เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
รู้ลึกวิธีผลิตยาง
ยางรถยนต์ทำจากอะไร ?
ล้อรถคันแรกผลิตขึ้นสำหรับใช้กับเกวียน ทำจากโลหะ หรือไม้ กระทั่งช่วงกลาง ปี 1800 จึงเริ่มใช้ยาง ที่คล้ายกับยางรถยนต์ที่เรารู้จักในวันนี้เป็นครั้งแรก และคงรูปแบบทรงกลมที่เรียบง่ายจนถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เริ่มมีการผลิตยางแบบ สูบลม เพื่อดูดซับแรงกระแทกได้ดีขึ้น และยังช่วยเพิ่มแรงเกาะพื้นถนนอีกด้วย
จนถึงวันนี้ ยางรถยนต์สมัยใหม่ต้องการวัตถุดิบมากกว่า 200 ชนิด รวมถึงเม็ดสี (ในรูปคาร์บอนบแลค) สารเติมแต่งธรรมชาติ และสารเพิ่มคุณภาพสังเคราะห์ รวมทั้งสารเคมีสำหรับผสมในเนื้อยาง เพื่อทำให้เกิดการเชื่อมต่อระหว่างโมเลกุล กำมะถัน และพลาสติไซเซอร์
แม้ว่ายางจะได้รับการออกแบบให้แข็งแรง และทนทาน แต่ความสำคัญ และความเฉลียวฉลาดของพวกเขามักถูกมองข้าม ยางที่ปลอดภัยต้องรับน้ำหนักมากอย่างน่าเหลือเชื่อ ต้องทนต่อความดันสูงของอากาศภายใน และป้องกันการเจาะจากภายนอก กุญแจสำคัญในการสร้างความแข็งแรง คือ ขั้นตอนการวางส่วนประกอบของยางแต่ละชั้นอย่างแม่นยำ และเสริมแรงด้วยส่วนประกอบของโลหะ เส้นลวดเหล็กกล้าเพียงอย่างเดียว สามารถบรรทุกน้ำหนักได้ถึง 1,800 กก. ซึ่งหมายความว่า ชุดยางเฉลี่ยโดยทั่วไปสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 14,400 กก. ชั้นของเส้นใยที่ทำมาจากเคฟลาร์ หรือเหล็กกล้ามีความสำคัญต่อแรงต้านความกดดัน และความหนาของดอกยาง ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องยางรั่วได้ กระบวนการสร้างขึ้นอยู่กับการหมุนของแกน ซึ่งมีจุดกึ่งกลางที่ยืดหยุ่น จะยืดยางไปเรื่อยๆ จนม้วนรอบแกน จากนั้นเมื่อแกนม้วนอยู่ในแม่พิมพ์ เพื่อผสมผสานกับส่วนประกอบอื่นๆ แล้ว จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปที่มีความร้อน และแรงดันสูง
แม้ว่าขั้นตอนพื้นฐาน และส่วนผสมจะยังคงเหมือนเดิม แต่ยางมีหลายประเภทสำหรับสภาพถนนที่แตกต่างกัน ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด คือ ยางฤดูร้อน และฤดูหนาว ยางฤดูหนาวเนื้อยางจะยังคงนิ่มที่อุณหภูมิต่ำ ไม่แข็ง และเปราะแตกง่าย ยังมีลายดอกยางที่ซับซ้อน ซึ่งจะช่วยให้เกิดแรงยึดเกาะถนนที่ดี และเบรคได้เร็วขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ มีการเพิ่มคุณสมบัติด้านความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งยางที่มีระบบกลไกป้องกันไม่ให้ยางแบน และสามารถขับไปได้ไกลถึง 80 กม. หลังจากยางรั่ว
โครงสร้างของยาง
มีองค์ประกอบหลากหลาย เพื่อความแข็งแรง ทนทาน
1. วัตถุดิบ
