มาตรวัดตลาดรถ
เด็กกำลังโต
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์
เดือน กรกฎาคม ปี '45 กับ '44
ตลาดโดยรวม เพิ่ม 49.6 %
รถยนต์นั่ง เพิ่ม 27.2 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ เพิ่ม 78.2 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) เพิ่ม 239.1 %
ถ้าจะว่าไปแล้ว การเผยแพร่ข่าวที่ว่า เศรษฐกิจประเทศไทยกำลังเจริญเติบโต ถึงแม้จะเติบโตอย่างช้าๆก็ตามที เป็นวิธีการทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง โดยมียอดการขายรถยนต์เป็นตัวบ่งชี้
ยิ่งออกข่าวกันบ่อยๆ ว่าดีอย่างนั้น ดีอย่างนี้ คนก็ตัดสินใจซื้อรถยนต์กันได้ง่ายขึ้น เปลี่ยนรถกันบ่อยขึ้นที่ว่าเปลี่ยนรถกันบ่อยเพราะสังเกตได้จากเตนท์ มีรถรุ่นใหม่ๆ ที่บางทีบางรุ่นยังไม่เลิกประกอบแต่ลูกค้าก็เอามาเทิร์น เปลี่ยนรถใหม่ป้ายแดงไปใช้แล้ว
เจ้าตัวเศรษฐกิจเนี่ย ถ้ามันดีจริงอย่างที่ว่า ทำไมแบงค์ถึงยังไม่ปล่อยกู้ก็ไม่รู้เห็นเล่นกันแต่สินเชื่อส่วนบุคคลกันแทบจะทุกที่ แข่งกันโฆษณาแทบเป็นแทบตาย แต่เวลาพูดถึงดอกเบี้ยทำไมไม่ค่อยเห็นใครเอ่ยถึงก็ไม่รู้
แต่ถ้าเป็นดอกเบี้ยไฟแนนศ์แล้ว นี่ก็แข่งกันแบบเอาเป็นเอาตายเหมือนกันแข่งกันถึงขนาดตัวแทนจำหน่ายยอมให้ศูนย์เปอร์เซนต์ ควักกระเป๋าช่วยลูกค้าจ่ายดอกเบี้ยหวังรายได้เอาจากทางอื่น ค่าคอมบ้าง เล็กๆ น้อย ๆ จิปาถะ
ข้างฝ่ายบริษัทรถยนต์ก็เหมือนกัน พอเชื่อว่าเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ก็รีบรักษาสัดส่วนการตลาดของตัวเองเล่นปล่อยแคมเปญกันมาตั้งแต่ต้นปี จนป่านนี้ก็มีกันอยู่แทบจะทุกเจ้า
เคยเห็นโฆษณารถยนต์ที่ไม่มีแคมเปญสำหรับลูกค้าประกอบไหมครับ ตั้งแต่ต้นปีมาค่ายยักษ์ใหญ่ที่มีรถหลายรุ่น ต้องทำเป็นตาราง แสดงแคมเปญของแต่ละรุ่นอย่างเด่นชัด เพื่อป้องกันลูกค้าสับสนรวมทั้งตัวแทนจำหน่ายเองด้วยแหละ ลูกค้าโทรศัพท์เข้าไปสอบถาม คนตอบเองยังงงเลยครับยิ่งถ้าเป็นตอนต้นเดือนที่แคมเปญเพิ่งออกสู่ตลาด ยิ่งสนุกกันใหญ่
กลับมาถึงตัวเลขของเราดีกว่า หนนี้พาดหัวเอาไว้ว่าเด็กกำลังโต ถ้าคิดจากตั้งแต่ต้นปี สังเกตเห็นได้ว่ามีอัตราการเจริญเติบโตมาโดยตลอด
ตัวเลขการขายเพียงเดือนเดียว ลบสถิติตั้งแต่ต้นปี ขายกันสนุกสนานยอดเพิ่มถึง 49.6 % คิดเป็นจำนวนคันได้ 34,369 คัน ในขณะที่ยอดรวมเจ็ดเดือนยังคงเพิ่มอยู่ 32.5 % รวมตั้งแต่ต้นปี 216,029 คัน
แยกออกเป็นอันดับแต่ละยี่ห้อ แชมพ์ยังคงเดิมเพราะอัดแคมเปญไม่มียั้ง โตโยตา ขาย 11,249 คันเติบโตมากมาย 78.4 % ส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 32.7 % โดยอันดับสองทิ้งห่างเยอะเพราะมีแค่รถกระบะ อีซูซุขายได้ 8,131 คัน เติบโตแบบสบายๆ เพราะราคาคุยเยอะ 40.9 % ส่วนแบ่ง 23.7 % อันดับสามโตกว่าครึ่ง ฮอนดาขาย 4,926 คัน เติบโต 54.9 % ส่วนแบ่ง 14.3% อันดับสี่นี่ก็โตเยอะเพราะมีแคมเปญทุกรุ่น มิตซูบิชิ ขาย 3,055 คันโต 73.1 % ส่วนแบ่งคงเหลือ 8.9 % และอันดับที่ห้าถูกเบียด นิสสัน ขาย 2,640 คัน โตแค่ 12.1 % ส่วนแบ่งได้เพียง 7.7 %
ยอดรวมเจ็ดเดือน โตโยตา ขายได้ 68,198 คัน เติบโตมากกว่าเพื่อน 59.2 % ส่วนแบ่ง 31.6 % ที่สอง อีซูซุมีทองแถมตลอดปี ขาย 46,900 คัน โตแค่ 17.6 % ส่วนแบ่ง 21.7 % ที่สาม ฮอนดา ขาย 28,514 คัน โตขึ้น 35.8 % ส่วนแบ่ง 13.2 % ที่สี่ นิสสัน 24,766 คัน และที่ห้า มิตซูบิชิ 18,614 คัน
แยกประเภทเป็นรถยนต์นั่ง ยอดรวมเดือนเดียว โตเล็กๆ 27.2 % ขายกันทั้งตลาด 10,680 คันพอรวมเจ็ดเดือนยังคงเติบโตอยู่ 25.1 % ยอดรวม 66,047 คัน
ตำแหน่งแชมพ์รักษากันด้วยแคมเปญทุกรุ่น โตโยตา ขาย 4,716 คัน เติบโตถึง 39.1 % ส่วนแบ่งการตลาด44.2 % อันดับสอง ฮอนดา ขาย 3,220 คัน โต 15.0 % ส่วนแบ่ง 30.1 % อันดับสามขายกันต่ำกว่าพันคัน นิสสันขายได้ 758 แต่ได้น้อยกว่าปีก่อน 16.2 % ส่วนแบ่ง 7.1 % อันดับสี่ มิตซูบิชิ ขาย 681แต่โตเยอะเพราะปีก่อนขายน้อย 208.1 % ส่วนแบ่ง 6.4 % และอันดับห้า ที่ครองตำแหน่งบ๊วย เมร์เซเดส-เบนซ์ ขาย 362 คัน โตขึ้น 17.2 % ส่วนแบ่ง 3.4 %
ขอแจ้งผู้เสียภาษีสูงสุดเช่นเคย แจกวาร์ ขายได้ 6 คัน และ โพร์เช ขายได้ 7 คันประชาชนไทยยังคงร่ำรวยอยู่ตามสมควรนะครับ เพราะแค่ค่าภาษีก็ซื้อรถหรูๆ ได้อีกคันแล้ว
ในเซกเมนท์นี้ ขอแจงรายละเอียดสักเล็กน้อย เพื่อจะได้เห็นแนวทางว่า ตลาดกำลังไปทางไหนแน่เริ่มด้วยรถเล็กที่ตอนนี้มีขายอยู่สองเจ้าแค่นั้นเอง ระดับ 1,500 ซีซี ขายกันได้เจ็ดเดือนรวม 18,221 คัน คิดเป็น 26.4% รถนั่งขนาดเล็ก ระดับ 1,600-1,800 ซีซี ที่ตอนนี้มีคนเอาเครื่อง 2,000 ซีซี เข้ามาใส่ด้วย ขายได้ทั้งหมด 51,343คิดเป็น 48.0 % รถนั่งขนาดกลาง ก็ระดับ 2,000 ซีซี ขึ้นไป ขายได้ 15,046 คัน คิดเป็น 21.8 % และรถขนาดใหญ่หะรูหะรา ขายเจ็ดเดือน 2,621 คัน คิดเป็น 3.8 % ของรถนั่งทั้งหมด
