ร่มไม้ชายศาล
ทนายทำแสบ"
ยุคนี้เขาเรียกกันได้หลายอย่าง ที่แน่ๆคือ "ยุคอินเตอร์เนต" นั่นอย่างหนึ่งละถ้าใครมีเวลาไม่ต้องตะเกียกตะกายทำมาหากินแบบตีนถีบปากกัด สามารถค้นหาข้อมูลต่างๆทั้งที่เป็นเรื่องและไม่เป็นเรื่องได้มากมาย
เกี่ยวกับรถราก็มีเหมือนกัน ผมเจออยู่แห่งหนึ่งเขาตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องเสาตอหม้อโฮปเวลล์ซึ่งกลายเป็นอนุสรณ์โฮปเลสของชาติ ว่าจะจัดการยังไงดี มีคำตอบออกมาให้รัฐบาลกัดฟันสร้างต่อก็มี บ่นด่าก็มี ให้รื้อทิ้งก็มี
ที่เสนอมาแบบสนุกสนานก็มีอาทิเช่นให้เอาไป ทำป้ายโฆษณา แกะสลักศิวลึงค์ ทำราวตากผ้ายักษ์ ทำเสาชิงช้า ตบท้าย
"ใช้แขวนคอพวกคอรัพชันโกงกิน เช่นโกงที่วัด"
ท่านล่ะมีความเห็นอย่างไรกับสิ่งที่น่าอับอายระดับโลกอย่างนี้
สำหรับคดีความงวดนี้ก็อย่างที่จั่วหัวไว้ คือทนายทำแสบ แสบจริงๆ แสบอย่างไรมาดูชมกันได้เลย
เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นเมื่อผู้โดยสารรถของบริษัทขนส่งเดินทางไปต่างจังหวัดได้รับอันตราย เนื่องจากโชเฟอร์ขับ "ซิ่ง"ผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งหนักและเบารวม 5 คน นำทีมโดย "นายโดนใจ" ตกลงว่าจ้าง "ทนายดีจัง"ยื่นฟ้อง บริษัทขนส่ง เป็นจำเลยที่ 1
ฟ้องเจ้าของรถร่วมคือ "นายหนืด" เป็นจำเลยที่ 2 ให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย
ทนายดีจัง ไม่เลวอยู่หรอก ทำคดีฟ้องร้องให้แก่ นายโดนใจ กับพวก นำพยานเข้าสืบจนศาลตัดสินเด็ดขาดให้โจทก์ทั้งห้าชนะคดี บังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงินแก่โจทก์รวมกันเป็นเงินจำนวนหนึ่ง ซึ่งคงไม่น้อย
ปรากฏว่าจำเลยไม่ยอมควักเงินจ่ายค่าเสียหายตามคำพิพากษา ทนายดีจัง จึงดำเนินการต่อไปด้วยการขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี แล้วทำการยึดรถบัสของนายหนืด ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ทั้งห้า
นายหนืด เดือดร้อนสิทีนี้ เอารถไปหากินไม่ได้ จึงกัดฟันเซ็นเชคสั่งจ่ายเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่ นายโดนใจกับพวกทั้งห้า แต่ทะลึ่งมอบให้แก่ นายดีจังหรือทนายดีจัง รับนอกศาล ไม่มีใครรู้เรื่อง
ทนายดีจัง คงจะบอกกับ นายหนืด เจ้าของรถว่า โอเค เรียบร้อยแล้ว สบายแล้ว จะได้แจ้งให้ศาลถอนการยึดรถให้ คุณหนืดเอาไปทำมาหากินเช่นเคย รอแป๊บสองแป๊บนะ
จนแล้วจนรอด นายหนืด ไม่ได้รถคืน แถมศาลยังประกาศขายทอดตลาด รำๆ จะขายทอดตลาดอยู่รอมร่อเมื่อถึงวันที่กำหนด