ใช้วัตถุดิบกว่า 200 ชนิด ในการผลิตยาง รวมถึงส่วนประกอบทางธรรมชาติ ยางสังเคราะห์ เรซิน น้ำมัน และผ้า
2. แก้มยาง
ถูกเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันความเสียหายของโครงยาง เมื่อกระแทกกับหลุมบนถนน หรือ ทางเท้า
3. เส้นลวดเหล็กกล้า
ลวดเหล็ก 2 เส้นที่เรียกว่า ขดลวด ช่วยยึดรักษาขอบยางให้คงรูปทรง
4. แผ่นยางด้านใน
แผ่นยางสังเคราะห์ผนึกไม่ให้อากาศเข้า จะถูกวางไว้บนแกนหมุน และกลายเป็นท่อยางด้านในเพื่อเก็บรักษาอากาศในขณะที่เติมลม
5. ชั้นโครงยาง
เป็นชั้นบนสุดของยาง ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มเส้นใยสานที่ฝังอยู่ในเนื้อยาง สำหรับรองรับแรงดันลม เส้นใยแต่ละกลุ่ม สามารถรับแรงดันได้ประมาณ 15 กก. และยางแต่ละเส้นบรรจุเส้นใยเหล่านี้หลายร้อยกลุ่ม
6. ชั้นโครงยางด้านใน
เสริมด้วยเส้นใยเหล็กขนาดเล็ก เพื่อให้เกิดความแข็งแรง รองรับแรงบิดของตัวยาง
7. ดอกยาง
ดอกยางอยู่นอกสุด เป็นส่วนสัมผัสกับถนน
8. แม่พิมพ์ยาง
ยางถูกวางในแม่พิมพ์ เพื่อเตรียมปั๊มขึ้นรูป
9. การขึ้นรูป
ตรงกลางของแกนจะสูบลมเข้าเพื่อให้ด้านข้างของยาง ม้วนเข้าหากัน ทำให้ยางเป็นรูปทรง
10. การทำให้ยางสุก
ขั้นตอนนี้หลอมยางเข้ากับเหล็ก และผ้า
11. การขึ้นรูปดอกยาง
แม่พิมพ์จะขยายตัวยางด้านในด้วยการอัดน้ำร้อน และดันยางเข้าไปในแม่พิมพ์ เพื่อขึ้นรูปดอกยาง
1. ผิวหน้ายางมีความมันวาวเนื่องจากถูกเคลือบด้วยสารกันติดแม่พิมพ์ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการใส่ยางเข้าไปในแม่พิมพ์
2. การเติมลมยางที่เหมาะสมตามที่บริษัทผู้ผลิตแนะนำ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้มากถึง 10 %
3. ยางรถยนต์สมัยใหม่จากวัตถุดิบมากกว่า 200 ชนิด
รู้หรือไม่ ถนนที่เงียบกว่า การสร้างถนนที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำจากยางรีไซเคิล ผสมกับยางมะตอยมาตั้งแต่ปี 1960
ยางอัจฉริยะ
PIRELLI CONNESSO คือ เทคโนโลยีสำหรับยาง เพื่อพัฒนาความปลอดภัย สมรรถนะ และลดการบริโภคเชื้อเพลิง โดยฝังเซนเซอร์ขนาดเล็กลงในยางรุ่นใหม่ เพื่อเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชันของสมาร์ทโฟน เซนเซอร์นั้นสามารถวัดแรงดัน อุณหภูมิ การรับน้ำหนัก พร้อมกำหนดระยะการเดินทาง และแจ้งเตือนคนขับว่าควรจะเปลี่ยนยางเมื่อใกล้สิ้นสุดอายุการใช้งาน การพัฒนาเซนเซอร์ของยางในอนาคตจะมีตัววัดแรงดันระบบไฟฟ้า ที่สามารถใช้ได้ขณะเติมลมยางด้วย
ABOUT THE AUTHOR
H
HOW IT WORKS MAGAZINE
ภาพโดย : HOW IT WORKS MAGAZINEนิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2561
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS