โค้งอันตราย
จริงหรือหลอก ?
เริ่มปีใหม่กันด้วยความร่าเริง รวมทั้งนักการตลาดรถยนต์ด้วย เพราะค่ายยักษ์ใหญ่เล่นแคมเปญกันสนุกสนาน
ทำเอายอดการขายรถยนต์เดือนมกราคม เพิ่มสูงปรี๊ด และนับเป็นหนแรกที่เพิ่มขึ้น เพราะเป็นที่รู้กันอยู่ว่า
เดือนธันวาคม เป็นเดือนที่ต้องอัดยอดการขาย พอขึ้นปีใหม่ เดือนมกราคม ก็ต้องเอายอดไปใช้หนี้ของเดือนธันวาคม
ยอดเดือนมกราคม ก็เลยมีความจำเป็นต้องลดต่ำลง
ฟังดูงง ๆ นะครับ แต่คนที่ทำไม่ยักงงแฮะ
แต่หนนี้คงเอายอดไปอัดกันได้น้อย ยอดการขายแถมแคมเปญเดือนมกราคม เลยสูงปรี๊ด เพียงแต่ว่า เดือนกุมภาพันธ์
มีวันหยุดตรุษจีนยาวเหยียด คอยให้ตัวเลขโชว์ ก็คงได้รู้ผลกันแหละ ว่ายอดไตรมาสแรกนี้
จะประทับใจผู้ประกอบการสักแค่ไหน
ก็ต้องเริ่มด้วยเรื่องสัพเพเหระตามสไตล์
ข่าวดีสำหรับผู้ใช้แรงงาน สำนักงานประกันสังคม เริ่มให้นายจ้างที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คน ขึ้นไป
แจ้งขึ้นทะเบียนนายจ้างได้จนถึงปลายเดือนมีนาคม ส่วนลูกจ้างสามารถขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนได้ ตั้งแต่วันที่ 1
เมษายน และจะได้รับความคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทน และ กองทุนประกันสังคม
ที่จะให้ความคุ้มครองเมื่อเจ็บป่วย หรือประสบอันตรายต่างๆ
เป็นเรื่องดีของลูกจ้าง ที่ยังพอมีคนให้ความสนใจ ปัญหาอยู่ที่ว่า ถ้านายจ้างไม่สนใจเสียอย่าง
ใครจะเป็นคนไปบังคับให้มาเข้าระบบ เพราะความเชื่อของคนรุ่นเก่า ยังยึดติดอยู่กับวัฒนธรรมเดิมๆ มีอีกเยอะ
โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่ยังคิดว่า ระบบราชการมีแต่ความยุ่งยาก สลับซับซ้อน มีแต่เสียเงินอย่างเดียว ก็ได้แต่หวังว่า
ข้าราชการผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะได้เร่งรัดให้นายจ้างมาเข้าระบบโดยเร็ว
หมดจากเรื่องลูกจ้าง นายจ้าง มาลองดูสถานการณ์การใช้ปิโตรเลียมของประเทศ ในรอบสิบเดือนของปีก่อน
มีความต้องการใช้น้ำมัน และแกสธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปี 2543 3.7% คิดเป็นปริมาณเฉลี่ย 933,500 บาร์เรล/วัน
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ น้ำมันดีเซล มีปริมาณการใช้เพิ่มขึ้น 0.9 % น้ำมันเบนซิน เพิ่มขึ้น 0.6 % ส่วนอื่นๆ
น้ำมันเตา ลดลง 31.8 % น้ำมันอากาศยาน หรือน้ำมันเครื่องบินนั่นแหละ ใช้เพิ่มขึ้น 7.1 % และน้ำมันก๊าด เพิ่มขึ้น 20.2
%
นี่ขนาดว่าอยู่ในช่วงที่รณรงค์โครงการหาร 2 กันอยู่ ความต้องการบริโภคน้ำมันก็ยังคงเพิ่มขึ้น
