สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
MG รุกตลาดเต็มพิกัดสู่เป้าหมายที่ท้าทาย พร้อมทุ่มทุนครองตลาดยานยนต์ไฟฟ้า 100 % ยัน ไม่ต้องรอให้ทุกอย่างพร้อม “ฟอร์มูลา” สัมภาษณ์พิเศษ พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : คุณมองว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยปีนี้จะเป็นอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : ภาพโดยรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ได้รับผลกระทบตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปี 2564 โดยมีอัตราลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับปีนี้เศรษฐกิจน่าจะเริ่มดีขึ้น โดยคาดว่าจะโตประมาณ 3-4 % ส่วนอุตสาหกรรมยานยนต์จะเติบโตประมาณ 5-10 % ยอดขายโดยรวมปีที่แล้ว 760,000 คัน ปีนี้คาดว่าประมาณ 800,000-850,000 คัน
นอกจาก COVID-19 แล้ว สิ่งที่ส่งผลให้ตลาดหดตัว เกิดจากการขาดแคลนของซัพพลาย ที่ส่งผลต่ออุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วย ปีนี้คาดว่าสถานการณ์น่าจะคลี่คลาย และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่ปีนี้ภาครัฐออกมาตรการสนับสนุน หลายค่ายเริ่มขยับเข้าสู่ตลาด EV มากขึ้น จากนโยบาย และจุดยืนที่ชัดเจนของภาครัฐ รวมถึงมาตรการ และแนวทางสนับสนุนที่มีอย่างต่อเนื่อง จะทำให้ประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตทัดเทียมอุตสาหกรรมยานยนต์โลก
สำหรับ MG (เอมจี) ปี 2564 ถือเป็นอีกหนึ่งภาพสะท้อนว่าคนไทยให้ความไว้วางใจ และเชื่อมั่นในบแรนด์ของเรามากยิ่งขึ้น จากการรุกตลาดสร้างสีสันให้วงการยานยนต์ไทยตามแผนที่วางไว้ตลอดทั้งปี ทำให้ MG สามารถสร้างยอดขายโดยรวม 31,005 คัน หรือมีอัตราการเติบโต 9.5 % เป็นบแรนด์รถยนต์เพียงไม่กี่บแรนด์ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยมีสถิติ และตัวเลขที่น่าสนใจ เช่น ALL NEW MG5 (เอมจี 5) ใหม่ สามารถขึ้นเป็นอันดับ 3 ในกลุ่มรถยนต์ขนาดเล็ก หรือ B-SEGMENT ภายในเวลาเพียง 2 เดือนหลังจากการเปิดตัว ส่วนของกลุ่ม SUV ที่เป็นโมเดลทำตลาดหลักของ MG ในปี 2564 สามารถรั้งตำแหน่งในกลุ่มผู้นำอย่างต่อเนื่อง กลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้รับความนิยมมากขึ้นจากลูกค้าทั่วไป และลูกค้าองค์กร โดยเป็นผู้นำด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดสูงกว่า 90 % อีกทั้งยังสามารถดำเนินการติดตั้งสถานีชาร์จแบบเร็ว MG SUPER CHARGE ได้แล้ว 120 แห่งทั่วประเทศ ทำให้ปีนี้ MG ตั้งเป้าที่จะมียอดขายสูงถึง 50,000 คัน
ฟอร์มูลา : คุณวางทิศทาง และนโยบายของ MG ไว้อย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : MG ตั้งเป้าที่จะผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่ยุคใหม่ ยกระดับขีดความสามารถของประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะมุ่งนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ด้วยการผสมผสานความลงตัวของเทคโนโลยี ความทันสมัย และคุณค่า ทะลายกรอบความคิดเดิมๆ พิสูจน์ให้เห็นว่ารถที่ดีต้องมอบประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้บริโภค และทำให้คนไทยมีทางเลือกในการเข้าถึงรถยนต์ที่มาพร้อมนวัตกรรมในราคาที่เข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น โดยการพัฒนา และนำเสนอ ผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้งาน ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า
MG วางแผนที่จะเป็นบแรนด์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน มีการเติบโตจนขยับอันดับอย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดรถยนต์เมืองไทย ขณะเดียวกัน การรุกตลาดต้องมีการปรับกลยุทธ์ และแผนเป็นระยะให้ตรงกับความต้องการของตลาด
สำหรับเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย MG มองว่าอย่าไปรอความพร้อม ถ้ามองจากอดีต ตอนรถเครื่องยนต์สันดาปภายในเกิดขึ้นก็ไม่มีความพร้อม แต่รถเครื่องยนต์ก็มาถึงวันนี้ได้ ถ้าเราเริ่มทำ ความพร้อมก็จะมาเอง
ฟอร์มูลา : MG วันนี้มีความแข็งแกร่งมากน้อยเพียงใด ?