ตลาดที่ใหญ่ที่สุดคงเห็นแล้วว่า รถขนาดเล็ก ที่ไล่ระดับราคากันตั้งแต่ห้าแสน ถึงเกือบล้านยังคงเป็นรถยอดนิยมของคนไทย ส่วนพวกรถใหญ่ๆ ระดับเกินล้านห้า ก็จำกัดไว้เฉพาะคนมีสตางค์เท่านั้นแถมบางคัน คนซื้อไม่ได้ขับ คนขับไม่ได้ซื้ออีกต่างหาก แปลกดีครับ
แบ่งมาเป็นประเภทรถกระบะหนึ่งตัน ไม่รวมขับสี่ล้อ เพิ่มขึ้น 78.2 % ขายได้ 15,737 คันขณะที่ยอดรวมตั้งแต่ต้นปี ขาย 98,610 คัน เพิ่ม 48.4 %
แชมพ์ประจำเดือน คือ อีซูซุ ขาย 6,673 คัน เพิ่ม 45.5 % ส่วนแบ่ง 42.4 % ที่สอง โตโยตา ขาย 4,831 คันเพิ่ม 205 % ส่วนแบ่ง 30.7 % ที่สาม นิสสัน ขาย 1,541 คัน เพิ่ม 101.4 % ส่วนแบ่ง 9.8 % ที่สี่ มิตซูบิชิ ขาย 1,458คัน เพิ่ม 52 % ส่วนแบ่ง 9.3 % ที่ห้า ฟอร์ด ขาย 969 คัน เพิ่ม 36.1 % ส่วนแบ่ง 6.2 %
รถเพื่อการพาณิชย์ ก็พวกรถบรรทุกทั้งหลายแหละฮะ พวกนี้ก็พวกคนซื้อไม่ได้ขับ คนขับไม่ได้ซื้อเหมือนกันโตทั้งตลาดแค่ 4.0 % ขายเดือนเดียว 841 คัน รวมเจ็ดเดือนขายได้ 5,454 คัน แต่ยังโตกว่าปีก่อน 21.2 %ตำแหน่งแชมพ์ผูกขาด อีซูซุ ขายได้ 369 เพิ่มขึ้น 19.0 % ส่วนแบ่ง 43.9 % ที่สอง ฮีโน ขาย 300 คันแต่น้อยกว่าปีก่อน 15.5 % ส่วนแบ่ง 35.7 % และอันดับสาม มิตซูบิชิ ขายแค่ 62 น้อยกว่าปีก่อนเหมือนกัน 23.5 % ส่วนแบ่ง 7.4 %
รถขับเคลื่อนสี่ล้อ ไม่รวมกระบะ 1 ตัน หรือ เอสยูวี ขายได้ 1,950 คัน เพิ่ม 239.1 %ขณะที่ยอดรวมเจ็ดเดือน ขายได้ 10,458 คัน เพิ่ม 177.0 %
แชมพ์ประจำเดือน คือ ฮอนดา ขายได้ 1,700 คัน เพิ่ม 365.8 % ส่วนแบ่ง 87.2 % ที่สอง ซูซูกิ ขาย 82 คันเพิ่ม 192.9 % ส่วนแบ่ง 4.2 % ที่สาม ไครสเลอร์ ขายได้ 46 คัน ลดลงจากปีที่แล้ว 54.5 % ส่วนแบ่ง 2.4 %ที่สี่ แลนด์โรเวอร์ ขาย 39 คัน ส่วนแบ่ง 2.0 % ที่ห้า บีเอมดับเบิลยู ขาย 33 คัน เพิ่ม 230 % ส่วนแบ่ง 1.7 %
นั่นคือสภาวะความเป็นไป ท่ามกลางกระแสน้ำหลาก ที่ท่วมท้นตลิ่งแถบอีสานบ้านเราน้ำลดเมื่อไรรับรองได้ว่าอะไหล่ช่วงล่างขายดีอีกแน่ๆ
คนไทยด้วยกันก็ช่วยๆ กันไปก็แล้วกัน อย่าไปซ้ำเติมโดยขูดรีดค่าอะไหล่อีกเลย รถ ถึงอย่างไรก็ต้องซ่อมเพราะคนต่างจังหวัดมีความจำเป็นต้องใช้จริง ไม่เหมือนคนในเมือง ที่ยังพอมีทางเลือกหลากหลาย
ส่วนที่ว่าใครจะเลือกหาสามีรวยๆ ก็ต้องดูสภาพความงดงามของตัวเองด้วยนะครับ เอ๊ะ เซมาทางนี้ได้ยังไง
เรื่องโดย : มือบ๊วย
ภาพโดย : -
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/51150