เพราะมีรถป้ายแดงออกมาวิ่งกันเกร่อไปหมด ก็ดีไปอย่างนะครับ พวกนักการตลาดบริษัทรถยนต์จะได้มีงานทำ
ไม่ต้องนั่งทำงานกันใจหวิว เพราะกลัวตกงาน
ขนาดยอดการขายรถเดือนมกราคม ยังเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 45.2 % ขายกันทั้งตลาดถึง 24,728 คัน
การบริโภคน้ำมันอย่างไรเสียก็ต้องเพิ่มอยู่ดีนั่นแหละ แต่ที่น่าคิดก็คือ
พวกเราช่วยกันปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของการประหยัดน้ำมันของโครงการหาร 2 ได้หรือเปล่า
แค่เรื่องไปทางเดียวกันให้นั่งรถร่วมกัน คนไทยยังทำใจไม่ได้ ขนาดอยู่หมู่บ้านเดียวกัน ยังแทบไม่รู้จักกันเลย
ยิ่งเรื่องลดความเร็วของรถลง 10 % ก็ยังเห็นวิ่งกันฉิว อยู่ กรุงเทพ ฯ นี่ดูได้จากบนทางด่วนครับ
ว่าลดความเร็วลงจริงหรือเปล่า เห็นทางว่างทีไร กดกันสนุกสนาน ป่าวประกาศกันไปเถิดว่าให้ช่วยเศรษฐกิจของชาติ
ด้วยการลดการใช้น้ำมันลง เพื่อประหยัดเงินตราต่างประเทศ แต่ ฯพณฯ บนหอคอยงาช้าง
ไม่เห็นลงมาเหลียวแลรถขนาดเล็กบ้างเลย เสนอขึ้นไปทีไร หงายกลับไม่เป็นท่าลงมาทุกที
เดี๋ยวนี้เวลาซื้อรถ ซีซี ต่ำสุดที่มีขายคือ 1,500 ซีซี ทั้งที่เมื่อก่อนทำไมขับรถ 1,000 ซีซี กันเฉย ซูบารุ
สูบนอนยอดนิยมสมัยก่อนยังแค่ 1,100 ซีซี เอง เอามาแต่งแข่งกันสนุกสนาน
เดี๋ยวนี้คิดถึงความหลังแล้วก็เศร้ากับผู้บริหารประเทศ ไทย ท่านเอาอะไรมาตรองก็ไม่ทราบ
จะประกอบรถขนาดเล็กขาย แต่ภาษีดันไปเท่ากับรถขนาดกลาง ไม่มีช่องให้เอื้อกันบ้างเลย
กลับไปอ้างว่าต้นทุนใกล้เคียงกัน ขี่รถระดับ 1,500/1,600/1,800 ไปเถอะ
ส่วนรถขนาดเล็กน่ะ มันอันตราย อย่าไปใช้เลย ถ้ามีตังเยอะไปซื้อรถใหญ่โน่นไป
เรื่องถัดไปเป็นเรื่องของเต่าที่มันคลานอย่างช้าๆ
ก. อุตสาหกรรม กำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมเหล็กกล้ารีดร้อนแผ่นม้วน แผ่นแถบ แผ่นหนาและแผ่นบาง
สำหรับงานโครงสร้างรถยนต์ และประเภทที่ต้านการกัดกร่อนได้ดีในบรรยากาศ พูดง่ายๆ ก็คือทนสนิมนั่นแหละ
ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน
เหตุก็เพราะเหล็กที่ว่ามาสองแบบนั่น มีการนำไปใช้ในงานอุตสาหกรรมจำนวนมาก
รวมทั้งเพื่อการประกอบรถยนต์ด้วย จึงจำเป็นต้องคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพ
และเป็นการส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศเช่นกัน รวมทั้งเพื่อความปลอดภัย
และเพื่อป้องกันความเสียหายอันอาจจะเกิดแก่ประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ
ถึงจะคลานช้า ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเอาเสียเลย
ก็ฝากเรื่องเดิมๆ แหละครับ ว่ากรุณาหามาตรฐานสำหรับรถยนต์ทั้งคัน มากำหนดเป็นกิจจ ลักษณะเสียที
ลอกของชาวบ้านมาก็ได้ครับ แล้วก็กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าสักห้าปีสิบปี ว่าผู้ประกอบรถยนต์ในประเทศ
จะต้องปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่ว่า เขาจะได้วางแผนทำงานกันล่วงหน้า เพื่อให้ทันกับระยะเวลาที่กำหนด
แค่ประกอบรถยนต์แต่ละรุ่น เขายังต้องวางแผนกันเป็นปี ว่าจะต้องใส่อย่างโน้นอย่างนี้ วางแผนเสร็จ
ก็ต้องประชุมกับโรงงานชิ้นส่วน ว่าฉันจะประกอบรถรุ่นนี้ อย่างนี้นะ ตรียมหาชิ้นส่วน
หรือเตรียมเอาชิ้นส่วนจากเมืองนอกมาให้ดู ว่าจะต้องทำอย่างนี้ ด้วยวัสดุอย่างนี้
โรงงานชิ้นส่วนก็ต้องเอาไปศึกษา ทดลองทำมาให้ดู ทดลองประกอบกันเป็นคัน
ประกอบเสร็จแล้วก็ต้องแกะออกมาเป็นแม่แบบแต่ละชิ้น ประกอบขึ้นมาใหม่อีก พอได้คันใหม่ก็เอาไปทดลองวิ่งดู
มีข้อบกพร่องต้องแก้ไขอะไรหรือเปล่า
เรื่องประเภทนี้แหละครับ ที่ต้องทำงานกันเป็นปี ขนาดทำเสร็จแล้ว ออกสู่ท้องตลาดแล้ว
เจอสื่อมวลชนรุ่นใหญ่เอารถไปทดสอบ แล้วกลับมาบอกกันตรงๆ ว่าโคลงเคลง จำเป็นต้องเปลี่ยนชอคอับ
ยักษ์สำโรงยังต้องเชื่อ ประกอบรถเป็นพันๆ คันแล้ว ต้องเอามาเปลี่ยนชอคอับใหม่หมด
ขนาดว่าวิศวกรบอกว่าไม่เป็นอันตรายก็เถอะ
ไม่เหมือนบางค่าย ประกอบรถรุ่นแรกๆ ออกมาเสียงดังสนั่น ทั้งเสียงยาง เสียงสายพาน เสียงจิ้งหรีด ประกอบไป
แก้ไขไป จนเงียบลงไปหน่อย แต่พวกแมงเม่าที่เจอรถรุ่นแรกเข้า โวยวายกันสนุกสนาน จนโรงงานต้องยอมแก้ไข
เล่นเอาฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ เป็นประสาทไปเรียบร้อย คงไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นยี่ห้อไหนนะครับ
เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องล้อมคอกของ ก. คมนาคม สั่งการให้ศูนย์ปลอดภัยคมนาคม ร่วมกับ กรมทางหลวง
และกรมการขนส่งทางบก ตรวจสอบสภาพข้อเท็จจริง กรณีรถโดยสารทัศนศึกษาของโรงเรียนสมุทรพิทยาคม
ถูกรถบรรทุกพ่วงขนแร่ลิกไนต์ชน บริเวณแยกพุแค สระบุรี แล้วหาวิธีป้องกันและแก้ไขโดยเร่งด่วน
ส่วนวัวที่หายไปนั้น อีกหน่อยก็คงหายอีก เพราะกว่าจะล้อมคอกได้ก็ต้องสั่งการกันเป็นการใหญ่
ตั้งคณะกรรมการอีกสิบชุด ประชุม ประชุม ประชุม สรุปผลของแต่ละชุดนำเสนอเจ้ากระทรวง พอดีเปลี่ยนรัฐมนตรี
เรื่องเลยต้องระงับเอาไว้ก่อน
นี่แหละครับ ประเทศ ไทย
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51212