ร่มไม้ชายศาล
ไม่ข้ามทางม้าลาย
ปัญหาโลกแตก หมายถึงปัญหาที่แก้ไขไม่สำเร็จเป็นอมตะนิรันดร์กาลสำหรับบ้านเรามีเยอะ จาระไนสามวันสามคืนไม่หมด สาเหตุหนึ่งเกิดจากคนของเรา "ไร้วินัย"ชอบทำตามใจตัวเองอย่างเส็งเคร็งที่สุดในโลก
"การใช้ทางม้าลาย" หรือ "ใช้สะพานลอย" ก็เป็นอะไรที่แก้ไม่ตก มีความพยายามนับครั้งไม่ถ้วนที่จะให้มันสำเร็จ ให้คนของเรารู้จักข้ามถนนถูกวิธีเยี่ยงอารยประเทศแต่เหลวตลอดจนกระทั่งป่านนี้ ไม่มีวี่แววว่าเราจะทำได้
สะพานลอยลงทุนสร้างหมดเงินเป็นล้านๆ ต้องประมูลต้องฮั้ว ข้าราชการกับพ่อค้าต้องสุมหัวกันโกงกินด้วยความเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้คนเดินข้าม แต่มากมายหลายแห่งกลายเป็นสะพานร้างคนมันไม่ยอมใช้ เหลืออย่างเดียวต้องจุดธูปจุดเทียนบอกกระมัง
สาเหตุคือไม่สะดวก คนเดินเท้าไม่อยากตะเกียกตะกายหาทางม้าลายหาสะพานลอยเพื่อข้าม ขณะเดียวกัน รถยนต์รถอื่นๆ ก็ไม่สะดวก ในการหยุดรถเมื่อเจอทางม้าลายเพื่อให้คนข้าม
พวกเราพอใจที่จะชิงไหวชิงพริบ หาจังหวะวิ่งข้ามถนน เล่นเอาเถิดกับรถ ขณะที่รถก็พอใจในการเล่นเอาเถิดกับคนข้ามถนน ถือว่าวัดดวง เพื่อความตื่นเต้น
ใครซวยก็ช่วยไม่ได้ ต้องไปเกิดใหม่บ้าง พิการบ้าง เข้าตะรางบ้าง ต้องวิ่งเต้นล้มคดีกับตำรวจบ้าง ให้ตำรวจรีดไถบ้าง เพลินดีออก ประเทศไทยของเรา
คดีนี้ก็เป็นเรื่องของคนที่อยากไปเกิดใหม่เร็วหน่อย พี่แกชื่อ "นายเฉ้าก๊วย" อยู่กทม. เมืองที่คนจีนเชื้อสายไทยจำนวนมากยึดครอง ไม่มาตกระกำลำบากคอยกู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้านหรือแบงค์ออมสินดอกเบี้ยแพงอย่างคนไทยท้องถิ่น
เมื่ออยู่กทม. นายเฉ้าก๊วย ก็ต้องเสี่ยงเรื่องข้ามถนนตามสไตล์ไทยแลนด์อย่างที่บอก และแล้ววันนั้นก็มาถึง ขณะเดินข้ามถนนสุขุมวิท บริเวณสี่แยกนานา รถวิ่งได้ทางเดียว มีช่องบัสเลนนายเฉ้าก๊วย ซึ่งเล่นเอาเถิดกับรถเมล์ของ ขสมก. ก็เสร็จ โดนรถเมล์เฉี่ยวชนจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เพราะไม่ได้ข้ามตรงทางม้าลาย รักษาได้ไม่นานก็ตาย
ก็อย่างที่บอก กลัวศาลมีเวลาว่างนั่งบี้สิวส่องพระ จึงเกิดรายการเบี้ยวบิดไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายอะไรง่ายๆ ในบ้านเรา เมียของ นายเฉ้าก๊วย คือ "นางโอเลี้ยง"ต้องจ้างทนายยื่นฟ้ององค์การขนส่งมวลชนเป็นจำเลย บังคับให้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าจัดการศพ ค่าทำพิธีกงเต๊ก เป็นเงิน 110,606 บาท ค่าขาดไร้อุปการะเดือนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 10 ปีเป็นเงิน 420,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน 5 แสนกว่าบาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยสู้คดี ให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ครอบครองรถ ไม่ได้เป็นนายจ้างของโชเฟอร์ เหตุเกิดเพราะสุดวิสัย นายเฉ้าก๊วย ไม่ข้ามตรงทางม้าลายที่อยู่ใกล้ๆ แถวนั้น ค่าจัดการศพชาวบ้านเขาไม่เกิน 2หมื่นบาท ค่าขาดไร้อุปการะไม่เกิน 2 หมื่นบาท ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว ตัดสินให้ขสมก. จ่าย 229,665.79 บาท พร้อมดอกเบี้ย ได้ไม่ถึงครึ่งว่างั้นเหอะสำหรับศพหนึ่ง
นางโอเลี้ยง ผู้เป็นโจทก์อีคงเหนื่อยเมื่อยล้าในการเป็นความ จึงไม่ดิ้นรนอะไรอีก ศาลให้แค่ไหนก็เอาแค่นั้น
