บทความ
ค่าโง่
เดือนธันวาคมอันเป็นเดือนส่งท้ายของปีในปีนี้ ดูเหมือนว่าจะมีเหตุชี้ชัดให้ได้รับรู้กันว่า ในแวดวงของผู้
บริหารบ้านเมืองในระดับสูงๆ ของเรานั้นมักจะต้องวนเวียนอยู่กับ "ความโง่" จนต้องเสีย "ค่าโง่"กัน
ไม่รู้จักจบจักสิ้น
ล่าสุดก็คือ รัฐจะต้องเอาเงินประชนชนมาจ่ายเป็น "ค่าโง่" ให้กับเอกชนผู้รับเหมาสัมปทานสร้างทางยก
ระดับบางนา-บางปะกงเป็นจำนวนเงินถึง 6,200 ล้านบาท และเมื่อรวมกับดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นกับยอดวง
เงินนี้เข้าไปอีกก็จะตกถึงเกือบๆ 7,000 ล้านบาท
ที่ต้องจ่าย "ค่าโง่"ก็เพราะการทางพิเศษแห่งประเทศไทยไม่สามารถที่จะส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างทางยก
ระดับในระหว่างการก่อสร้างให้กับบริษัทผู้รับสัมปทานได้ภายในกำหนดเวลา จนเป็นเหตุให้การก่อสร้าง
เสร็จล่าช้ากว่ากำหนดจนเกิดความเสียหายผู้รับสัมปทาน "ขาดรายได้"เป็นจำนวนเงินสูงถึงระดับที่เขา
จำเป็นต้องเรียกร้องให้มีการชดใช้
คณะอนุญาโตตุลาการที่ทั้งสองฝ่ายคือการทางพิเศษแห่งประเทศไทยและบริษัทผู้รับสัมปทานก่อสร้าง
กำหนดให้มีขึ้นเพื่อพิจารณาข้อปัญหาข้อพิพาท อันระบุไว้เรียบร้อยในสัญญาต่อกันว่าจะต้องยอมรับการ
พิจารณาเป็นข้อยุติเด็ดขาดก็พิจารณาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า การทางพิเศษเป็นฝ่ายผิดจริง และจะต้อง
ชดใช้ค่าเสียหายให้กับบริษัทผู้รับสัมปทานก่อสร้างในจำนวนนี้
และนี่เองที่คำว่า "ค่าโง่"ปรากฏออกมากรอกรูหูประชาชนคนไทยทั้งประเทศจะต้องตกเป็นผู้รับภาระ
เป็นผู้จ่าย
จากนั้นก็เป็นเรื่องของการไล่เบี้ยหา "คนโง่"กันอุตลุด
เริ่มตั้งแต่กรมทางหลวงแผ่นดินผู้ทำหน้าที่ส่งมอบพื้นที่การก่อสร้าง
การทางพิเศษแห่งประเทศไทยผู้รับผิดชอบในการทำสัญญา และรวมทั้งอัยการแผ่นดินที่ดูแลเนื้อหาสาระ
เงื่อนไขและความถูกต้องของสัญญา
และที่จะเว้นเสียมิได้ก็คือความรับผิดชอบทางฝ่ายการเมืองอันได้แก่รัฐมนตรีที่กำกับดูแลในเรื่องนี้
เฉพาะด้านความรับผิดชอบของรัฐมนตรีที่ดูแลในเรื่องนี้ ตอนนี้ก็ปัดสวะโยนกลองกันให้วุ่นไปหมดแล้วว่า
ใครกันแน่ที่มีเอี่ยวใน "ความโง่"ครั้งนี้ ย้อนรอยขุดประวัติศาสตร์กันเพื่อหาตัวจริงให้ปรากฏ ซึ่งเชื่อกัน
โดยสุจริตว่าน่าจะมีฉากเงาของความไม่โปร่งใสบนพื้นฐานของการน่าจะมีส่วนแสวงหาผลประโยชน์เข้า
พกเข้าห่อตัวเองอันเป็นวัฒนธรรมที่ยึดถือปฏิบัติกันมาแต่ไหนแต่ไรด้วย
พูดถึง "ค่าโง่"ที่การทางพิเศษแห่งประเทศไทยมีส่วนร่วมแล้ว กรณีนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่กรณีแรก เคย
ปรากฏเป็นที่ประจักษ์มาแล้วหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้านี้
โครงการทางด่วนขั้นที่ 2 ก็เคยเกิดมาแล้ว แต่ก็สามารถกลบเกลื่อนจนเรื่องเงียบเชียบเพราะตกลง
ประนีประนอมหาทางออกกันได้
"ค่าโง่"ที่เกิดขึ้นหมาดๆ ไม่นานมานี้ ก็เรื่องการปรับขึ้นราคาค่าทางด่วนจาก 40 บาท เป็น 43 บาท
แล้วก็ลดลงมาเหลือ 40 บาทตามเดิม กรณียังไม่มีการเปิดเผยต่อสาธารณะว่าต้องจ่าย "ค่าโง่"ให้กับ
เอกชนผู้รับสัมปทานไปอีกเท่าไร
"ค่าโง่"ที่ประจาน "ความโง่"ที่ชัดเจนที่สุดอีกแห่งหนึ่งก็คือ "โครงการโฮปเวลล์"ในความรับผิดชอบ
ของการทางพิเศษหรือการรถไฟก็ไม่รู้ได้ อนุสรณ์ความโง่ปรากฏเป็นเสาคอนกรีตโด่เด่ทุเรศต่อสายตา
เต็มไปหมด
อีกนานแค่ไหนก็ไม่รู้ที่ขยะทางสายตาเหล่านี้จะถูกขจัดให้หมดไป จะด้วยวิธีการจ่าย "ค่าโง่"ให้รู้แล้วรู้
รอดไปหรือจะ "อวดฉลาด"ที่ไม่ค่อยจะมีให้ปรากฏ
"ค่าโง่"กำลังจะปรากฏให้ประชาชนต้องรับภาระยังมีคาราคาซังอยู่อีก
กรณีธนาคารชาติเอาเงินในท้องประคลังมาปกป้องค่าเงินบาทในยุคที่เศรษฐกิจของชาติกำลังจะถล่มทลาย
จนเกิดความเสียหายในกิจกรรมนี้เป็นเงินถึง 180,000 ล้านบาท
ตอนนี้อดีตผู้ว่าการธนาคารชาติซึ่งทำหน้าที่ในขณะนั้นกำลังจะตกเป็นผู้รับผิดชอบต้องจ่าย "ค่าโง่"จำนวน
นี้อยู่
ไม่มีการไล่เบี้ยไปถึงคนอื่นๆ ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองที่กำกับดูแลหรือเกี่ยวข้องรับรู้สั่ง
การ เพราะถ้าทำอย่างนั้นจะเป็นการลูบหน้าปะจมูกไป
ลงท้ายถ้าอดีตผู้ว่าการธนาคารชาติคนนี้ไม่มีปัญญาชดใช้คืนหรือเอาผิดกับใครไม่ได้ ประชาชนก็คงต้องรับ
หน้าที่จ่าย "ค่าโง่" เต็มๆ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงเป็นอย่างอื่น
กรณีที่ดิน "อัลไพน์"ที่เป็นทั้งสนามกอล์ฟและบ้านจัดสรรย่านรังสิตเป็นอีกกรณีหนึ่ง
คนเขายกที่ดินให้เป็นสมบัติของวัดแท้ๆ ยังมีนักการเมืองผู้มีอำนาจเฉไฉเบี่ยงเบนกลายเป็นที่ดินเอามาทำ
เป็นสนามกอล์ฟ เอามาทำเป็นที่จัดสรรแสวงหาผลประโยชน์มหาศาลกันเฉย
ตอนนี้ที่ดินผืนนี้ถูกชี้ชัดลงมาแล้วว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ ใครจะเอายึดครองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ส่วนที่เป็นสนามกอล์ฟน่าจะไม่เป็นปัญหาเดือดเนื้อร้อนใจเท่าไรนักเพราะเป็นเหมือนเนื้อปูยำปูอยู่ คนที่ยึด
ครองและเปลี่ยนมือกันอยู่ก็ล้วนแต่เป็นคนใหญ่คนโตของบ้านเมืองในขณะนี้ และก็ร่ำรวยกันมหาศาลอยู่
แล้ว ทางออกทางหนีทีไล่ทางที่จะรักษาผลประโยชน์เอาไว้มีอยู่เต็มประสิทธิภาพ
แต่ชาวบ้านชาวช่องที่ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองหลงกลไปซื้อที่ซื้อบ้านจัดสรร "อัลไพน์"เอาไว้นี่ซีรับไป
เต็มๆ บ้านและที่ดินที่ลงทุนลงแรงซื้อเอาไว้โดยสุจริตไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่รู้ที่มาที่ไปของที่ดิน เห็นมีโฉนด
มีสภาพถูกต้องของจริงก็สนิทใจตกเป็นเหยื่อ
พอรู้ว่าที่แท้เป็นที่ธรณีสงฆ์ซึ่งไม่มีใครจะได้สิทธิก็หงายหลังตึง
อยากได้อะไรคืนมาก็ต้องหาทางไปฟ้องร้องเอากับกรมที่ดิน ฐานที่เป็นตัวการออกโฉนดตัวจริงออกมาให้
คนเชื่อถือ
งานนี้ถ้ากรมที่ดินอันเป็นหน่วยงานของรัฐที่จะต้องจ่ายค่าเสียหายชดเชยให้กับประชาชนคนซื้อที่ดินและ
บ้านจัดสรร "อัลไพน์"คงต้องจ่ายกันอ่วม
"ค่าโง่"ในส่วนนี้คงหนีไม่พ้นต้องควักเอาจากกระเป๋าของประชาชนอย่างเคย
อย่าหวังว่าจะไปได้ความรับผิดชอบจากนักการเมืองต้นเหตุตัวการเลย อ้อยเข้าปากช้างเรียบร้อยแล้ว
ฟังแต่เสียงหัวเราะเย้ยหยันความโง่ของประชาชนไปก่อนก็แล้วกัน
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2545
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51278