มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟศบุค ชุมชนออนไลน์ที่มีสมาชิกกว่า 2,000 คนทั่วโลก ประกาศนโยบายใหม่ว่า ต่อไปนี้จะทำให้ผู้ใช้มองเห็นฟีดข่าวน้อยลง รวมทั้งปรับอัตราส่วน NEWS FEED จากเดิม 5 % เหลือ 4 % โดยเฟศบุคจะเลือกแสดงฟีดของครอบครัว และเพื่อนเป็นอันดับแรกรองลงไป คือ ฟีดจากเพจที่ผู้ใช้กดไลค์ และเข้าไปดูบ่อยๆ รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ใช้ตั้งค่าสื่อได้ละเอียดขึ้น เช่น SEE FIRST, UNFOLLOW และ HIDE เพื่อกำหนดข้อมูลที่ต้องการเห็นด้วยตัวเอง นโยบายใหม่นี้ จะทำให้ชาวเฟศบุคได้เห็นโพสต์ขายสินค้าและประชาสัมพันธ์ จากบริษัทห้างร้าน และผู้ประกอบการทั้งรายใหญ่ และรายย่อยน้อยลงกว่าเดิมมาก ถามว่าใครเดือดร้อน ? แน่นอน ต้องไม่ใช่ผม เพราะผมไม่ได้เป็น 1 ใน 2,000 ล้านสมาชิกของชุมชนนักสอดรู้ นักแสดงความคิดเห็น นักตั้งสเตทัส นักแสดงสด นักสร้างแรงบันดาลใจ นักทดสอบรถ ฯลฯ แห่งนี้ และแม้บรรดาสมาชิกก็คงไม่เดือดร้อนเท่าใดนัก ตราบใดที่พวกเขายังสามารถตั้งสเตทัสเพื่อระบายความในใจ อวดชีวิตดี๊ดี หรือแสดงตัวตน (ปลอมๆ) ของตนเอง รวมทั้งสามารถสอดส่องเรื่องราวของคนอื่น ได้อยู่เช่นเดิม ดังนั้น พวกที่ต้องตระหนกกับนโยบายใหม่นี้ ก็คือ กลุ่มผู้ใช้ที่ ซัคเคอร์เบิร์ก ตั้งเป้าจะ (รีดเงิน หรือ) กำจัดออกไปจากชุมชนของเขานั่นเอง ซึ่งได้แก่ บรรดาผู้ผลิตสินค้าที่อาศัยหน้าเพจเฟศบุคโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ หรือใช้เป็นสะพานเชื่อมต่อไปยังเวบไซท์ เนื่องจากเฟศบุคเป็นสื่อฟรี หรือเสียเงินน้อย แต่มีคนเห็นจำนวนมาก แถมยังทำสื่อเองได้ด้วยคอมพิวเตอร์ถูกๆ ตัวเดียว หลายบริษัทจึงเคลิ้มว่า ตนเองเป็นเจ้าของสื่อไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสื่อหลักอีกต่อไป อันนำมาซึ่งความล่มสลายของธุรกิจสื่อตามที่เห็นอยู่ แต่นับจากนี้ ผู้ผลิตสินค้าทั้งหลายจะถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวานมาพบความจริงว่า ของฟรีไม่มีในโลก และเจ้าของสื่อออนไลน์อย่าง มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก นั้นต่อรองไม่ได้ เหมือนเจ้าของสื่อหลัก - คนไทยด้วยกัน ที่ถูกคุณฆ่าตายไปแล้ว ขอบคุณ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก