บทความ
เมษา
เมษายน ปีนี้คนที่อยู่ในกรุงเทพ ฯ ฉ่ำกันถ้วนหน้า
ในขณะเดียวกัน คนที่อยู่รอบนอกกรุงเทพ ฯ ช้ำจนพูดไม่ออก
เทศกาลสงกรานต์ในประเทศไทย แต่ไหนแต่ไรมาไฮไลท์หรือจุดดึงดูดความสนใจสุดๆ
อยู่ที่งานสงกรานต์ทางภาคเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จังหวัดเชียงใหม่
แต่ปีนี้ เทศกาลสงกรานต์เชียงใหม่ถูกเบี่ยงเบนความสนใจและความยิ่งใหญ่น่าสัมผัสลงไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อกรุงเทพมหานครเสนอหน้าเข้ามาแย่งเอาความยิ่งใหญ่ของเทศกาลนี้มาแต่เพียงผู้เดียว
รัฐบาลใช้งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลการท่องเที่ยว ฯ
ก้อนมหึมาจะเป็นจำนวนเท่าไรนั้นไม่มีการเปิดเผยให้รับรู้กัน จัดงานสงกรานต์ประจำปี 2545 ขึ้นในกรุงเทพ ฯ
เป็นพิเศษ
พิเศษขนาดไหนนั้น มาเริ่มต้นกันที่คำขวัญประจำงานกันเลย "เย็นฉ่ำทั่วหน้ามหาสงกรานต์" แค่นี้ก็สุดซึ้งแล้ว
ฟังแล้วอดนึกถึงนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคไม่ได้
เพราะโครงการนี้เน้นอยู่คำขวัญที่ว่าต่อไปนี้คนไทยจะต้อง...สุขภาพดีถ้วนหน้า
พิเศษต่อมาก็ต้องมาว่าถึงระยะเวลาของการจัดงาน โดยปกติของการจัดงานการโดยทั่วไปแค่ 3 วัน 5
วันก็นับว่ายิ่งใหญ่ไม่น้อยแล้ว แต่เทศกาลสงกรานต์ในกรุงเทพ ฯ คราวนี้ กำหนดเริ่มกันตั้งแต่วันที่ 7
เมษายนแล้วไปจบเอาในวันที่ 15 เมษายน ลองนับนิ้วดูกันว่าปาเข้าไปกี่วัน
อย่างนี้ไม่เรียกว่ายิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร
มาพูดกันถึงพื้นที่ของการจัดงานบ้าง สนามหลวงทั้งสนามหลวงถูกกำหนดให้เป็นศูนย์รวมของงาน
ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าต้องเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว แต่คราวนี้ขยายพื้นที่ให้มโหฬารเข้าไปอีก
ใช้ถนนราชดำเนินทั้งสายทั้งราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง
และราชดำเนินในเป็นองค์ประกอบสำคัญของงานเพื่อการจัดขบวนพาเหรดของขบวนรถตกแต่งที่เกณฑ์มาครบถ้วน
ทั้ง 76 จังหวัด สมทบด้วยขบวนรถตกแต่งอื่นๆ อีกนับรวมแล้วเป็นร้อยขบวน
ว่ากันว่าแค่ขบวนรถตกแต่งก็สามารถที่จะบันทึกเอาไว้เป็นสถิติบันทึกในกินเนสส์บุคออฟเรคอร์ดของฝรั่งได้ว่า
"เป็นขบวนพาเหรดรถตกแต่งที่ยาวที่สุดในโลก" ได้อย่างหนึ่ง
และยังจะต้องบันทึกเอาไว้เป็นสถิติโลกในกินเนสส์บุคออฟเรคอร์ดอีกเหมือนกันว่า ตลอดถนนราชดำเนินกลาง
ที่จัดการให้มี "น้ำพุเต้นระบำ" ตามเสียงเพลงประกอบแสงสีตระการตาเป็นระยะทางยาวถึง 1,200 เมตร
หรือยาวกว่า 1 กิโลเมตร ไม่เคยมี ไม่เคยพบเคยเห็นที่ไหนในโลกมาก่อน เฉพาะ "น้ำพุเต้นระบำ"
อย่างเดียวมีเสียงฮือฮากันว่าการท่องเที่ยว ฯ จ้างให้บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งจัดทำใช้เงินไปทั้งสิ้นเฉียด 100
ล้านบาททีเดียว
ส่วนสถานที่ที่จะเล่นสงกรานต์กันในหมู่ประชาชนทั้งไทยทั้งเทศ ก็ยกถนนข้าวสาร ถนนราชดำเนินและถนนอื่นๆ
ในบริเวณใกล้เคียงให้สนุกกับการสาดน้ำลูบหน้าทาแป้งกันได้อย่างเต็มที่
แถมยังไปจัดให้อีกเป็นพิเศษอีกที่หนึ่งที่ถนนสีลมในวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน
ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ คนกรุงเทพ ฯ เลยฉ่ำไปตามๆ กัน