นายหนืด เจ้าของรถเต้น ไปยื่นคำร้องต่อศาลอ้างว่า จ่ายเชคชำระหนี้ให้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว ทนายดีจัง รับเชคนั้นไปจึงขอเพิกถอนการยึดรถและระงับการขายทอดตลาดไว้ก่อน
ศาลสอบถาม นายโดนใจ กับพวกซึ่งเป็นผู้เสียหายและเป็นโจทก์ ต่างพากันสั่นหัว บอกว่าไม่เห็นเชคไม่ได้รับเชคอะไรเลยจึงขอให้ศาลบังคับคดีต่อไป
เจ้าของรถคือ นายหนืด อยู่ไม่ได้ ให้ญาติของตนนำโฉนดที่ดินมาค้ำประกันต่อศาลแล้วขอถอนการยึดรถโดยสารเพราะยึดไว้นานแล้ว ในที่สุดถ้าฝ่ายโจทก์ยังไม่ได้รับค่าเสียหาย ยอมให้นำที่ดินที่นำมาประกันขายทอดตลาด นายโดนใจ กับพวกโอเคไม่คัดค้าน แต่ยังยืนกรานว่ายังไม่ได้รับเชคจากทนายของตน และไม่ได้มอบอำนาจให้ทนายรับชำระหนี้แทนพวกตนจำเลยต้องจ่ายสถานเดียว
นายหนืด เถ้าแก่รถกุมกระโหลกด้วยความกลุ้ม หาทางออกด้วยการร้องขอให้ศาลเรียกตัวทนายดีจังมาสอบถามหน่อยว่าจริงเท็จแค่ไหน จ่ายให้โจทก์หรือยัง
ทนายดีจัง ไปไหนไม่รอด หน้าเหลืองมาที่ศาล ยอมรับว่า นายหนืด จ่ายเชค ตนเอาไปขึ้นเงินเอาไปใช้สบายโก๋ตั้งนานแล้วไม่ได้ให้ นายโดนใจกับพวกแม้แต่บาทเดียว ขณะที่ นายโดนใจ กับพวกก็ยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยมอบอำนาจให้ ทนายดีจัง รับเงินแทน
ในที่สุด ทนายดีจัง ขอเวลาหาเงินมาชำระให้แก่ นายโดนใจ กับพวกภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน ปีนั้นศาลชั้นต้นจึงสั่งนัดพร้อมวันที่ ๑ ธันวาคม ถึงวันนัด ทนายดีจัง หน้าแห้งบอกว่ายังหาเงินมาชำระไม่ได้ ขอขยายเวลาออกไป นายโดนใจกับพวกไม่ตกลง ขอให้ศาลหันมาเชือด นายหนืด เจ้าของรถบัสบังคับคดีต่อไป
ถึงตอนนี้ฝ่าย นายหนืด อาการหนัก จึงดิ้นรนด้วยการแถลงต่อศาลว่า งานนี้ นายหนืด ชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วโดยทนายรับไป มีใบมอบฉันทะของโจทก์ถูกต้อง แต่เจ้ากรรมหนังสือมอบฉันทะสูญหาย จึงขอให้ศาลงดการบังคับคดีอย่าขายทอดตลาดที่ดินที่นำมาประกัน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งว่าฝ่ายโจทก์คือ นายโดนใจ กับพวกไม่โอเคตามที่นายหนืดอ้างจึงแจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีต่อไป
การบังคับคดียังทำไม่ได้ตามที่ นายโดนใจ กับพวกต้องการอยู่ดี เพราะนายหนืด ให้ทนายยื่นอุทธรณ์ อ้างว่า นายโดนใจ
กับพวกได้รับชำระหนี้แล้ว ขอให้งดการบังคับคดีเช่นเดิม แต่ไม่เป็นผล
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษายืน
กลายเป็นเกมยาวจนได้ เพราะจำเลยที่ 2 เจ้าของรถโดยสารดิ้นรนด้วยการยื่นฎีกา ตะแบงจะให้ถอนการบังคับคดีเช่นเดิม
