ประสาใจ
นิยายเรื่องหัวแม่เท้า
โจวานนี บกกักโช เป็นนักเล่านิทานข้างหมอนชาวอิตาเลียน อาชีพดั้งเดิมเป็นคนทำการค้า แต่ไม่ชอบกำไร-ขาดทุน จึงหันมาศึกษาวรรณคดีกรีก มุมานะศึกษาจนเป็นนักปราชญ์ แสดงความบันเทิงด้วยการเขียนเรื่องบันเทิงทศวาร เป็นจินตกวีเอกแห่งยุค เรื่องที่เขาประพันธ์ถูกแปลเป็นภาษาต่างๆ รวมทั้งภาษาไทย ซึ่งโรงพิมพ์ที่คลอดบันเทิงทศวารของ บกกักโช ครั้งแรกบนแผ่นดินสยามประเทศ น่าจะเป็น “โรงพิมพ์ไท ณ วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2460”ในวาระครบ 101 ปี ขอเล่านิทานข้างหมอน ของเขาสักเรื่อง ดังต่อไปนี้ กิรดังสดับมา ตทากาเล...กาลครั้งหนึ่ง มีวานิชหนุ่มผู้มั่งคั่งธนสารสมบัติคนหนึ่งชื่ออาร์รีกุชโช จดทะเบียนแต่งงานกับผู้หญิงซึ่งเกิดในตระกูลดีชื่อ ซิสมนดา ลำพังเท่านี้คงไม่เป็นนิทานข้างหมอน ดังนั้นเรื่องจึงมีต่อมาว่า ซิสมนดา เป็นผู้หญิงขณะนายวานิชหนุ่มตกวงโคจรต้องไปทำธุรกิจเมืองอื่นบ่อยครั้ง ดังนี้ย่อมระงมด้วยเสียงเมาท์จากชาวบ้านชาวเมืองว่า อิสตรีงดงามรายนี้หนีไม่รอดชายนักรักใคร่ รูแบร์โต เป็นชื่อของชายนักรักใคร่ดังกล่าว เขามีความสุขกับ ซิสมนดา ทุกครั้งที่ อาร์รีกุชโช ไปต่างจังหวัด หลายครั้งเข้าข่าวลือก็มากระทบหูนายวานิช อาร์รีกุชโช เริ่มจ้องมองภรรยามากเป็น พิเศษ ธุรกิจต่างเมืองที่เคยออกไปบริหารจัดการก็ระงับแบบละครน้ำเน่าในทีวีบอกแฟนคลับว่า “พักสักครู่” พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนายวานิช เป็นผลกระทบให้ความสุขระหว่าง ซิสมนดากับรูแบร์โต เหงาหงอย แต่คำกล่าวที่ว่าผู้หญิงมีมายาเป็นร้อยเล่มเกวียน ในไม่ช้า ซิสมนดา จึงพบแผนการสวมเขาสามี คนรับใช้หญิงคนสนิทของแม่หญิงมายา รับหน้าที่เป็นผู้สื่อสาร นำความลับของนายหญิงไปบอก รูแบร์โต ว่า เวลานอนตอนกลางคืน แม่หญิงมายาจะหย่อนผ้ายาวลงมาทางหน้าต่างห้องนอน ปลายผ้าข้างหนึ่งจะสัมผัสพื้นดินข้างล่าง ขณะปลายอีกข้างผูกติดกับหัวแม่เท้าของ ซิสมนดา เมื่อ รูแบร์โต มาถึงก็ให้กระตุกผ้า เพื่อตรวจสอบสัญญาณไฟเขียว-ไฟแดง สัญญาณไฟเขียว ก็คือ ถ้าผ้ายาวหล่นลงมาทั้งหมด แปลว่า นายวานิชหลับสนิทแล้ว ให้ไปรอที่ประตูบ้านได้เลย สัญญาณไฟแดง ก็คือ ถ้านายวานิชยังไม่หลับ ซิสมนดา ก็จะชักผ้ายาวผืนนั้นขึ้นเก็บ แผนการนี้สบอารมณ์ความใคร่ของ รูแบร์โต ทำให้ความสุขของคนทั้งสองดำเนินต่อมาด้วยความปลอดภัยหลายรัตติกาล ทว่า รัตติกาลนั้นเองความซวยก็เกิดขึ้นจนได้... นายวานิชนอนหลับอยู่เพลินๆ เท้าของเขาก็สะดุดผ้าผู้ทรยศ และสมองของสามีผู้เต็มไปด้วยความหึงหวงก็ลำดับความได้เองว่า มันคืออะไร และอย่างไร หลังจากนั้นเขาจัดการแกะผ้าออกจากหัวแม่เท้าของเมียที่กำลังนอนหลับ แล้วเอามาผูกกับหัวแม่เท้าของเขาเอง อาร์รีกุชโช รอนาทีพิฆาตไม่นาน รูแบร์โต มาถึงก็กระตุกผ้าเพื่อดูไฟเขียว-แดง กระตุกทีเดียวผ้าก็หล่นตุ้บลงมากองข้างล่าง เพราะนายวานิชไม่ชำนาญผูกผ้าติดกับหัวแม่เท้า รูแบร์โต ตรงไปที่บานประตูเรือน แต่หัวใจแทบหยุดเต้นเมื่อได้ยินเสียงเดินลงเท้าหนักๆ ดังอยู่ข้างใน ชี้ชัดให้ รูแบร์โต รู้ว่านี่ไม่ใช่ ซิสมนดา แน่แท้ที่เดินมาเปิดประตู รูแบร์โต้ วิ่งหนี อาร์รีกุชโช ไล่ตามพร้อมดาบ ทั้งสองชักดาบออกมาสู้กันท่ามกลางแสงเดือน เสียงเอะอะปลุกให้ ซิสมนดา ตื่น เมื่อไม่เห็นสามี ไม่เห็นผ้าผืนยาว ก็เริ่มมโนภาพเห็น จึงเรียกสาวใช้มาพบ แล้วกล่าวว่า “เจ้าจงนอนบนที่นอนของข้า แล้วยอมรับโทษทัณฑ์จากสามีของข้าโดยสงบ เจ้าจะได้รางวัลจากข้าอย่างงดงาม” หญิงรับใช้มองเห็นเหรียญทองในถุงเงินของแม่หญิงมายา ก็ตกลงโดยไม่มีเงื่อนงำ ซิสมนดา เข้าไปซ่อนตัวในตู้เสื้อผ้า หญิงรับใช้ก็ขึ้นไปนอนแทนนายบนเตียง เหตุการณ์การดวลดาบภายนอก ปรากฏว่านายวานิชเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ยินดีเปิดโอกาสให้ รูแบร์โต หลบหนี ใจก็คิดถึงแต่ ซิสมนดา เมื่อชายชู้หนีไปแล้ว ก็ตรงดิ่งเข้าห้องนอน โถมเข้าหาร่างใต้ผ้าห่มในความมืด ด้วยเข้าใจว่านั่นคือ ซิสมนดา “อีกากี” (ไม่รู้นะว่านายวานิชผู้นี้ไปอ่านเรื่องกากีมาจากไหน) “คืนนี้แหละ เจ้าจะได้รู้รสที่ริอ่านสวมเขาให้ข้า” ต่อจากนั้น หญิงรับใช้ก็รับโบยหนักๆ แบบไม่ปริปากใดๆ นอกจากเฆี่ยนตีหนักแล้ว ยังกระชากผมออกมากระจุกหนึ่ง “เจ้ารับโทษสาสมพอแล้ว ข้าจะออกไปหาพี่ๆ ของเจ้าเดี๋ยวนี้ เพื่อที่พวกเขาจะได้รับรู้เรื่องลามกของน้องสาว” พูดแล้ว นายวานิชก็ออกจากเรือนไปหาญาติพี่น้องของ ซิสมนดา ตระกูลดัง ครั้นสามีออกจากเรือน ซิสมนดา ก็จัดการตามสัญญากับหญิงรับใช้โดยให้รางวัลเป็นเหรียญทอง ก่อนให้เธอกลับออกไป หลังจากนั้น ซิสมนดา ก็จัดที่นอนใหม่ให้แลดูเรียบร้อย ครั้นทุกอย่างแลดูเรียบร้อยแล้วก็จุดตะเกียง นั่งลงข้างเตียงถักผ้าด้วยอาการสงบ ไม่ช้า อาร์รีกุชโช ก็พาพี่น้องของ ซิสมน-ดา มาถึง “มาดูหน้าที่ยับเยินของนาง มาดูร่างที่สะบักสะบอมของนาง ก่อนจะเห็นผมที่ข้ากระชากออกมาจากหัวของนาง” นายวานิชกล่าวกับพี่น้องของเมีย ซิสมนดา แสร้งทำหน้าตื่น ลุกจากเก้าอี้ให้พี่น้องตรวจร่างกาย ซึ่งพี่น้องก็ผิดหวังเพราะไม่เห็นริ้วรอยใดๆ ตามมโนภาพที่พวกเขาสร้างขึ้นหลังฟังคำร้องจากนายวานิช “ไม่เห็นรึ ?” อาร์รีกุชโช ตะคอก “ถ้าเช่นนั้นก็จงดูผมของนางนี่ไง” “ผมของข้ารึ ?” ซิสมนดา อุทาน “คุณพี่เป็นอะไรไปเนี่ย ผมของฉันไม่ใช่สีนี้...พี่น้องของข้าเอ๋ย ข้าอยากรู้จังว่าเขาไปฟ้องร้องอะไรกับพี่ๆ” พี่น้องก็เล่าเรื่องให้ฟัง แล้วถามเขยวานิชว่า “นี่หมายความอย่างไร ?” “ข้าพออ่านออก” ซิสมนดา พูด “ไม่มีอะไรมาก คุณพี่ของข้าดื่มหนักไปหน่อย โดยเฉพาะสุราที่พี่ๆ ทั้งหลายให้เขามาวันก่อนนี้ ด้วยความเมาเขาก็ไปหลับนอนกับหญิงหากิน โกรธแค้นก็ทุบตี และกระชากผมของนางมาด้วย เรื่องที่เขาฟ้องพี่ๆ ทั้งหลายนั้น ข้าขอให้พี่ๆ ทั้งหลายให้อภัยเขาเถิด ดั่งคำโบราณว่า อย่าถือคนบ้าอย่าว่าคนเมา” “มันจะมากไปแล้วนะ อาร์รีกุชโช” พี่น้องของ ซิสมนดา ยังแค้นเคืองการใส่ความน้องสาว “ตระกูลของเราล้วนมีเกียรติ หากสังคมรู้เรื่องนี้เจ้าจะว่ากระไร ข้าทนไม่ได้ที่จะให้อภัย” คนที่ออกความเห็น เป็นพี่ชายคนโต การกล่าวของเขาทำให้น้องๆ พลอยเป็นเดือดเป็นแค้น แบบว่าอะไรก็ว่าตามกัน คนที่เราควรเห็นใจมากสุด น่าจะเป็น ซิสมนดา วัดอุณหภูมิความรักที่นางมอบให้สามีไม่ถูก ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของนาง คือ ชายผู้เป็นสามีกำลังถูกพี่น้องที่กริ้วโกรธขนาดหนักรุมล้อม ไม่มีทางอื่นที่นางพึงปฏิบัติได้ ซิสมนดา กราบพี่ๆ ทั้งหลาย ออกเสียงสั่นระริก “ขอสักครั้งเถิดพี่ๆ ทั้งหลาย โปรดให้อภัยสามีข้าด้วย” ไม่เพียงพูดอย่างเดียว แต่นางยังมีน้ำตาไหล “เขาเมาสุราเท่านั้น ไม่ได้ประกอบความชั่วอย่างใด ข้าเองก็ให้อภัย พี่ๆ ทั้งหลายไม่สมควรดอกหรือที่จะให้อภัยแก่เขาสักครั้ง” พี่ๆ ทั้งหลายก็เรรวน นางก็ตอกย้ำอีกว่า “มนุษย์ทั้งหลายย่อมกระทำความผิดได้ทุกคน เพราะความผิดพลาดเป็นธรรมชาติของมนุษย์” พี่ชายคนโตถอนหายใจยาว หันหน้าไปทาง อาร์รีกุชโช ก่อนจะสำทับ “ตกลงพวกเราให้อภัย...แต่อย่าให้ต้องได้ยินเรื่องบ้าๆ เช่นนี้อีกละกัน ขืนได้ฟังอีก เจ้าถูกข้าสับเป็นชิ้นๆแน่...!” คำคุกคามของพี่ชายดังชัดเจน เรื่องต่อมาจึงเป็นความสุขของ ซิสมนดา ที่มีกับ รูแบร์โต บ่อยครั้งเท่าที่นางพึงปรารถนา...!
เรื่องโดย : ข้าวเปลือก
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2561
คอลัมน์ Online : ประสาใจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/233119