สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ซานเจย์ มิชรา
ทาทา กรุพ บริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศอินเดีย ที่ก่อตั้งมานานกว่า 100 ปี ขยายธุรกิจ ทาทา มอเตอร์ส สู่ประเทศไทย มากว่า 10 ปี เน้นบุกตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ จนปัจจุบันถือเป็นบริษัทฯ ที่มีรถเพื่อการพาณิชย์ครบวงจรมากที่สุดในประเทศไทย "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดฟอร์มูลา : ปัจจุบัน ทาทา กรุพ มีรถยนต์ในเครือกี่บแรนด์ ? มิชรา : ทาทา มอเตอร์ส กรุพ ก่อตั้งขึ้นในปี 2488 ซึ่งถือเป็นบริษัทหนึ่งในเครือ ทาทา กรุพ ที่ก่อตั้งมากว่า 100 ปี โดยปัจจุบันมีบริษัทในเครือมากกว่า 100 บริษัท มีรายได้มากกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วน ทาทา มอเตอร์ส กรุพ มีรายได้ 1.4 ล้านล้านบาท มากกว่า 40 % ของรายได้ทั้งหมด ทาทา มอเตอร์ส กรุพ เริ่มต้นผลิตรถบรรทุก และปัจจุบันเป็นบริษัทฯ ที่ผลิตรถบรรทุกสำหรับใช้งานในทุกประเภท ปัจจุบันได้เข้าซื้อกิจการของรถยนต์และถือตราสินค้าอยู่หลายบแรนด์ ได้แก่ แจกวาร์ แลนด์ โรเวอร์ แดวู ทรัค และรถบัส อัสปาโน มาโดโปเสด รวมถึงอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ โดยรวมกับ คัมมินท์ ของสหรัฐอเมริกา และร่วมกับ ฮิตาชิ ผลิตรถที่ใช้ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เช่น รถขุด รถตัก ฟอร์มูลา : ในประเทศไทย ทาทา เข้ามาลงทุนเมื่อไหร่ และลงทุนเท่าไร ? มิชรา : ในประเทศไทยเข้ามาลงทุนในปี 2550 ใช้เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท เป็นการลงทุนแบบต่อเนื่องทั้งไลน์การผลิต เป็นพาทเนอร์ร่วมกับธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ลงทุนเครื่องจักร ห้องแลบ โรงงาน สำนักงาน และศูนย์เทคนิค ซึ่งการลงทุนนี้ไม่รวมกับการวิจัยและการออกแบบ โดยมุ่งเน้นธุรกิจรถเพื่อการพาณิชย์ รถรุ่นแรกที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย คือ ทาทา ซีนอน ดับเบิลแคบ 4 ประตู และแนะนำรถรุ่นต่างๆ อีกหลายรุ่น ไม่ว่าจะเป็น ทาทา ซีเอนจี ทาทา ซูเพอร์ เอศ รถบรรทุก 6 ล้อ ทาทา อัลฟา เป็นต้น ฟอร์มูลา : มีการลงทุนเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่ ? มิชรา : ปีนี้ ลงทุนเพิ่มอีก 500 ล้านบาท เพื่อย้ายโรงงานประกอบรถยนต์ ทาทา จากเดิมไปยัง บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด โดยบริษัทฯ ได้ขนย้ายเครื่องจักรเพื่อไปติดตั้งโรงงานแห่งใหม่ และยังได้ปรับปรุง ยกระดับคุณภาพ และความสามารถในการประกอบรถยนต์ ทาทา ซีนอน รุ่นใหม่ ทาทา ซีนอน รุ่นใหม่ จะใช้แชสซีส์ แบบไฮโดรฟอร์ม เกียร์อัตโนมัติ และพวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้น และยังมีการประกอบรถ ทาทา ซูเพอร์ เอศ มินท์ ในประเทศไทย ซึ่งเดิมนำเข้ามาจากประเทศอินเดีย ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่ารถรุ่นใหม่ทั้ง 2 รุ่น ที่ประกอบในประเทศไทย จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งเรื่องคุณภาพ การใช้งาน และราคาที่คุ้มค่า ฟอร์มูลา : เพราะเหตุใด จึงต้องย้ายโรงงาน ? มิชรา : พอดีหมดสัญญากับ ธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ รวมถึงพื้นที่ของธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ไม่เพียงพอกับการขยายกำลังการผลิตของ ทาทา เนื่องจาก ทาทา ต้องขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต และธนบุรีประกอบรถยนต์ฯ ต้องผลิตรถให้กับ เมร์เซเดส-เบนซ์ จึงขยายพื้นที่ให้ ทาทา ไม่ได้ ทำให้ ทาทา ต้องย้ายโรงงาน ซึ่งที่บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด มีพื้นที่เพียงพอกับการประกอบรถให้กับ ทาทา ซึ่งหากมีพื้นที่เพียงพอ ทาทา ก็มีโอกาสที่จะขยายการผลิตรถรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น ฟอร์มูลา : กำลังการผลิตทั้งหมดเท่าไร ? มิชรา : กำลังการผลิตสูงสุดของโรงงานมีประมาณ 10,000-20,000 คัน แต่การผลิตของ ทาทา ไม่ได้คำนึงถึงปริมาณ แต่จะเน้นที่คุณภาพ และจำนวนรถที่ขายได้ เพราะเมื่อย้ายโรงงาน ทาทา ได้ปรับปรุงคุณภาพ มาตรฐานการผลิต ให้สอดคล้องกับตลาด ซึ่งโรงงานแห่งใหม่จะสามารถประกอบรถได้หลากรุ่น รวมถึงการผลิตเพื่อการส่งออกด้วย ฟอร์มูลา : คุณมองว่าอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมปีนี้จะเป็นอย่างไร ? มิชรา : หากวิเคราะห์จากตลาดโดยรวมระหว่างปี 2556-2557 มียอดขายเกิน 1 ล้านคัน ซึ่งยอดขายนี้เกิดขึ้นจากนโยบายรถคันแรก จนช่วงระหว่างปี 2557-2558 ตลาดเริ่มมีการหดตัว จนกระทั่งปี 2559 ตลาดรถยนต์โดยรวม มียอดขายไม่ถึง 8 แสนคัน ส่วนปี 2560 หากวิเคราะห์จากตลาดในช่วง 3 เดือนแรก ตลาดในกลุ่มรถยนต์นั่งจะมีความเข้มข้นมาก โดยเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 10 % ซึ่งคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์โดยรวมของปีนี้น่าจะเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 5-7 % คาดว่าจะไม่โตมากกว่านี้ หรืออาจจะอยู่ที่ 8 แสนคัน ซึ่งหากปีนี้ตลาดมีการเติบโต มองต่อไปในปี 2561-2562 ตลาดก็จะโตขึ้นแต่จะไม่เกิน 5-7 % ฟอร์มูลา : ทาทา วางนโยบายและทิศทางการดำเนินงานไว้อย่างไร ? มิชรา : ทาทา เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย 10 ปี และกำลังก้าวสู่ปีที่ 11 ซึ่งหลังจากได้เข้ามาทำตลาด ได้มีการทบทวนถึงนโยบายและทิศทางใหม่ โดยจะมุ่งเน้นชูจุดแข็งของ ทาทา เหมือนในต่างประเทศ คือ มุ่งเน้นการทำรถเพื่อการพาณิชย์ ซึ่งต้องยอมรับว่ารถใช้งานของ ทาทา ลูกค้าให้การตอบรับอย่างมาก ส่วนรถยนต์นั่ง ยังไม่ทำตลาดเนื่องจากในประเทศไทยมีการแข่งขันสูงมาก และเมื่อมองถึงสภาพตลาดโดยรวม หากนำเข้ามาจำหน่ายก็จะไม่สามารถแข่งขันกับรถผลิตที่โรงงานในประเทศไทย ดังนั้นนโยบายและทิศทางของ ทาทา นับจากนี้จะมุ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ทุกประเภท โดยบริษัทฯ มั่นใจว่า จะเป็นบริษัทฯ เดียวที่มีกลุ่มรถเพื่อการพาณิชย์ครบทุกเซกเมนท์ ซึ่งหลังจากนี้ ทาทา จะมีการแนะนำรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ไม่ว่าจะเป็น รถบรรทุก 10 ล้อ 12 ล้อ รถที่มีขนาดตั้งแต่ 1-50 ตัน ซึ่งถือว่ามีรถครบทุกรุ่น ตั้งแต่ เล็ก กลาง และใหญ่ ฟอร์มูลา : ปัจจุบันมีโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการกี่แห่ง ? มิชรา : 50 แห่ง ทั่วประเทศ ส่วนรถบรรทุกขนาดใหญ่ หัวลาก ผสมปูน มี 16 แห่ง สำหรับปีนี้ไม่มุ่งเน้นการขยายจำนวนเพิ่ม แต่จะเน้นการพัฒนาศักยภาพของศูนย์บริการ เน้นการให้ความรู้ ความพร้อมของสตอคอะไหล่ การแก้ไขปัญหาจากตัวรถที่ใช้งาน พร้อมเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าในการบริการด้วยรถโมบายล์เซอร์วิศ ร่วมถึงรถใช้ระหว่างซ่อม ในกรณีที่ลูกค้าต้องใช้รถทุกวัน และการเข้ารับบริการในศูนย์ต้องเข้ามาซ่อมหลายวัน ทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบาย แต่อย่างไรก็ตาม ในปีงบประมาณ 2560-2561 จะขยายเพิ่มจาก 50 แห่ง เป็น 70 แห่ง ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าไร ? มิชรา : ปีงบประมาณ 2560-2561 (1 เมย. 2560-31 มีค. 2561) ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 คัน รวมส่งออก โดยจำหน่ายในประเทศ 1,700 คัน และส่งออก 300 คันไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งในอนาคตหากผลิต ทาทา ซูเพอร์ เอศ ก็จะมีโอกาสเพิ่มตลาดส่งออก ซึ่งคาดว่าจะส่งออกไปประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งขณะนี้ นำเข้าจากประเทศอินเดีย ฟอร์มูลา : ปัจจุบัน ทาทา ประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหนในประเทศไทย ? มิชรา : ความสำเร็จ ทาทา ไม่ได้มองที่มียอดจำหน่ายมากมาย แต่มองที่การได้รับการยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมา ทาทา พอใจ และบริษัทแม่ก็พอใจถึงความสำเร็จ จึงกล้าที่จะมาลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ซึ่งหากมองที่การแข่งขันของอุตสาหกรรมรถยนต์ในเมืองไทยถือว่ามีการแข่งขันค่อนข้างสูง การที่คนไทยจะยอมรับบแรนด์ใหม่ ยอมรับสินค้าจากต่างประเทศ ที่ไม่ใช่ ยุโรป สหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่น ยิ่งต้องใช้เวลา แต่ที่ผ่านมา ทาทา พิสูจน์ได้แล้วว่า คนไทยรู้จัก ทาทา มากขึ้น นอกจากนี้การขยายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น โดยมีมากกว่า 50 แห่ง และยังคงมีแผนที่จะขยายอย่างต่อเนื่อง นั่นแสดงว่า ลูกค้าให้การยอมรับ ทำให้มีการเติบโตและขยายตลาดมาจนถึงปีนี้ก้าวสู่ปีที่ 11 และลูกค้ายังให้การยอมรับในตัวสินค้า โดยมีลูกค้าเก่ามาซื้อต่อเนื่อง ลูกค้ากล้าที่จะลงทุน เพราะ ทาทา ได้ทำให้ลูกค้าเห็นว่า ทาทา เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งานหนัก บรรทุกสิ่งของ สุดท้าย ทาทา ก็ต้องมาเน้นที่จุดแข็งของ ทาทา โดยการสร้างการยอมรับของลูกค้าให้มีมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นการเพิ่มจำนวนยอดขายก็จะตามมา แต่สำหรับวันนี้ ทาทา มองว่า ประสบความสำเร็จแล้วก้าวหนึ่ง ฟอร์มูลา : มองอุตสาหกรรมรถยนต์เมืองไทย 3-5 ปี ข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ? มิชรา : ประเทศไทยไม่ได้เป็นประเทศที่มีกำลังซื้อรถสูงมากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร เนื่องจากมีผู้สูงอายุมาก แต่มองใน 3-5 ปี อุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศไทยเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่จะไม่เติบโตเหมือนในปี 2555-2556 โดยคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ประมาณ 5-7 % แต่หากมองในระยะยาวออกไปอีก คือ ประมาณปี 2563-2564 ประเทศไทยอาจจะมียอดขายในประเทศถึง 1 ล้านคัน อีกครั้ง โดยจะมีการผลิตรถถึง 2 ล้านคัน นอกจากนี้จะไม่เน้นเรื่องของปริมาณ แต่จะเน้นเรื่องคุณภาพ เทคโนโลยี มีเซกเมนท์ใหม่เกิดขึ้น เช่น ครอสส์โอเวอร์ รวมถึงจะมีรถกลุ่มแปลกๆ เข้ามา โดยจะเน้นไปที่รูปแบบของรถเพื่อเป็นการกระตุ้นการตัดสินใจของผู้บริโภค อีกส่วนหนึ่ง คือ ประเทศไทยจะเป็นศูนย์การผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งตลาดส่งออกจะมากกว่าในประเทศ โดยประเทศไทยหันมาดูแนวโน้มตลาดโลก แนวคิดของภาครัฐมีแรงจูงใจที่จะให้ต่างประเทศมาลงทุน เช่น การลดหย่อนภาษี ปรับลดการเก็บภาษี ตัวอย่างเช่น การผลิตรถ อีวี ซึ่งหากผลิตที่ประเทศไทยและราคาแข่งขันได้ แต่ต้องมีการกระตุ้นมากกว่านี้ เพื่อรักษาความสำคัญของไทยในการเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์ในเอเชีย เพราะมองย้อนไปในอดีต ไทยเคยติดอันดับ 9 ของโลกในการผลิตรถยนต์ แต่ปัจจุบันอยู่ในอันดับ 11-12 หากมีการกระตุ้นอาจจะเติบโตมากกว่านี้ ฟอร์มูลา : คุณวางเป้าหมายในการบริหาร ทาทา ประเทศไทยไว้อย่างไร ? มิชรา : ช่วงต้นวางทิศทางของบริษัทฯ โดยดูจากจุดเริ่มต้นตั้งแต่แรก โดยจะเห็นว่าก่อนหน้านี้ ทาทา ซีนอน เป็นตัวทำตลาด ต่อมาได้ขยายตลาดมีรถรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ซูเพอร์ เอศ ซึ่งมองเห็นได้ว่า ทาทา ประสบความสำเร็จในเรื่องของรถเพื่อการพาณิชย์ ทำให้เลือกที่จะแนะนำรถเพื่อการพาณิชย์ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบัน และมองเห็นว่าลูกค้าให้การยอมรับในรถกลุ่มนี้ ทำให้ตั้งเป้าหมายที่จะเป็นผู้จำหน่ายรถเพื่อการพาณิชย์ครบทุกประเภท ฟอร์มูลา : คุณมองว่าการบริหารงานในประเทศไทยสิ่งใดที่คุณรู้สึกภูมิใจ และคิดว่าประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ? มิชรา : ช่วงที่รถ ทาทา ยังไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนักในประเทศไทย เลยพลิกกลยุทธ์ผลิตรถที่เป็นสเปคต่างประเทศ และเริ่มส่งออกไปประเทศมาเลเซีย นั่นทำให้ ทาทา เริ่มส่งออก ซึ่งเป้าหมายอยากให้ไทยเป็นฐานส่งออกสินค้าหลากหลายรุ่นไปต่างประเทศ แต่ความสำเร็จทุกอย่างไม่ได้เกิดจากคนๆเดียว แต่เกิดขึ้นจากทีมงาน ดีเลอร์ ที่ช่วยกันสร้างให้ ทาทา ประสบความสำเร็จด้วยการพลิกกลยุทธ์ การทำตลาดจนทำให้ ทาทา ประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ ฟอร์มูลา : เป้าหมายต่อไปของคุณในการบริหาร ทาทา ประเทศไทย ? มิชรา : ทำบแรนด์ให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นำเสนอสินค้าโดยเน้นจุดเด่นของความแข็งแรง ทนทาน แต่ยังต้องทำให้คนรู้จักและจดจำบแรนด์ ทาทา เป็นรถที่มีดีไซจ์นเพื่อธุรกิจ มีความอเนกประสงค์ และใช้งานส่วนบุคคลมากขึ้น
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/193167