ศาลฎีกาพิจารณาคดีนี้ด้วยความเซ็งในอารมณ์เมื่อเห็นการกระทำของทนายดีจังซึ่งเป็นตัวต้นเหตุ แล้วชี้ขาดออกมาดังนี้
การที่ทนายดีจังซึ่งเป็นทนายโจทก์ได้รับชำระหนี้จาก นายหนืดนอกศาลโดยไม่มีหลักฐานว่าโจทก์มอบอำนาจให้ทนายรับเงินแทน จึงไม่ผูกพันโจทก์เพราะทนายโจทก์ไม่มีอำนาจรับเงินนอกศาลแทนโจทก์ซึ่งเป็นตัวความ
การที่ นายหนืด ชำระหนี้ให้แก่ทนายดีจัง เท่ากับชำระหนี้ให้แก่บุคคลผู้ไม่มีอำนาจรับชำระหนี้ เมื่อโจทก์คือ นายโดนใจกับพวกไม่ได้ให้สัตยาบัน การชำระหนี้จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายแพ่ง มาตรา 315 ถือว่านายหนืด ยังไม่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์เขาก็บังคับคดีได้ต่อไป เบรคอย่างไรก็ไม่อยู่
งานนี้โจทก์คือ นายโดนใจ กับพวกรวม 5 คน และ นายหนืด จำเลยที่ 2 ซึ่งโดนยึดทรัพย์ตกที่นั่งซวยไปตามๆกันเพราะทนายดีจังทำแสบยิ่งกว่าซีม่า
นายหนืด นั้นหนักกว่าเพื่อน เมื่อทนายดีจังหาเงินมาจ่ายไม่ได้ ที่ดินที่นำมาประกันไว้ก็ต้องถูกขายทอดตลาดอย่างหนีไม่พ้นนั่นหมายว่านายหนืดต้องจ่าย 2 ต่อ เห็นหรือยังว่าซวยขนาดไหน
อันที่จริงก็สมน้ำหน้า นายหนืด ดันจ่ายเชคให้ทนายดีจังโดยดูตาม้าตาเรือไม่ระมัดระวัง การกระทำของ นายหนืดเป็นอุทาหรณ์แก่คู่ความเป็นอย่างดี อย่าจ่ายเงินอย่างส่งเดช อย่าเชื่อทนายไปเสียทุกเรื่อง
นายโดนใจ กับพวกก็ซวย แทนที่จะได้รับเงินค่าเสียหายมาใช้ตั้งนานแล้ว แต่โดนทนายยักยอกไป ต้องออกเหงื่อรีดจากนายหนืด ข้าง นายหนืด ก็ดิ้นไม่ยอมจ่ายซ้ำสอง ดึงเกมออกไปอีกสามศาล เสียเวลาหลายปีกว่าจะเสร็จกว่าจะได้เงิน มันช้ำใจแค่ไหน
ถามว่าจะเล่นงาน ทนายดีจัง ได้ไหม ?
คำตอบ คือ มารยาททนายนั้น ทนายดีจัง โดนอย่างเต็มๆ เมื่อมีการร้องเรียนเอาเรื่อง ถึงขั้นถูกถอนใบอนุญาตว่าความนั่นเทียว
ขณะเดียวกันยังโดนข้อหายักยอกทรัพย์ถึงขั้นคุกตะราง เว้นเสียแต่นายโดนใจ กับพวกหรือ นายหนืด ไม่เอาเรื่องหรือไม่รีบฟ้องร้องหรือแจ้งความภายในกำหนด 3 เดือน นับแต่วันที่รู้ว่า ทนายดีจัง ซึ่งไม่ดีจังเหมือนชื่อทำเหตุ ทนายดีจังก็หลุดคดีอาญา
สำหรับคดีแพ่งฟ้องร้องเรียกเงินนั้น นายหนืด ทำได้อยู่แล้ว ปัญหาอยู่ที่ว่าชนะคดีแล้วจะเอาอะไรจากทนายได้ไหมมีสมบัติอะไรให้ไหม นี่คือปัญหา
ก็อย่างที่เขาว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคน นั่นแหละโยม
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2207/2533
ABOUT THE AUTHOR
&
"จอมยุทธ"
ภาพโดย : -นิตยสาร 399 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล