โค้งอันตราย
ได้แค่ล้านสาม
ปิดตัวเลขการขายรถยนต์เมื่อสิ้นเดือนธันวาคม ที่ผ่านมา สรุปตัวเลขประจำปี 2556 ได้ 1,310,667 คัน เหมือนอย่างที่ได้เคยประเมินกันไว้ โดยไม่มีเหตุการณ์พลิกผัน ลดลงจากปี 2556 7.9 % แม้ว่าจะมีรายการชุมนุมทางการเมืองยืดเยื้อ แต่ก็ไม่กระทบกับการขายแต่อย่างใด
ในส่วนของปี 2557 ใครต่อใครก็คาดกันว่า ภาคเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงชะลอตัว ตั้งเป้าตัวเลขลดลงไปเหลือเพียง 1,150,000 คัน เท่านั้น และไม่ใช่เฉพาะด้านรถยนต์ ด้านมอเตอร์ไซค์ ก็มองเห็นตรงกัน ที่ปี 2556 นี้ ขายได้ทั้งสิ้น 2,004,000 คัน แต่ปี 2557 ก็คาดว่า ตลาดรวมจะลดลงเหลือเพียง 1,850,000 คัน เรียกว่ามองเห็นตรงกันทั้ง 2 ล้อ 4 ล้อ
รวมทั้งการสิ้นสุดโครงการคืนภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก ทำให้ไม่มียอดส่งมอบเพิ่มขึ้น จะกลับมาเป็นตัวเลขความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง มาดูกันว่า อะไรจะทำให้ตัวเลขการขายลดลงไปอย่างนั้น
เริ่มด้วย ความวุ่นวายทางการเมือง แม้ว่าจะจำกัดวงอยู่ภายในกรุงเทพมหานคร แต่ผู้ชุมนุมก็มาจากหลายจังหวัด ที่จะทำให้การตัดสินใจซื้อรถใหม่ ต้องเลื่อนออกไปหน่อย กระทบเป็นวงกว้าง
เรื่องที่สอง อยู่ในระหว่างการผลัดเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งยังไม่มีอะไรสามารถยืนยันได้ว่า ใครจะได้เป็นรัฐบาลใหม่ ที่ทำให้การตัดสินใจต่างๆ ต้องเลื่อนไปเพื่อคอยรัฐบาลใหม่ ที่มีเรื่องรอให้ชี้ขาดมากมาย
มาไล่กันดูทีละเรื่อง ราคาสินค้าและบริการ จำแนกเป็นสินค้า 40 รายการ และบริการ 3 รายการ ที่ควบคุมเอาไว้ 1 ปี จะครบกำหนด 1 ปี ในวันที่ 27 มกราคม 2557 ก็ต้องคอยให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่พิจารณา
ทางด้านยานยนต์ มีเรื่องที่เกี่ยวข้องตามประกาศข้อ 18. น้ำมันเชื้อเพลิง 19. แบทเตอรีรถยนต์ 28. ยางรถจักรยานยนต์ ยางรถยนต์ 33. รถจักรยานยนต์ รถยนต์นั่ง รถยนต์บรรทุก
ทางด้านพลังงาน ก็เรื่องการปรับราคาแอลพีจี ภาคขนส่ง จากปัจจุบันอยู่ที่ 21.38 บาท/กก. คงต้องรอนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ ว่าจะปรับขึ้นหรือไม่ จากแผนเดิมที่เตรียมจะทยอยปรับขึ้นเดือนละ 50 สตางค์/กก. ส่วนภาคครัวเรือนยังคงมติเดิม ดำเนินการปรับขึ้นไปถึงเดือนสิงหาคม 2557 ไปชนเพดานที่ 24.82 บาท/กก. กระทรวงพลังงานเอง ก็มีเรื่องแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าระยะยาวฉบับใหม่ ที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนเชื้อเพลิง หรือการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้า ที่ก็ต้องรอ ครม. ชุดใหม่ด้วย
รวมทั้งการที่กองทุนน้ำมัน ฯ ยังต้องอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันตรึงไว้ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร ก็มีเสียงเรียกร้องให้ปรับราคาดีเซล เพื่อให้สะท้อนต้นทุนมากที่สุด เพราะตรึงราคาขายปลีกมาจะครบกำหนดที่ตรึงราคาดีเซล 3 ปี ในเดือนเมษายน 2557 และหากยกเลิกการอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล เราก็จะได้เริ่มใช้น้ำมันดีเซล ในราคาบวกอัตราภาษีสรรพสามิต อีก 10 บาท เท่ากับประมาณ ลิตรละ 40 บาท กันในไม่ช้านี้
ด้านกระทรวงคมนาคม ที่มีโครงการใหญ่อยู่ในมือหลายเรื่อง ก็ต้องชะลอออกไป รวมถึงจัดทำกรอบงบประมาณประจำ ปี 2558 จะต้องล่าช้าไป เพราะต้องรอให้รัฐบาลใหม่มาอนุมัติกรอบวงเงินทั้งหมดก่อน จึงจะลงมือทำงานได้
ด้านการรถไฟ ฯ ก็ต้องปรับแบบก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. ให้รับรถไฟความเร็วสูง ถ้าไม่มีรัฐบาลใหม่มาอนุมัติ ทาง รฟท. ก็จะให้ผู้รับเหมาหยุดการก่อสร้างไว้ก่อน รอจนกว่าจะมีแบบใหม่ จากนั้นให้ผู้รับเหมาขยายเวลาภายหลัง
การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชน ฯ ก็มี?? โครงการรถไฟฟ้าใหม่ที่เร่งด่วนรอการอนุมัติจาก ครม. ชุดใหม่ มี 2 สายที่พร้อมจะประมูลได้ทันที คือ สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กม. เงินลงทุน 56,691 ล้านบาท และสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี ระยะทาง 21.8 กม. เงินลงทุน 110,117 ล้านบาท รวมวงเงินลงทุน 166,808 ล้านบาท
กรมทางหลวงก็มีการลงทุนโครงการใหญ่ เช่น มอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-นครราชสีมา ที่พร้อมประมูลก็ต้องรอการอนุมัติจากรัฐบาลใหม่ เพื่อจัดหาแหล่งเงินลงทุนแทนเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ที่ชะลอไป เนื่องจากโครงการนี้ใช้เงินลงทุนสูง รวมค่าเวนคืนและก่อสร้างอยู่ที่ 84,600 ล้านบาท
กรุงเทพมหานคร เอง ก็ยังไม่สามารถเปิดประมูลก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณเกียกกาย ความยาวประมาณ 1 กม. และถนนต่อเชื่อม ระยะทาง 4 กม. วงเงินลงทุน 10,500 ล้านบาท เพื่อจะมารองรับการจราจรโดยรอบอาคารรัฐสภาใหม่ เนื่องจากจะต้องขอเงินอุดหนุนจากรัฐบาลมาก่อสร้างโครงการ จากเดิม กทม. คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้กลางปี 2557 นี้ จะต้องเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด
เมื่อยังไม่มีคณะ รมต. ชุดใหม่ นโยบายการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ฉบับใหม่ ที่จะเริ่มใช้ในปี 2559 โดยมีรายละเอียดส่วนสำคัญ คือมาตรฐานการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ หรือพลังงานทางเลือก อี 85 มาเป็นข้อกำหนดหลักในการคิดอัตราภาษี ก็ยังไม่มีใครตอบได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่
โครงการ อีโคคาร์ 2 ก็ยังตอบกันไม่ได้เช่นกัน ว่าจะสามารถประกาศอย่างเป็นทางการ หลังสิ้นสุดเวลาที่กำหนดยื่นคำขอในเดือนมีนาคม นี้ ค่ายรถยนต์ก็ต้องคอยความชัดเจนจากภาครัฐเช่นกัน แล้วใครจะได้เป็น รมว. อุตสาหกรรม คนใหม่ ก็ยังไม่ชัดเจน
นี่หยิบยกมาเล่าเฉพาะเรื่องใหญ่ๆ ที่เกี่ยวพันกับวงการรถยนต์อย่างแยกกันไม่ออกทีเดียว ที่สำคัญ คือ งบประมาณประจำปี 2558 เมื่อยังไม่มีรัฐบาลใหม่ ก็ไม่มีแนวทางให้ส่วนราชการตัดสินใจได้ว่าจะเตรียมเสนออะไรในงบประมาณได้บ้าง หากเตรียมไว้ก่อน แต่ไม่ตรงกับนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ก็ต้องกลับมานั่งทำกันใหม่อีก
นี่คือความวุ่นวายที่มองเห็นได้ จับต้องได้ ด้วยความเป็นจริง ไม่ได้หมกเม็ดแต่อย่างใด แสดงว่า การคาดการณ์ของค่ายรถยนต์และจักรยานยนต์ มองเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ
เรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : โค้งอันตราย
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/18302