มีคนไปสนุกสนานสงกรานต์กันเฉพาะที่สนามหลวงแห่งเดียวก็นับรวมๆ กันหลายวันเป็นจำนวนล้านๆ คนทีเดียว
หมดจากงานสงกรานต์ยังไม่ทันจะได้พักฟื้นให้หายเหนื่อย กรุงเทพมหานครโดยท่านผู้ว่าราชการ สมัคร สุนทรเวช
ก็จัดงานยิ่งใหญ่เป็นประวัติศาสตร์ขึ้นมาอีกงานในระดับความยิ่งใหญ่ที่ใกล้เคียงกัน
งานฉลองสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 220 ปี
งานนี้เริ่มวันที่ 21 เมษายน และจบลงในวันที่ 25 เมษายน
สถานที่จัดงานก็ที่เดียวกับที่จัดงานสงกรานต์มาแล้วนั่นแหละ กิจกรรมต่างๆ
เพื่อความยิ่งใหญ่ของงานก็แทบจะไม่ต่างอะไรกับงานสงกรานต์ทั้งทางด้านขบวนรถตกแต่งสวยงามที่พาเหรดยาวเห
ยียด
มีสีสันของขบวนเพิ่มเติมเข้ามาอีกตรงที่มีขบวนรถตกแต่งของต่างประเทศที่ประกาศเป็นเมืองพี่เมืองน้องของกรุงเทพ
ฯ เข้ามาร่วมขบวนด้วยหลายประเทศด้วยกัน
ขาดไปอย่างเดียวเพียงแค่ไม่มี "น้ำพุเต้นระบำ" ซึ่งเดิมทีทางกรุงเทพ ฯ
ก็อยากจะให้มีอย่างเมื่อวันสงกรานต์เหมือนกัน แต่ตกลงไม่ได้กับคนที่รับจ้างทำ
เพราะเสียค่าใช้จ่ายสูงเกินไปถึงเกือบ 10 ล้านบาท แต่กรุงเทพ ฯ มีงบประมาณเพื่อการนี้อยู่เพียงแค่ 7
แสนบาทเท่านั้น คนกรุงเทพ ฯ จึงชวดอดชมความมโหฬารของเจ้าสิ่งนี้ต่ออีก 5 วัน
ไฮไลท์อีกอย่างของงานสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 220 ปี
ก็คือมีการแจกน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ในพิธีซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดเล็กๆ ให้กับประชาชนทั่วๆ ไป เอาไปเพื่อเป็นสิริมงคล
เดิมทีก็คาดหมายกันว่าจะมีคนสนใจมารับแจกกันเพียงแค่ไม่กี่หมื่นกี่แสนคนเท่านั้น ที่ไหนได้กลายเป็นเรื่องใหญ่โต
คนแห่มาเข้าคิวขอรับน้ำมนต์เป็นล้าน ทำเอาเจ้าหน้าที่กรุงเทพ ฯ
ต้องเกณฑ์กันมาบรรจุน้ำมนต์ใส่หลอดกันหามรุ่งหามค่ำ หลังจากงานสมโภชเลิกราไปแล้วก็ยังแจกกันไม่เสร็จ
แถมยังจะมีเสียงต่อว่าต่อขานตามมาอีกมากมายด้วย
คนกรุงเทพ ฯ ในช่วงนี้เลยฉ่ำกันถ้วนหน้า
ส่วนคนที่อยากจะฉ่ำกับเขาด้วยเหมือนกัน
แต่โอกาสไม่ทัดเทียมกันและต้องมาเผชิญกับความช้ำแถมพกก็คือคนที่อยู่รอบนอกกรุงเทพ ฯ ตามหัวเมืองต่างๆ
ทั้งเหนือใต้ออกตก ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ต่างก็ชักชวนกันเดินทางออกจากกรุงเทพ ฯ
ไปสนุกกันตามประสาบ้านใครบ้านมัน และถึงจะไม่ใช่บ้านของตัวเองแต่ก็ขอร่วมสนุกด้วยก็มีไม่ใช่น้อย
เรื่องของการเดินทาง เรื่องของการสนุกสนานบนท้องถนน ทางการพยายามที่จะกวดขันและรณรงค์ "เมาไม่ขับ"
อย่างไรก็ตาม ก็ยังหนีไม่พ้นความช้ำที่เคยเกิดขึ้นเหมือนทุกปี
อุบัติเหตุที่เกิดจากรถทุกประเภทในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีคนตายปีละหลายร้อยคน บาดเจ็บเป็นหมื่น
ความเสียหายทางทรัพย์สินมากมายเหลือคณานับ
ปีนี้ถึงจะรณรงค์กันหนักแค่ไหน กวดขันกันเข้มงวดระดับไหน
คนตายจากอุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ก็ยังเหมือนเดิมและอาจจะมากกว่าเดิม
ตายกันกว่า 800 คน บาดเจ็บกันกว่า 50,000 คน รถหรือพาหนะเสียหายพังยับเป็นหลายพันคัน
ประเมินเป็นตัวเงินก็มากมายก่ายกองเหลือเกิน
นี่คือความ "ช้ำ" ที่มากับความ "ฉ่ำ" ในช่วงสงกรานต์ทุกปี
เรื่องโดย : หลวงเลียบเมือง
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : บทความ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51167