก็มีทางแก้ไขตามสมควร เช่นหาคนมาเช่าซื้อช่วงโดยลดราคาลงหรือง้อนง้อบริษัทให้นำไปขายต่อ หรือให้บริษัทรับรถคืนโดยคิดราคาตามสภาพในขณะนั้น ซึ่งทำกันอยู่แล้ว
ฉะนั้น ไอ้ที่ผ่อนรถกันโครมๆ จึงต้องคำนึงถึงกระเป๋า คำนึงถึงรถที่เลือกว่าโอเคแค่ไหน
จะได้ไม่เป็นปัญหาภายหลังเหมือนอย่างที่ นายสปอร์ท โดนและเป็นหนี้หูตูบ เมื่อเจอค่าเสียหาย 1 แสนกว่าค่าเสียหายอีกเดือนละ 5,000 บาท ตั้งแต่วันที่โดนฟ้องคือ วันที่ 18 มิถุนายน 2541 ถึงปี 2545 เมื่อศาลฎีกาตัดสินและต่อไปอีกจนกว่าจะคืนรถ อานเลยละ.
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1180/2545
เรื่องโดย : จอมยุทธ
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2546
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51556