พิเศษ(formula)
"ฟอร์มูลา" สรุป 10 ข่าวดัง ปี 2560
1. ยอดขายรถกระฉูด !
ตลาดรถยนต์ปี 2560 กลับมาคึกคักอย่างมาก ยอดขายรวม 10 เดือน 689,266 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราเติบโต เพิ่มขึ้น 20.4 % ทำให้คาดกันว่า ปี 2560 คงปิดยอดได้ตามเป้าหมาย 830,000 คัน2. ตลาดครอสส์โอเวอร์ เดือด !
ในช่วงปีที่ผ่านมา รถยนต์ประเภทครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ได้รับความนิยมสูงมากในตลาดประเทศไทย ค่ายรถต่างเปิดตัวรถประเภทนี้กันอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฮอนดา ซีอาร์-วี, มาเซราตี เลวันเต, เบนท์ลีย์ เบนเทย์กา, เมร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ, แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี, เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์, เอมจี เซดเอส, โวลโว เอกซ์ซี 60, มาซดา ซีเอกซ์-5, บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 3 และคาดว่าจะมีรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดอีกในปีนี้3. รถพรีเมียมคึกคัก
ถือเป็นปีทองของรถยนต์กลุ่มพรีเมียมคาร์ โดยคาดว่ายอดขายรวมจะแตะที่ 30,000 ล้านบาท โดยเป็นผลพวงมาจากการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่เข้าทำตลาดกันอย่างคึกคัก นอกจากนี้ยังมีการลงทุนผลิตในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้ราคารถหรูสามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น4. เปลี่ยนฐานคำนวณภาษีรถยนต์
กรมสรรพสามิตเปลี่ยนฐานการคำนวณภาษีรถยนต์ใหม่ โดยหันมาใช้ “ราคาขายปลีกแนะนำ” แทน “ราคาหน้าโรงงาน” ซึ่งจะมีผลทั้งกับรถยนต์นำเข้าและรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศ อย่างไรก็ดี โครงสร้างการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ยังคงเป็นไปตามเดิม ทั้งประเภทของรถยนต์ และการจัดเก็บตามปริมาณการปล่อยแกสคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งนี้ กรณีรถยนต์ที่ผลิตภายในประเทศที่เดิมใช้ฐาน “ราคา ณ โรงงาน” จะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีครั้งนี้ เนื่องจากกรมสรรพสามิตยึดหลักการไม่เพิ่มภาระภาษี แต่กรณีรถยนต์นำเข้าและรถยนต์ที่ผลิตในประเทศ แต่ใช้สิทธิ์เขตปลอดอากร (ฟรีโซน) จะมีภาระภาษีเพิ่มขึ้นบ้าง เนื่องจากฐานราคาที่เปลี่ยนไปจากเดิมที่ใช้ “ราคา ซีไอเอฟ” ซึ่งยังไม่รวมอากรขาเข้า ภาษีสรรพสามิต และค่าธรรมเนียมพิเศษตามกฎหมายศุลกากร เป็น “ราคาขายปลีกแนะนำ” ตามกฎหมายภาษีสรรพสามิตใหม่5. ห้ามนั่งหลังกระบะ บังคับคาดเข็มขัดนิรภัย
ประเทศไทยมีสถิติการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก รัฐบาลจึงมีมาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง โดยรถยนต์-รถแทกซี-รถพิคอัพ-รถตู้-รถโดยสาร ที่จดทะเบียนหลัง 1 เมษายน 2555 ผู้ขับและผู้โดยสารต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง โดยเฉพาะรถโดยสาร ถ้าฝ่าฝืนเจอโทษหนัก ผู้ประกอบการปรับ 5 หมื่นบาท โชเฟอร์ปรับ 5 พันบาท ห้ามรถตู้โดยสารจุผู้โดยสารเกิน 13 ที่นั่ง นอกจากนี้ยังห้ามนั่งหลังกระบะ หรือห้ามใช้รถผิดประเภท หรือการบรรทุกคนบริเวณท้ายกระบะ รวมแคบหลังของรถกระบะแบบ 2 ประตู6. กวดขันป้ายแดง
กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ามากำกับดูแลรถป้ายแดง โดยรถใหม่ที่ซื้อตั้งแต่ 1 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2560 จะต้องจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกภายใน 60 วันนับตั้งแต่รับรถ และหากซื้อรถตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไป จะต้องจดทะเบียนกับ ขบ. ภายใน 30 วันนับตั้งแต่รับรถ หากไม่ดำเนินการในช่วงเวลาดังกล่าว จะต้องถูกตำรวจตรวจจับและปรับทันที โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 1,000-10,000 บาททันที จนกว่ากฎหมายยกเลิกป้ายแดงจะมีผลบังคับใช้7. หั่นภาษีรถไฮบริด และรถไฟฟ้า
กระทรวงการคลังประกาศลดภาษีรถไฮบริด และรถพลังไฟฟ้า และเพิ่มความชัดเจนขึ้น สำหรับรถยนต์ประเภท PPV และรถกระบะแบบ 4 ประตู ที่ไม่เคยมีกำหนดไว้ คล้ายกับเป็นการสนับสนุนให้ผู้ผลิตหันมาใช้ขุมพลังไฮบริดกับรถประเภทนี้มากขึ้น รวมไปถึง “รถไฟฟ้าล้วน (EV)” ก็มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตลงจากเดิม 10 % เหลือเพียง 2 %8. โตโยตา ฉลอง 50 ปี ผลิตคอมแพคท์คาร์ส่งออกทั่วโลก
แม้จะไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ แต่เนื่องในโอกาสฉลอง 50 ปี โตโยตา ได้ก่อตั้งบริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด เพื่อผลิตคอมแพคท์คาร์ (รถยนต์ขนาดเล็ก) โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตส่งออกทั่วโลก ฐานการค้นคว้าวิจัย (R&D) และฮับ อีเมอร์จิง มาร์เกท คอมแพคท์คาร์ และยังประกาศพร้อมเพิ่มการลงทุนในประเทศไทย ตามนโยบายของประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการผลิตรถไฮบริด หรือรถยนต์พลังงานไฟฟ้า9. สถาบันยานยนต์ เปิดศูนย์เรียนรู้ยานยนต์ไฟฟ้า
จากการที่รัฐบาลได้กำหนดให้อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจเพื่ออนาคต (NEW ENGINE OF GROWTH) โดยการต่อยอดพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเข้าสู่ยานยนต์สมัยใหม่ ภายใต้แนวคิด “สะอาด ประหยัด ปลอดภัย” ศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้า จึงถูกจัดตั้งขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งรวมองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ รวมไปถึงภาครัฐ และภาคประชาชน สำหรับแผนการดำเนินงานของศูนย์เรียนรู้ฯ มี 3 ด้าน ประกอบด้วย การสร้างองค์ความรู้ด้านยานยนต์ไฟฟ้า การวิจัยออกแบบ และศึกษาเรื่องแบทเตอรี อุปกรณ์ประจุไฟฟ้า ร่วมกับสถาบันการศึกษาต่างๆ การจัดทำฐานข้อมูลผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้าของโลก เพื่อเก็บเป็นฐานข้อมูลสนับสนุน VALUE CHAIN อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย และการสร้างความรับรู้ไปสู่ประชาชนในวงกว้าง10. ฮอนดา เปิดสนามทดสอบ
บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี เอเชีย แปซิฟิค จำกัด (HRAP) ที่มีศูนย์บัญชาการในประเทศไทย เพิ่มศักยภาพงานค้นคว้าวิจัยและพัฒนา ด้วยการเปิดสนามทดสอบยานยนต์ ที่สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดปราจีนบุรี บนพื้นที่กว่า 500 ไร่ ด้วยเงินลงทุน 1.7 พันล้านบาท ไทยเป็นประเทศที่ 3 ของโลก ที่มีสนามทดสอบของ ฮอนดา ต่อจากญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา สนามทดสอบแห่งใหม่นี้ ใช้สำหรับการทดสอบรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ หลายรูปแบบ เช่น การควบคุมรถ การทรงตัว และสมรรถนะโดยรวม ได้รับการออกแบบมาสำหรับภูมิภาคเอเชีย และโอเชียเนีย โดยเฉพาะ เพื่อนำผลทดสอบไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะจำหน่ายในภูมิภาคนี้ สนามทดสอบแห่งนี้จะเพิ่มบทบาทให้ HRAP จากวางแผนผลิตภัณฑ์และควบคุมคุณภาพ รับผิดชอบงานด้านการวิจัยและพัฒนารถยนต์ครบวงจร ตั้งแต่ต้นจนถึงขั้นตอนสุดท้าย แต่จำกัดพโรดัคท์ในระดับ REGIONAL MODEL ยังไม่ได้ถึงขั้น GLOBAL MODELเรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2561
คอลัมน์ Online : พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/206468