ปิด "ระเบียงรถใหม่" ในเดือนแห่งการชุมนุมสารพัดสารพันรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ด้วยผลงานของยักษ์รองเมืองปลาดิบ คือ นิสสัน เอกซ์-ทเรล (NISSAN X-TRAIL) รถขนาดเล็กกะทัดรัดที่คนรักรถในประเทศ ลุงตู่ คงคุ้นเคยกันดีในช่วงเวลาเกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ยักษ์รองเมืองยุ่นนำรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี อนุกรมนี้ออกสู่ตลาดไปแล้วรวม 3 รุ่น คือ รุ่นแรกซึ่งเริ่มการผลิตในญี่ปุ่นเมื่อปลายปี 2000 ตามมาด้วยรุ่นที่ 2 ในปี 2007 ท้ายสุด คือ รุ่นที่ 3 ซึ่งเริ่มการผลิตในญี่ปุ่นเมื่อปี 2013 และปีถัดมาก็เริ่มการผลิตในประเทศไทย ส่วนรุ่นใหม่ที่นำเรื่องราวมาเล่าสู่กันฟังในเดือนนี้ ไม่ใช่รถรุ่นที่ 4 หากแต่เป็นรถรุ่นที่ 3 ซึ่งได้รับการปรับปรุงแบบ FACELIFT หรือ "ยกหน้า" และเพิ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองแม่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 8 มิถุนายน 2017 นี่เอง ที่ตัดสินใจเลือกมาก็เนื่องจากพบข้อความที่ระบุว่า เป็นรถแบบที่ 2 และเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบแรกของ นิสสัน ที่ติดตั้งระบบ PROPILOT อันเป็นเทคโนโลยีทันสมัยที่ช่วยลดความน่ารำคาญเมื่อต้องขับรถในลักษณะ STOP-AND-GO หรือเดี๋ยวหยุดเดี๋ยวไปได้อย่างดี ยักษ์รองของเมืองยุ่นให้อรรถาธิบายอย่างย่นย่อว่า PROPILOT เป็น AUTONOMOUS-DRIVE TECHNOLOGY หรือเทคโนโลยีช่วยการขับ ที่ช่วยสนับสนุนผู้ขับรถได้อย่างดีเมื่อขับรถบนทางหลวง ซึ่งเรียกกันในภาษาอังกฤษว่าไฮเวย์ (HIGH WAY) ทั้งด้านการควบคุมอัตราเร่ง การห้ามล้อ และการเลี้ยว เป็นเทคโนโลยีซึ่งเพิ่งเริ่มใช้เป็นครั้งแรกในรถอเนกประสงค์ นิสสัน เซเรนา (NISSAN SERENA) รุ่นล่าสุด ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองยุ่นเมื่อเดือนสิงหาคม 2016 นอกจากสิ่งใหม่ที่ว่าแล้ว ของเก่าที่มีอยู่ คือ ระบบช่วยจอดรถ INTELLIGENT PARK ASSIST ก็ได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้ดีขึ้น และมีการเพิ่มเติมคุณลักษณะบางอย่างเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย เช่น ระบบเปิดประตูบานท้ายโดยการยื่นปลายเท้าใต้กันชนหลังอย่างที่เห็นในภาพ ตัวถังภายนอกมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อให้หน้าตาของรถดูบึกบึนดุดันขึ้น ส่วนห้องโดยสารก็เพิ่มความรู้สึกในคุณภาพ มีทั้งรถขับล้อหน้ารถขับทุกล้อ มีทั้งแบบติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว และแบบ 3 แถว และมีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ คือ ด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 108 กิโลวัตต์/147 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ MR20DD) ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT และด้วยระบบขับไฮบริดชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ MR20DD ทำงานร่วมกันกับมอเตอร์ไฟฟ้า 30 กิโลวัตต์/41 แรงม้า แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) และระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ดีมาก คือ 19.8-20.8 กม./ลิตร และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 112-117 กรัม/กม. ราคารวมภาษีที่ซื้อขายกันในญี่ปุ่น อยู่ระหว่าง 2.198-3.099 ล้านเยน หรือเท่ากับประมาณ 0.703-0.992 ล้านบาทไทย