เนื่องจากปก 4Wheels
CHEVROLET COLORADO 2.8 LTZ
4 WHEELS นำรถพิคอัพขนาด 200 แรงม้า จาก 3 บแรนด์ดัง ได้แก่ เชฟโรเลต์ โคโลราโด (CHEVROLET COLORADO) ฟอร์ด เรนเจอร์ (FORD RANGER) และมาซดา บีที-50 พโร (MAZDA BT-50 PRO) มาทดสอบสมรรถนะด้วยเครื่องมือดาทรอน เพื่อพิสูจน์ว่าใครจะร้อนแรงกว่ากันในกลุ่มนี้
CHEVROLET COLORADO C-CAB 2.8 LTZ Z71 4x4
เชฟโรเลต์ โคโลราโด รุ่น ซี-แคบ แบบ 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ เครื่องยนต์ขนาด 2.8 ลิตร ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบแปรผัน ที่อัพเกรด เพิ่มแรงม้าจากเดิม 180 แรงม้า เป็น 200 แรงม้า พร้อมแรงบิดที่สูงขึ้น ติดตั้งระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ที่ช่วยตอบสนองความบันเทิงและเสริมข้อมูลการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น
เชฟโรเลต์ โคโลราโด ซี-แคบ 2.8 แอลทีเซด เซด 71 4x4 มีขนาดตัวรถใหญ่ขึ้นทุกสัดส่วน มิติภายนอก (ยาว/กว้าง/สูง) อยู่ที่ 5,347/1,882/1,790 มม. ขณะที่ ฟอร์ด เรนเจอร์ มีมิติ 5,359/1,850/1,815 มม. และมาซดา บีที-50 พโร 5,365/1,850/1,821 มม. จะเห็นได้ว่า ในกลุ่มพิคอัพโฉมใหม่ในตลาด จะมีขนาดและสัดส่วนไม่แตกต่างกันมาก โคโลราโด กว้างกว่าเพื่อนๆ ในกลุ่ม แต่เป็นรองเรื่องความสูงอยู่เล็กน้อย
หน้าตาของ โคโลราโด บึกบึนแบบอเมริกันสไตล์ ฝากระโปรงเพิ่มสันขอบสูงขึ้น โคมไฟหน้าเป็นแบบพโรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ดูทันสมัยกว่าคู่แข่ง กระจังหน้าดูอัลพอร์ท เป็นเอกลักษณ์ ตกแต่งด้วยกรอบโครเมียม รวมถึงก้านจับเปิดประตู ที่เปิดฝาท้าย ฝาครอบกระจกมองข้าง กรอบไฟหน้า และไฟตัดหมอก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดี ปรับและพับเก็บด้วยไฟฟ้า ไฟท้ายและไฟเบรคแบบแอลอีดี ทันสมัย ขณะที่คู่แข่งยังเป็นไฟเบรคทั่วไป ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อมยาง 255/65 R17 รับกับโป่งซุ้มล้อขนาดใหญ่ทั้งหน้าและหลัง และยังเพิ่มเซนเซอร์ถอยหลัง พร้อมสัญญาณเสียงเตือน
ห้องโดยสารใช้แนวคิดการออกแบบ "ดูอัล คอคพิท" เน้นสร้างความสมดุลภายในห้องโดยสาร เพิ่มช่องเก็บของหลายจุด เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ได้รับความสะดวกสบายครบครัน แผงคอนโซลตกแต่งแบบทูโทน เสริมด้วยเมทัลลิค เพิ่มความโฉบเฉี่ยว มาตรวัดหน้าจอเรืองแสงแบบสปอร์ท ระบบปรับอากาศ หน้าจอใช้ไฟแอลอีดี ดูหรูหรา สบายตา พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มี ECO INDEX บอกถึงการใช้งาน และอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน หากขับขี่อยู่ในเกณฑ์ที่ประหยัด หน้าจอจะมีสัญลักษณ์รูปใบไม้ขึ้นมา
เครื่องเสียงแบบ 2 DIN พร้อมระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ ใหม่ล่าสุด จอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว พร้อมระบบนำทางเนวิเกชัน มีฟังค์ชันแสดงภาพปกอัลบัมเพลง วีดีโอ ภาพ เล่นดีวีดี พร้อมลำโพงชุด 9 ตัว มีช่องเสียบ USB และ AUX พวงมาลัย 3 ก้าน แบบมัลทิฟังค์ชัน จับกระชับมือ ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนทโรล
สำหรับผลการวัดเสียง เชฟโรเลต์ โคโลราโด เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ดีเซล ขนาด 2.8 ลิตร 200 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ใช้ยางบริดจ์สโตน ดูเลอร์ ขนาด 255/65 R17 ที่ความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 58/62/66/69 เดซิเบล เทียบกับคู่แข่งอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ และมาซดา บีที-50 พโร แล้ว ระดับเสียงที่ความเร็วสูง 100/120 กม./ชม. ค่อนข้างดังกว่าชัดเจน
เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ ดีเซล บลอคใหม่ ขนาด 2.8 ลิตร 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน พร้อมเทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,800 รตน. แรงบิดสูงสุด 50.9 กก.-ม. ที่รอบต่ำเพียง 2,000 รตน. สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่มาพร้อมฟังค์ชันเปลี่ยนเกียร์บวก/ลบ แบบสปอร์ท ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้สวิทช์แบบทรงกลมควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ปรับเปลี่ยนง่ายเพียงแค่หมุน สามารถเปลี่ยนจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็น 4H/4L และยังติดตั้งระบบ HDC (HILL DESCENT CONTROL) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ เมื่อลงทางลาดชัน และระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน HSA (HILL START ASSIST)
จากผลทดสอบ เครื่องยนต์ดูราแมกซ์ 2.8 ลิตร 200 แรงม้า ใน เชฟโรเลต์ โคโลราโด ตอบโจทย์เรื่องความแรงได้อย่างไร้ที่ติ อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ในเกณฑ์ดี อยู่ที่ 10.9/17.8 วินาที เช่นเดียวกับอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ที่ทำได้ 32.4 วินาที เหนือกว่าคู่แข่งอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ และมาซดา บีที-50 พโร อยู่เล็กน้อย เรียกว่าตามจี้ติดทิ้งกันไม่ห่าง แต่ก็น่าแปลกที่สมรรถนะไม่ค่อยแตกต่างจากรุ่นเดิม ที่ให้กำลังเพียง 180 แรงม้า ที่เราเคยทดสอบไว้เลย จะดีกว่าก็ช่วงความเร็วปลายเพียงเศษเสี้ยววินาทีเท่านั้น
อัตราเร่งแซงขณะใช้งานในเมือง 60-100 กม./ชม. และช่วงเร่งแซงบนถนนใหญ่ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 5.6/7.5 วินาที อยู่ในเกณฑ์ดี ตอบสนองทันใจ ดีกว่า ฟอร์ด เรนเจอร์ และมาซดา บีที-50 พโร อยู่เล็กน้อย และดีกว่าเครื่องยนต์ 180 แรงม้า เพียงเศษเสี้ยววินาทีเช่นกัน
เชฟโรเลต์ โคโลราโด ซี-แคบ 2.8 แอลทีเซด เซด 71 4x4 เซทช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ ปีกนก 2 ชั้น พร้อมทอร์ชันบาร์ และชอคอับแกส ด้านหลังเป็นแหนบแผ่นซ้อน พร้อมชอคอับแกส เน้นความนุ่มนวลค่อนข้างสูง อาการที่ตอบสนองออกมาจึงมีจังหวะยืดยุบของช่วงล่างด้านหน้าค่อนข้างเยอะ เมื่อเจอกับสภาพถนนที่เป็นคลื่น
เซทระบบเบรคหน้าแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน ขนาด 300 มม. มีระบบ เอบีเอส ป้องกันล้อลอค ระบบกระจายแรงเบรค อีบีดี และระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว อีเอสพี เสริมด้วยทแรคชันคอนทโรล และทีเอสซี ที่เป็นระบบป้องกันล้อหมุนฟรี มีระบบ พีบีเอ รองรับจังหวะเบรคกะทันหัน คอยตรวจจับน้ำหนักเบรค เมื่อกดเท้าลงที่แป้นเบรค ช่วยเพิ่มกำลัง และสั่งการให้ระบบ เอบีเอส ทำงานเร็วขึ้น ช่วยลดระยะในการหยุดรถให้สั้นลง มีระบบสร้างสมดุลขณะเบรคในโค้ง ติดตั้งระบบเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรค ทำงานเมื่อผู้ขับขี่เบรคกะทันหัน
เชฟโรเลต์ โคโลราโด ซี-แคบ 2.8 แอลทีเซด เซด 71 4x4 ติดตั้งระบบช่วยเบรค และระบบเสริมความปลอดภัยมากมาย ผลทดสอบประสิทธิภาพการเบรค อยู่ในระดับปานกลาง ทั้งเบรคที่ความเร็ว 60/80-0 กม./ชม. ทำได้ในเกณฑ์เฉลี่ย 17.0/30.2 ม. เช่นเดียวกับเบรคที่ความเร็วสูง 100-0 กม./ชม. ทำได้ 46.7 ม.
ลองนำผลทดสอบมาเทียบกับ เชฟโรเลต์ โคโลราโด รุ่นเดิม 180 แรงม้า ที่มีผลทดสอบระยะเบรค 60/80/100-0 กม./ชม. อยู่ที่ 15.6/28.9/45.2 ม. เห็นได้ว่าประสิทธิภาพเบรคของ เชฟโรเลต์ โคโลราโด รุ่น 200 แรงม้าใหม่ เป็นรองเครื่องยนต์ 180 แรงม้าเดิม ลองเทียบกับคู่แข่งอย่าง ฟอร์ด เรนเจอร์ และมาซดา บีที-50 พโร แล้ว ยังใช้ระยะเบรคมากกว่าเล็กน้อย
เชฟโรเลต์ โคโลราโด ซี-แคบ 2.8 แอลทีเซด เซด 71 4x4 ให้กำลังและแรงบิดที่สูงกว่าเดิม เป็นพิคอัพที่มีอัตราเร่งโดดเด่น จนเรียกได้ว่าจัดจ้าน ถึงแม้จะไม่ค่อยต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ที่ให้กำลัง 180 แรงม้ามากนัก เพิ่มระบบอินโฟเทนเมนท์ มายลิงค์ รองรับความบันเทิง พร้อมระบบนำทาง ทันสมัยครบครัน เสริมออพชันด้านความปลอดภัยครบ ตอบโจทย์ด้านความแรง ความสบายและความปลอดภัย ได้มากขึ้น
ABOUT THE AUTHOR
ณ
ณัฐเวช ยอดแสง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : เนื่องจากปก 4Wheels