พิเศษ(cso)
การปรับตั้งเสียง
พบกันอีกครั้งกับเรื่องพิเศษ ทีมงาน ฯ ได้แนะนำการปรับตั้งเสียงในชุดเครื่องเสียงรถยนต์ เพื่อที่จะได้ปรับตั้งเสียงได้อย่างมีคุณภาพ และให้สอดคล้องกับเครื่องดนตรีแต่ละประเภท จะได้รู้ว่าเครื่องดนตรีแต่ละประเภทให้กำเนิดความถี่เสียงอยู่ในช่วงความถี่ย่านใดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเสียงจาก กีตาร์ เบสส์ กลอง เพียโน เสียงร้อง ฯลฯ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะได้ปรับชุดเครื่องเสียงในรถยนต์ให้สอดคล้องกับเครื่องดนตรีแต่ละประเภท เพราะถ้าหากปรับตั้งเสียงไม่ถูกต้องก็จะทำให้เกิดความเพี้ยน เช่น เสียงแหลมจัด เสียงร้องแตกพร่า เบสส์บวม และยังกระทบกับความถี่เสียงข้างเคียงอื่นๆ ได้เช่นกัน
สร้างประสบการณ์ในการฟัง
การสร้างประสบการณ์ในการฟัง เพื่อให้เกิดความคุ้นเคยในเสียงดนตรี เป็นสิ่งที่ควรฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ โดยใช้เครื่องเล่น CD ที่ได้มาตรฐาน เนื่องจากมีวงจรถอดรหัสสัญญาณเสียงที่มีคุณภาพ พร้อมกับแผ่น CD AUDIO ที่บันทึกเสียงมีคุณภาพ โดยเลือกแผ่นที่มีไดนามิคสูงๆ หรือช่วงเสียงดนตรีที่เบาสุด และดังสุด เพื่อใช้เป็นแผ่นอ้างอิงในการฟัง
นอกจากการฟังเพลงตามปกติแล้วก็ควรจะหาเวลาไปฟังเพลงนอกสถานที่บ้าง อาทิเช่น การแสดงดนตรีสดกลางแจ้งในสนามกีฬา หรือการแสดงดนตรีภายในฮอลล์จะยิ่งดี เพื่อที่จะได้สร้างความคุ้นเคย และประสบการณ์ในการฟังดนตรีจริงๆ ให้กับตัวเอง
สำหรับวิธีการฟังเสียงดนตรี เพื่อที่จะได้รู้ว่า เสียงดนตรีที่เป็นธรรมชาติควรจะมีลักษณะเป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างเช่น เสียงจากการใช้ไม้กลองตีที่ปลายแฉ ซึ่งการตีที่ปลายแฉจะทำให้แฉสั่น และเสียงนั้นจะมีความกังวานมากกว่าการใช้ไม้กลองตีแฉที่บริเวณศูนย์กลางด้านใน โดยจับลักษณะการสั่นของเสียงที่เกิดขึ้นจริง และฟังให้ขึ้นใจหลายๆ ครั้ง หรือเสียงของนิ้วที่ดีดสายกีต้าร์เบสส์ ตบสาย หรือเกี่ยวสายก็จะมีลักษณะของเสียงที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการฝึกฝนการฟังลักษณะเสียงจากเครื่องดนตรี นั่นคือการสร้างประสบการณ์ และความคุ้นเคยในการฟังเสียงดนตรีจริงๆ เพื่อที่จะได้ปรับแต่งคุณภาพของระบบเสียงติดรถยนต์ได้ถูกต้อง
นอกจากนี้ยังสามารถฟังเสียงดนตรีได้จากแผ่น CD AUDIO ที่บันทึกเสียงมีคุณภาพ ส่วนแผ่นประเภท MP3 เป็นแผ่นที่มีการบีบอัดสัญญาณ หรือเพลงที่มีการบันทึกเสียงเบสส์ด้วยเครื่องสังเคราะห์ดนตรี เป็นเสียงดนตรีที่สร้างขึ้นด้วยวงจรอีเลคทรอนิค ซึ่งไม่ใช่เสียงจาก กีตาร์เบสส์ หรือกลองจริงๆ ไม่ควรนำมาใช้เป็นแผ่นอ้างอิงในการฟัง
การแบ่งช่วงความถี่เสียง
สำหรับการแบ่งช่วงความถี่เสียง โดยอ้างอิงมาตรฐานการแข่งขัน EMMA ในหัวข้อการตัดสินคุณภาพเสียง (SQ) นั้นแบ่งช่วงความถี่เสียงออกเป็น 4 ย่าน ประกอบด้วยเสียงจากเครื่องดนตรีต่างๆ เช่น เครื่องสายขนาดใหญ่ (กีตาร์เบสส์ เพียโน กลองใหญ่) ซึ่งอยู่ในย่านที่เรียกว่า SUB/BASS ตั้งแต่ความถี่ 10-60 HZ, ย่าน MID/BASS ตั้งแต่ความถี่ 60-200 HZ เป็นช่วงเสียงกลองขนาดกลาง (กลองกระเดื่อง กลองทอม ทรอมโบน), ย่าน MIDRANGE ตั้งแต่ความถี่ 200-3,000 HZ ส่วนใหญ่จะเป็นเสียงที่มาจากเครื่องสาย เช่น กีตาร์โปร่ง กีตาร์ไฟฟ้า หรือเครื่องลมประเภททองเหลือง หรือไม้ และย่าน HIGH FREQUENCY ตั้งแต่ 3,000-IN AUDIBILITY (ไปถึงฟังได้ยิน) เช่น ฉาบ เหล็ก 3 เหลี่ยม ระฆัง ฯลฯ จะเห็นได้ว่าความถี่เสียงกับเครื่องดนตรีนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน ดังนั้นการปรับเสียงด้วยอีควอไลเซอร์ เพื่อที่จะได้เสียงดนตรีชิ้นหนึ่งก็จะมีผลกระทบกับเสียงดนตรีชิ้นอื่นได้เช่นกัน
ดังนั้น การปรับตั้งระบบเสียงติดรถยนต์ เพื่อให้ความถี่เสียงทุกย่านเกิดความสมดุล (SPECTRUM BALANCE) เพื่อให้ชุดเครื่องเสียงถ่ายทอดเสียงที่ฟังสบาย เป็นธรรมชาติ โดยไม่เกิดเสียงที่แตกพร่า เสียงที่เกินความเป็นจริง เมื่อฟังแล้วมีความไพเราะ นุ่มนวล โดยไม่มีเสียงย่านใดย่านหนึ่งดังเกินไป หรือเบาเกินไป ซึ่งการปรับตั้งเสียงจำเป็นต้องใช้เครื่องวิเคราะห์สเปคทรัมความถี่เสียง พร้อมกับอีควอไลเซอร์ หรือพโรเซสเซอร์ ปรับชดเชยความถี่ที่เกิดขึ้นจากชุดเครื่องเสียง และสภาพอคูสติคของห้องโดยสารรถยนต์ด้วย เพื่อให้การตอบสนองความถี่ของระบบเสียงออกมาดี มีความราบเรียบ หรือที่เรียกว่าแฟลท ให้มากที่สุดเท่าที่ระบบเสียงนั้นทำได้
เพราะการปรับตั้งเสียงเป็นการใช้ศาสตร์/ศิลป์ที่ควบคู่กัน นอกจากการใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพสูง เพื่อวิเคราะห์ความถี่ที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องใช้ประสบการณ์ในการฟังเพลงช่วยปรับตั้งเสียงให้มีความถูกต้อง สมจริง เป็นธรรมชาติ
โดยปกติผลการวิเคราะห์ความถี่เสียงจะไม่แฟลทเป็นเส้นตรงเหมือนไม้บรรทัด เพราะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรให้เสียงดนตรีที่ออกมามีคุณภาพ เป็นธรรมชาติมากที่สุด
ความถี่เสียงกับเครื่องดนตรี
ในครั้งนี้มาดูกันว่า เครื่องดนตรีแต่ละประเภทอยู่ในกลุ่มช่วงความถี่อะไรบ้าง ดังตัวอย่างกลอง เป็นเครื่องดนตรีประเภทเคาะที่อยู่ในช่วงความถี่ตั้งแต่ 10-200 HZ โดยแบ่งเป็นกลองใหญ่และกลองขนาดกลาง เช่น เสียงจากกลองกระเดื่อง กลองทอม ทรอมโบน เป็นต้น เป็นเสียงที่นักเล่นประเภทชื่นชอบเสียงเบสส์ ต่างใผ่ฝันว่าชุดเครื่องเสียงของตน แน่นปึ้ก ลูกกระแทกกระทั้นสะใจ ซึ่งการปรับตั้งเสียงในช่วงความถี่ย่านนี้ก็ต้องดูว่า มีผลกระทบกับช่วงความถี่ข้างเคียงหรือไม่อีกเช่นกัน เช่น ถ้าหากต้องการเพิ่มเสียงเบสส์ให้ชัดเจนขึ้น โดยปกติจะไม่นิยมปรับเพิ่มช่วงความถี่ 20-25 HZ เพราะปรับยังไงก็จะเกิดอาการเสียงเบสส์คราง เบลอ ส่วนใหญ่จะปรับลด หรือคัดมากกว่า แต่จะนิยมปรับกันที่ช่วง 40-45 HZ (เสียงดรัมเบสส์) ซึ่งเสียงเบสส์ย่านนี้จะเป็นเสียงเบสส์ที่มีน้ำหนัก กระแทกกระทั้น เป็นต้น
กีตาร์ เป็นเครื่องดนตรีอีกประเภทหนึ่งในกลุ่มประเภทเครื่องสาย จะอยู่ในช่วงความถี่ตั้งแต่ 80-5,000 HZ หรือในย่านความถี่ MID/BASS ถึง MID/HIGH (เสียงกลางต่ำถึงกลางสูง) นอกจากนี้ในกลุ่มประเภทเครื่องสายยังแยกได้อีกเป็น ไวโอลิน กีตาร์โปร่ง กีตาร์ไฟฟ้า ฯลฯ สำหรับเสียงของกีตาร์จะอยู่ในช่วงความถี่ 80-630 HZ ถ้าหากต้องการเน้นเสียงกีตาร์ สามารถปรับได้ที่ช่วง 250 HZ และช่วงความถี่ 250 HZ นี้ยังเป็นเสียงร้องที่ทุ้มลึกอีกด้วย ดังนั้นการปรับความถี่แต่ละย่านควรคำนึงถึงความสมดุลในทุกย่านความถี่ จะต้องไม่มีความถี่ย่านใดย่านหนึ่งที่ดังเกินไป หรือเบาเกินไปด้วย ที่สำคัญ เสียงต้องเป็นธรรมชาติ ไม่พร่าเพี้ยน !
ด้วยเหตุนี้จึงต้องมีเครื่องมือวิเคราะห์ความถี่เสียง ที่เรียกว่า SPECTRUM ANALYZER เพื่อใช้เป็นเครื่องมืออ้างอิงรูปธรรมที่มองเห็นได้ ส่วนหูเป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งสำหรับการปรับแต่งเรื่องความสมจริงของเสียงดนตรีที่เกิดขึ้น ว่าเป็นธรรมชาติ มีความถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นหูจึงเป็นนามธรรมที่จับต้องไม่ได้ แต่รู้สึกได้ ! เพราะการปรับแต่งเสียงระดับมืออาชีพจะต้องใช้ทั้งศาสตร์/ศิลป์ (เครื่องมือ/ประสบการณ์
ในการฟัง) ร่วมกันทุกครั้งแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
สรุป
อย่าลืมว่า การใช้เครื่องมือตรวจเชคระบบเสียงก็เพื่อใช้เป็นข้ออ้างอิงทางรูปธรรม คือ มองเห็น พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ และในบางครั้งการปรับตั้งชุดเครื่องเสียงรถยนต์ ผลที่ได้ คือ กราฟจากการวัดออกมาแฟลทมาก หรือดีในทางอุดมคติ แต่เมื่อฟังเนื้อดนตรี อาจไม่มีความไพเราะ มีความสมจริงได้ ดังนั้นจึงต้องใช้การฟังช่วยในการปรับแต่งเสียงอีกครั้ง ส่วนฉบับหน้าจะเป็นเรื่องอะไรนั้น ต้องคอยติดตาม
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
ภาพโดย : ฝ่ายภาพ/อินเตอร์เนท
นิตยสาร 409 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : พิเศษ(cso)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17997