โลกติดล้อ
บีเอมดับเบิลยู จับมือผู้ผลิตไฟฟ้า
ก่อนหน้านี้เมื่อเราใช้โทรศัพท์มือถือรุ่นเก่าที่ทำอะไรได้ไม่กี่อย่าง เราสังเกตว่าการชาร์จแบทเตอรีแต่ละครั้งนั้น ใช้ได้นาน แต่พอเราเปลี่ยนมาเป็นเครื่องใหม่ที่แพงขึ้น ทำอะไรได้มากขึ้น มันกลับไฟหมดเร็วมาก และต้องชาร์จแบทเตอรีทุกวัน บางทีวันละ 2 หน ผู้เขียนถึงกับต้องซื้อที่ชาร์จแบทเตอรีไว้ 2 ก้อน อันหนึ่งไว้ที่บ้าน ส่วนอีกอันหนึ่งไว้ที่ทำงาน แถมเวลาไปประชุมสัมมนาทั้งวัน ยังเที่ยวไปเสียบสายชาร์จตามมุมห้องที่มีที่เสียบปลั๊กได้ เมื่อรักจะใช้ต้องขยันชาร์จ
คงเหมือนกับถ้าเราอยากจะใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ก็ต้องขยันชาร์จเหมือนกัน เพราะการชาร์จ 1 ครั้ง คงไม่ทำให้เราไปถึงเชียงใหม่แน่ แล้วเมื่อไรจะมีคนลงทุนทำสถานีชาร์จไฟให้กับรถยนต์เพียงพอ เมื่อถึงเวลานั้น บริษัทรถยนต์ถึงจะผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมาคราวละมากๆ
ไม่รู้ว่าไก่เกิดก่อนไข่ หรือไข่เกิดก่อนไก่ บริษัทรถยนต์ทำไมจะไม่อยากผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และทำไมผู้บริโภคอย่างเราจะไม่อยากขับรถยนต์ใช้พลังงานไฟฟ้า ยิ่งท้องถนนมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากเท่าไร มลพิษก็จะน้อยลง สุขภาพของเราก็จะดีขึ้น เชื่อว่าบริษัทรถยนต์ต่างกำลังค้นคว้าเพื่อวางแผนผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก เพื่อขายให้แก่ผู้บริโภค โดยหนึ่งในนั้น คือ บีเอมดับเบิลยู
บีเอมดับเบิลยู กำลังทำโครงการรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศสเปน และก็ช่างหลักแหลม เพราะไปจับมือกับบริษัทผู้ผลิตไฟฟ้าให้ครบวงจร
ประเทศสเปนนั้นมีความก้าวหน้าทีเดียว เรื่องระบบขนส่ง และเป็นแบบอย่างของการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง แม้ว่าหลายปีมาแล้ว จะมีข่าวเรื่องอุบัติเหตุครั้งใหญ่ก็ตาม
บีเอมดับเบิลยู ได้ทำการวิจัยตลาดแล้วก็รู้ว่าประเทศนี้ ถึงจะไม่ถือว่ารวย แต่ความคิดเรื่องการคมนาคมก้าวหน้า เคยชินกับการได้เดินทางด้วยพาหนะที่ทันสมัย ซึ่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็เป็นหนึ่งในนั้น และสเปนเป็นหนึ่งในประเทศที่สนับสนุนเรื่องการใช้พลังงานสะอาด
บริษัทผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ บีเอมดับเบิลยู ไปจับมือด้วยมีชื่อว่า อีแบร์ดโรลา (IBERDROLA) เป็นบริษัทผู้ผลิตพลังงานใหญ่ที่สุดของประเทศสเปน โดยทั้ง 2 บริษัทประกาศจะสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างเต็มที่ โดย อีแบร์ดโรลา จะเชียร์ให้ลูกค้าใช้ บีเอมดับเบิลยู และ บีเอมดับเบิลยู ก็จะเชียร์พลังงานสะอาดที่มาจาก อีแบร์ดโรลา
สิ่งที่สเปนกำลังทำก็เป็นไปตามแนวโน้ม ไม่เอามลพิษ ของมวลประเทศในยุโรป ซึ่งต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้า จะไม่ใช่รถยนต์ของคนกลุ่มเดียวอีกต่อไป แต่จะเป็นกระแสหลักในไม่ช้า เนื่องจากแต่ละประเทศต้องการมุ่งสู่เป้าหมายการลดมลพิษ
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 บีเอมดับเบิลยู ไอ 3 ออกสู่ตลาดในประเทศเยอรมนี ส่วนคู่แข่งระดับเดียวกันอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ ที่มี บี-คลาสส์ รุ่นใช้พลังงานไฟฟ้า โฟล์คสวาเกน ซึ่งมี เอาดี เอ 3 และ นิสสัน ลีฟ ต่างมีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของค่ายตนในตลาดเรียบร้อยแล้ว
บีเอมดับเบิลยู นับว่าเข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าช้ากว่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องหาตัวช่วยให้มาผลักดันซึ่งกันและกัน เพราะในระยะแรกนี้คนที่จะซื้อหารถยนต์พลังงานไฟฟ้า คือ ลูกค้ากลุ่มเดียวกัน
ในขณะเดียวกันกับที่ผลักดันรถยนต์พลังงานไฟฟ้าออกมา บีเอมดับเบิลยู ก็ต้องเจอกับศึกอีกด้าน
สิ้นปี 2556 บีเอมดับเบิลยู ยังคงครองอันดับรถหรูอันดับ 1 ด้วยยอดขาย 1.5 ล้านคัน แต่ เมร์เซเดส-เบนซ์ กำลังหายใจรดต้นคอ และคาดว่าจะขึ้นมาเทียบเท่าแล้วแซงไปในอีก 3 เดือนข้างหน้า
ส่วนที่เมืองไทยสถานการณ์กลับกัน เมร์เซเดส-เบนซ์ เคยทิ้ง บีเอมดับเบิลยู ไม่เห็นฝุ่น แต่ตอนนี้ บีเอมดับเบิลยู กำลังกวดมาติดๆ ถ้า เมร์เซเดส-เบนซ์ ไม่ทำอะไรละก็ คงจะโดน บีเอมดับเบิลยู แซงในไม่ช้า
ขณะนี้การแข่งขันระหว่างบแรนด์รถหรูที่ออกจะเป็นแมสส์ คือ เอาดี บีเอมดับเบิลยู และ เมร์เซเดส-เบนซ์ มียอดสรุปยอดจำหน่ายของ 11 เดือนในปี 2556 คือ บีเอมดับเบิลยู 1.5 ล้านคัน เอาดี 1.44 ล้านคัน และ เมร์เซเดส-เบนซ์ 1.32 ล้านคัน
สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ เมร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวครั้งแรกในงาน มหกรรมยานยนต์นิวยอร์ค 2013 แต่แทนที่จะเลือกรุ่นที่ขายอยู่ในสหรัฐ ฯ แล้วปรับให้เป็นรถพลังงานไฟฟ้า กลับนำ บี-คลาสส์ ที่ขายในยุโรป ซึ่งเป็นรถคอมแพคท์มาใส่ระบบไฟฟ้าแทน
ค่ายรถยนต์ต่างๆ มีวิธีคิดเรื่องรถไฟฟ้าที่แตกต่างกันเป็น 2 แนวทาง ได้แก่ แนวทางแรก คือ สร้างรถไฟฟ้าแบบใหม่ถอดด้าม ได้แก่ เทสลา โมเดล เอส และ นิสสัน ลีฟ ส่วนอีกแนวทาง คือ ติดตั้งระบบส่งกำลังใหม่ในรถรุ่นที่มีอยู่แล้ว
ค่ายที่ใช้แนวทางนี้ ได้แก่ ฟอร์ด โฟคัส อีเลคทริค มิตซูบิชิ ไอ-เมียฟ และ โตโยตา รัฟโฟร์ อีวี ส่วนค่ายดาวสามแฉกก็ใช้แนวทางนี้เช่นกัน และจะส่งออกสู่ตลาดในปีนี้ ซึ่งหมายความว่าบแรนด์รถหรูได้ตัดสินใจเข้าสู่ตลาดรถยนต์พลังงานพลังงานไฟฟ้าโดยพร้อมเพรียงกัน แม้มันจะเข้าไปแชร์ยอดจำหน่ายของรุ่นเดิมๆ แต่ก็คุ้ม เพราะเป็นการกระตุ้นตลาดให้คึกคักได้กันอีกวาระหนึ่ง และก็ต้องคอยดูกันว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับหรูของบแรนด์ไหนจะได้รับความนิยมมากกว่ากัน
สำหรับเมืองไทย คนที่เคยใช้ โตโยตา รุ่น ไฮบริด ก็อาจขยับเลื่อนชั้นมาพิจารณาบแรนด์หรูรุ่นใหม่ เพราะเรื่องเงินในกระเป๋าไม่ใช่ปัญหา ขอให้ได้มีก่อนใคร และได้ชื่อว่าช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมก็มีความสุขแล้ว
เรื่องโดย : เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : โลกติดล้อ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/18308