ฝ่ายจำเลยกลับดิ้นขลุก ยื่นอุทธรณ์จะให้ยกฟ้องลูกเดียว
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว ไม่เห็นเป็นอย่างอื่น พิพากษายืน
จำเลยยังดิ้นอีกตามเคย ยื่นฎีกาขึ้นไป ใจคอจะให้ นายเฉ้าก๊วย ตายฟรีว่างั้นเถอะ
ศาลฎีกาจึงเมื่อยเพิ่มขึ้น คว้าสำนวนคดีนี้มาพิจารณาแล้วชี้ขาดออกมาว่าเป็น จากเหตุสุดวิสัยหรือเกิดจากความผิดของ นายเฉ้าก๊วย ฝ่ายเดียวจ้ด้วยเครื่องจักรกลจึงเข้าข่ายตามกฎหมเมื่อได้ความว่าโชเฟอร์รถเมล์เป็นลูกจ้างขสมก. กระทำในทางการที่าง ครอครองควบคุมดูแลรถอันเดินายแพ่ง มาตรา 437 ขสมก. ต้องรับผิดชอบยกเว้นจะพิสูจน์ได้ว่าเกิดงานนี้ไม่ได้ตัวโชเฟอร์มาเป็นพยานเพราะหลบหนี มีแต่กระเป๋ารถบอกว่า นายเฉ้าก๊วย เดินข้ามถนนไปแล้วถอยหลังเข้ามาในบัสเลนในระยะกระชั้นชิด จึงเกิดเหตุขึ้นโชเฟอร์ห้ามล้อไม่ทัน ศาลยังไม่เชื่อว่าเป็นเหตุสุดวิสัย แต่ศาลฟังจากโจท์แล้วเชื่อว่ารถเมล์ขับเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ฝ่ายรถเมล์ประมาท
ในส่วนของค่าเสียหาย ศาลแจงละเอียดว่า แม้ผู้ตายไม่ข้ามถนนในทางข้ามซึ่งอยู่ไม่ห่างที่เกิดเหตุ ถือว่าผู้ตายประมาทด้วย แต่ศาลก็เห็นว่าฝ่ายรถเมล์ประมาทมากกว่าเพราะไม่ชะลอความเร็วเมื่อใกล้ถึงทางแยก สำหรับค่าขาดไร้อุปการะได้ความว่าตอนตาย นายเฉ้าก๊วย อายุ 58 ปี ศาลให้ค่าขาดไร้อุปการะแก่นางโอเลี้ยงภรรยา นายเฉ้าก๊วยเดือนละ 2,500 บาท เป็นเวลา 7 ปี คะเนอายุคงถึง 65 ปี ถือว่าโอเค เหมาะแล้ว ลดไม่ได้
ค่าปลงศพ เขามีใบเสร็จและเอกสารภาษาจีนมาแสดง ระบุว่าทำพิธีกงเต๊ก เสียค่าใช้จ่ายหลายรายการ ศาลกำหนดให้ 67,697 บาท ถือว่าเหมาะสมเมื่อรวมค่ารักษาพยาบาลก่อนตายอีกแปดพันกว่าบาท ค่าเสียหายจึงรวม 306,221 บาท
เมื่อได้ความว่านายเฉ้าก๊วยประมาทด้วยที่ไม่ข้ามทางม้าลาย ศาลจึงให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายลดลง 1 ใน 4 เหลือ 2 แสนกว่าบาท ตามที่ศาลล่างตัดสิน ชอบแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษายืน
ผลของการไม่ข้ามถนนให้ถูกที่ถูกทางบางประเทศตายฟรี หมายถึงฟรีจริงๆ เรียกร้องอะไรจากรถไม่ได้ แต่ของเรารถยังเจอศึกหนักอยู่ดี เพราะรถบ้านเราทะลุ่มทะลุ่ยตั้งท่าจะบี้คนเดินถนนอยู่แล้ว
สำหรับคดีนี้ ศาลมองว่านายเฉ้าก๊วยประมาทด้วย แต่ประมาทน้อยกว่า สักหนึ่งในสี่ของความประมาทที่เกิดขึ้น จึงลดค่าเสียหายลง ให้รถจ่าย 3 ใน 4
กรณีที่ประมาทเท่ากัน ก็เจ๊า รถไม่ต้องจ่าย
ถามว่าคดีอาญา ศาลจะว่ายังไง
คดีอาญาไม่มีเจ๊าครับผม ใครประมาทต้องรับผิดในส่วนที่ตนทำไป เอาความประมาทของคนอื่นมาหารไม่ได้ แต่มีส่วนลดให้เช่นกัน ถ้าอีกฝ่ายประมาทด้วย คือโทษเบาลงหน่อย
ยกเว้นในรายที่พิสูจน์ได้ว่าเป็นเหตุสุดวิสัย นั่นหมายความว่ารถไม่ได้ประมาท ระมัดระวังคนเดินถนนอย่างเต็มที่ ขับช้าแล้ว ชะลอรถแล้ว แต่คนเดินถนนยังวอนหาเรื่องให้รถชนเช่นวิ่งตัดหน้ากระชั้นชิด ยังงี้ไม่มีโทษทางอาญา ที่ไม่มีโทษเพราะ "ไม่ประมาทเลย"
จำไว้ คนเราเกิดมายาก แต่ตายเอาง่ายๆ เพราะมักง่ายในการข้ามถนน อย่าเห็นเป็นเรื่องล้อเล่น
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 765/2533
ABOUT THE AUTHOR
จ
จอมยุทธ
ภาพโดย : -นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2545
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล