ประสาใจ
ศิลาสัจพจน์
กระบวนการนักเล่าเรื่องสั้น ขบขัน และชวนคิด ยังมีกวีชาวสเปนอีกคน เกิดที่บาเลนซีอา ชื่อ ฮวน ทิโมเนดา เกิดเมื่อ 500 ปีที่แล้ว (คศ. 1518) เป็นนักเขียนระดับกวีเอก และเป็นบรรณาธิการเล่ม ก่อนชีวิตจะหันเข้าสู่วงการหมึกพิมพ์ เขาคือช่างตัดขนสัตว์ เรื่องสั้นเรื่องหนึ่งของ กวีฮวน ที่จะเล่าให้ฟังนี้ เก็บมาจากคอลเลคชันของเขาชื่อ TURIANAกิรดัง ได้ยินมา ตทา กาเล...กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว มีศิลาอัศจรรย์ก้อนหนึ่งอยู่ที่เชิงเขาอเวนไท ฮิลล์ ในเขตหลังกำแพงกรุงโรม รูปพรรณเทียบเท่าแผ่นหินที่กลม และหนาของโม่หิน บนศิลาอัศจรรย์ก้อนนี้ เป็นที่ตั้งของตัวประหลาดครึ่งคนครึ่งสิงโต หน้าตาดุร้าย แถมยังอ้าปากกว้าง ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ตราบเท่าทุกวันนี้ ศิลาอัศจรรย์ก้อนนี้ชาวบ้านเรียกว่า "ศิลาสัจพจน์" แต่โบราณกาล คนเราก่อนจะให้การเป็นที่พอใจผู้กล่าวหา ก็ต้องอาศัยศิลาก้อนนี้ เอามือตนเองยัดเข้าปากกว้าง ถ้าโกหก ศิลาก็จะตะครุบมือไว้แน่น ชักออกไม่ได้ จนกว่าจะให้การที่เป็นความจริง และถ้ามิได้ประกอบการใดที่เป็นความผิด มือก็จะได้รับอิสระชักออกมาได้ โลกของเราสมัยอาณาจักรโรมัน มีกัปตันคนหนึ่งชื่อ ชีปิโอ ตอร์เคตุส เป็นผู้มีชื่อเสียงเชื้อสายซีซาร์ แต่งงานกับหญิงมีสามีแล้วด้วย เป็นผู้หญิงงดงาม และมีคุณค่าหาผู้ใดเปรียบได้ นางชื่อ เออีนีอา ซาเบลีนา อายุ 23 ปี วันหนึ่ง กัปตันตอร์เคตุส คุมทัพออกไปปราบกบฏแถวลุ่มน้ำดานูบในทรานซิลเวเนีย ทหารโรมันล้มตายเป็นจำนวนมาก การล้มตายในสงครามสมัยนั้นไม่รู้จักดีเอนเอ ใครตาย ใครไม่ตาย ก็เป็นเรื่องบอกเล่าที่ลำบากอย่างยิ่ง คนเครียดที่สุด กินไม่ได้นอนไม่หลับ คือ ซาเบลีนา นางเชื่อว่า สามีคงตายแหงแก๋ สร้างความเครียดไปถึงครอบครัว ขณะนั้นเองก็มีนายแพทย์หนุ่มคนหนึ่งสำเร็จวิชาแพทย์มาจากกรีก เป็นชาวโรมันโดยกำเนิด ชื่อ นายแพทย์อาร์ซินีอุส รูฟัส นายแพทย์รูฟัส มาดูอาการ นางซาเบลีนา เห็นความงดงาม และความเป็นสตรีของ ซาเบลีนา แล้วก็ต้องมาเฝ้านางทุกวัน อยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องนอนทุกครั้ง ซึ่งมิชักช้ากามเทพก็ยิงศรรักปักอกนายแพทย์หนุ่ม จนถึงขั้นหลุดปากคำสำแดงความรู้สึกที่มีต่อนางให้ฟัง ซาเบลีนา ฟังความแล้วก็พูดรำพันกับตัวเองว่า "ซาเบลีนา เอย, ก็เจ้าเองมิใช่หรือที่เชื่อว่า ตอร์เคตุส ม่องเท่งแล้ว หากจะมีผัวอีกสักคนยังจะมีชายใดเหนือกว่าแพทย์หนุ่มรายนี้เล่า ฐานะก็เทียบเท่าอัครมหาเศรษฐี ความหล่อก็เหมือนพระเอกหนัง" พูดแล้วก็ถอนหายใจยาว เพราะสติสัมปชัญญะบอกตนว่า ถ้ากัปตันยังไม่ตาย นี่มันเหตุคบชู้นะเว้ยเฮ้ย นี่คือ ซาเบลีนา แต่ความกำหนัดของ นายแพทย์รูฟัส คิดจะฟัดท่าเดียว ถึงไม่มีใครเอ่ยสัจพจน์ที่ว่า "ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก" นายแพทย์รูฟัส ก็ทำได้ตามสูตรนั้นอย่างสมบูรณ์ ความฝันกลายเป็นความจริง ความจริงที่กลายตัวมาจากความฝันดำเนินได้ไม่กี่สัปดาห์ ก็ได้ข่าวว่า กัปตันตอร์เคตุส ยังไม่ตาย ญาติพี่น้องของเขาส่งข่าวให้รีบกลับบ้านโดยเร็ว เพราะบันไดเรือนกัปตันชักสกปรกมีมลทิน กัปตันกลับมา และคนที่ยินดีปรีดามากที่สุดก็คือ ซาเบลีนา-เมียของเขา กัปตันเป็นแม่ทัพ มีสติปัญญาไม่ธรรมดา แถมเป็นคนรักเมีย หู 2 ข้างของเขาจึงมีน้ำหนัก ไม่ไขว้เขวตามคำเล่าลือที่ครอบครัวของเขาพยายามเล่า ถือเป็นเรื่องเล่าที่พิสูจน์ไม่ได้ ช่วงนี้ การพบปะกันระหว่าง ซาเบลีนา กับนายแพทย์หนุ่ม เว้นไปโดยอัตโนมัติ อยู่ดีๆ วันหนึ่ง กัปตันก็พูดกับเมียว่า ตั้งใจจะไม่พูดนะ แต่ได้ยินญาติพี่น้องจ้ำจี้จ้ำไชทุกวัน เกิดความไม่สบายใจอยากให้เมียไปสาบานตนต่อศิลาอัศจรรย์กับตัวเขาเอง ร่วมกับญาติพี่น้อง "ช่วยออกไปสาบานหน่อยเถอะเมียจ๋า ข้าจะได้กลับไปคุมทัพอย่างเป็นสุข" ซาเบลีนา เข้าใจเรื่องราวเป็นอย่างดี ครั้นสามีเปิดเผยความในใจ นางก็หัวเราะ แต่เหมือนเป็นเสียงหัวเราะที่ฟังดูพิกล นางเอ่ยปากกับสามีว่า "คุณพี่ต้องการให้ข้าทำเท่านี้รึ ? ข้ายินดีสาบาน แต่คิดให้ดีนะกัปตัน ถ้ากัปตันหูเบาแบบนี้ลูกน้องในสนามรบจะเชื่อฟังคำสั่งแม่ทัพอย่างไร ?" โป๊ะแตก...กัปตันเองก็คิดมาก เพราะถ้านางยัดมือเข้าไปแล้วชักออกมาไม่ได้ ต้องใช้กรรไกรไฟฟ้า (สมัยนั้นมีหรือเปล่าก็ไม่รู้) ตัดแขนทิ้ง แล้วชีวิตที่เหลืออยู่จะเป็นฉันใด คิดไปคิดมาก็หันหน้าไปหานักปราชญ์ระดับมืออาชีพ ชำระค่าปรึกษาขอคำแนะนำ "เจ้าต้องปลอมตัวเป็นเกษตรกรผู้ยากจน เอาเครื่องมือใช้สอยในการทำไร่ไปด้วย เพื่อให้แลดูสมจริงตามฐานะ โดยเฉพาะคีมถอนขนแบบมีด้ามจับ ถอนได้ทั้งขนขนาดเล็ก และขนขนาดใหญ่" กัปตันคิดไม่ทันตามนักปราชญ์ปรึกษา และก็คิดไม่ออกว่าคำสาบานจะเกี่ยวโยงกับคีมถอนขนอย่างไร "เมื่อเจ้าปลอมตัวเรียบร้อยแล้วจงไปเตร่ที่ถนนออสตีอา และโคลีเซียมอเวนิว อันเป็นจุดผ่านของนางซาเบลีนา และญาติพี่น้องของกัปตัน เพื่อตรงไปยังศิลาอัศจรรย์ เจ้าต้องบอกกับนางว่าปลอมตัวเป็นชาวไร่ ออกมาที่ถนนวันนี้ นางจะต้องเล่นบทแสร้งเหยียบพงหนามตรงทางแยก เมื่อนางเหยียบแล้วเจ้าก็ต้องช่วยเหลือยกเท้านางขึ้นมาเพื่อถอนหนามออก เรียบร้อยแล้วเจ้าก็จะได้คำตอบ ทุกคนจะเห็นทั้งหนามและเลือดก่อนไปถึงการสาบานต่อศิลาอัศจรรย์ ก้มหน้ามาสิ ข้าจะกระซิบความสำคัญให้ฟัง" กัปตันก้มหน้า เอียงหูไปหาปากนักปราชญ์ ครู่เดียวใบหน้ากัปตันก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดชั่วโมงแห่งการสาบานตนก็มาถึง ซาเบลีนา ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด รู้ดีว่า บทที่นางจะต้องแสดง คือ อะไร อย่างไร เมื่อแสร้งเหยียบหนามแล้วก็ร้องด้วยความเจ็บปวด ครั้นเห็นชาวไร่คนหนึ่งผ่านมาพร้อมด้วยคีมถอนขนจึงอ้อนวอนให้ช่วยถอนหนามที่เท้า ที่ศิลาอัศจรรย์ ซาเบลีนา อยู่ในอ้อมแขนของสามี นางยัดมือเข้าไปในปากกว้างโดยมิได้เกรงกลัว แล้วพูดว่า "ข้าขอสาบาน นับแต่ข้าเป็นภริยาของ กัปตันตอร์เคตุส มิเคยมีชายคนใดถูกเนื้อตัวข้า เว้นแต่ชาวไร่ผู้แสนดีงามคนนี้ซึ่งกรุณาถอนหนามที่เท้าของข้า" ได้ยินเช่นนั้น ศิลาอัศจรรย์ก็เกิดอาการ "บ้าใบ้ถือใยบัว หูตามัวมาใกล้เคียง" ปากอ้าอยู่เช่นนั้น...อิสรภาพเป็นของ นางซาเบลีนา เต็มร้อย...! บรรดาผู้กล่าวหา นางซาเบลีนา ต่างก้มหน้ากลับบ้านด้วยความละอายใจ และต่อมาในวันรุ่งขึ้น กัปตันตอร์เคตุส ก็กลับไปบัญชาการทัพที่ลุ่มน้ำดานูบด้วยความสุข ปราศจากความวิตกกังวล ยามลงบันไดจากเรือน ส่วน นางซาเบลีนา เมื่อการณ์ทุกอย่างผ่านไป ตลอดจนคำเล่าลือที่ไม่เป็นมิตรกับนางสร้างความวิตกบางขณะก็ผ่านไป ยกภูเขาออกจากอกเป็นความรู้สึกอย่างไร นางก็เป็นอย่างนั้นแหละ...แต่... สิ่งโหดเหี้ยมที่สุดของนาง คือ วันนั้นวันเดียวหนึ่งวันเต็มๆ ที่นางมิได้ใช้บริการจากนายแพทย์หนุ่มผู้ทรงจรรยาแพทย์ที่ชื่อ รูฟัส...!!!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2562
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/259896