พงษ์ศักดิ์ : ปัจจุบัน MG มีส่วนแบ่งการตลาด 4.19 % ซึ่งถ้าเปรียบเทียบถึงในช่วงระยะเวลาไม่นาน MG มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี แต่ในเรื่องของการพัฒนาเพื่อให้ไปถึงจุดที่สูงสุดของตลาด ยังต้องใช้เวลาในหลายๆ เรื่อง ทั้งความเชื่อมันของบแรนด์ การตลาด การบริการหลังการขาย รวมถึงผลิตภัณฑ์ โดย MG จะเน้นพัฒนา และนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้ครอบคลุม ทั้งเครื่องยนต์สันดาป และรถยนต์พลังงานทางเลือก เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้รถของคนไทย มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาใช้ในผลิตภัณฑ์ และการบริการควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และยังคงย้ำการสร้าง EV ECOSYSTEM ในประเทศไทย เพื่อให้ลูกค้า EV หมดกังวลในการใช้รถยนต์ไฟฟ้า
ฟอร์มูลา : แผนการลงทุน มีทิศทางอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : MG ไม่ใช่แค่ตัวรถ แต่คือการลงมือทำทั้งระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าให้แข็งแกร่ง ที่ครอบคลุมทั้งการพัฒนา และนำเสนอผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าที่หลากหลาย เพื่อให้สอดรับกับรูปแบบการใช้งาน ความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของแต่ละกลุ่มลูกค้า โดยรถยนต์พลังงานไฟฟ้าทุกรุ่นที่จะเปิดตัวนับจากนี้ จะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ V2L ที่รถยนต์สามารถจ่ายไฟฟ้าไปยังเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นได้ การพัฒนา และการจัดการแบทเตอรีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า MG ได้รับการอนุมัติจาก BOI ในการตั้งโรงงานผลิตแบทเตอรียานยนต์ไฟฟ้าในประเทศแล้ว รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษา และวิจัยในเรื่องของวิธีการจัดการแบทเตอรีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ได้ใช้งานแล้วอีกด้วย การสร้าง และขยายเครือข่ายสถานีชาร์จให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวก พร้อมเสริมความมั่นใจในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เพื่อรองรับการใช้งานอย่างแพร่หลาย รวมถึงยังเป็นการปลดลอคความกังวลเรื่องระยะทางการใช้งานต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ด้วยจำนวนสถานีชาร์จนอกบ้านที่มีให้บริการตลอดเส้นทาง โดยทุกๆ 150 กม. จะต้องมีเครือข่ายสถานีชาร์จอย่างน้อย 1 แห่ง
การเร่งสร้างความรู้พื้นฐาน และความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยมีแผนที่จะเข้าไปสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา เพื่อถ่ายทอดองค์ความรู้ และเตรียมความพร้อมให้คนรุ่นใหม่เป็นพลังสำคัญในการผลักดันสังคมยานยนต์ไฟฟ้าในไทยให้เกิดขึ้นได้ไวยิ่งขึ้น รวมถึงเป็นผู้ร่วมกำหนดมาตรฐานใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในอนาคต
ฟอร์มูลา : การแข่งขันในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : การแข่งขันในตลาดน่าสนใจจากการเข้ามาของบแรนด์ใหม่ๆ รวมถึงทำการตลาดแบบใหม่ เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ตรงเป้า ซึ่งเราได้เห็นจากการเปลี่ยนแปลงในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึงการเข้ามาของสถานการณ์ COVID-19 ทำให้มีสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่เพื่อสนองวิถีชีวิตของลูกค้ามากขึ้น อีกส่วนหนึ่ง คือ ความคุ้มค่าของสินค้าในราคาที่เหมาะสม ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มขึ้น
ฟอร์มูลา : ความสำเร็จของ MG คืออะไร ?
พงษ์ศักดิ์ : MG เชื่อว่าการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี จะช่วยสร้างจุดเปลี่ยน และยกระดับประเทศไทย โดย MG ได้มีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ๆ มาโดยตลอด ทำให้คนไทยได้ใช้รถที่มีระบบการเชื่อมต่ออัจฉริยะ และระบบการขับขี่อัตโนมัติที่ให้ความสะดวกสบาย และความปลอดภัยแก่ผู้ขับขี่เพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจ CAR SHARING กำลังเป็นที่จับตา รวมถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทยก็เป็นที่ยอมรับ และมียอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ถือได้ว่าในวันนี้ประเทศไทยก้าวมาไกลทัดเทียมกับประชาคมโลก อย่างที่ MG ตั้งใจไว้
ฟอร์มูลา : พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : ผู้บริโภคเป็นปัจจัยสำคัญ การเข้าสู่ยุคใหม่ต้องมีการปรับไปด้วยกัน ขณะนี้จะเห็นได้ชัดเจนถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทอล เป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมที่จะต้องตอบสนองความต้องการของลูกค้า ซึ่งได้แก่ CASE: C-CONNECTIVITY, A-AUTONOMOUS, S-SHARING และ E-ELECTRICAL ทำให้ตอนนี้ยักษ์ใหญ่หลายรายกระโดดเข้ามาแข่งขันในธุรกิจยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็น ปตท. เอสซีจี ฯลฯ
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2565
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/404855