เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
“กล่องดำ” ในรถยนต์ อุปกรณ์ไขปริศนาอุบัติเหตุบนท้องถนน
กล่องดำ (ซึ่งความจริงไม่ได้มีสีดำ) ไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์บันทึกข้อมูลสำหรับเครื่องบินเท่านั้น ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ส่วนมาก มีการติดตั้งเครื่องบันทึกสถานการณ์ ซึ่งเรียกง่ายๆ ว่า กล่องดำ มันจะทำงานโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เก็บข้อมูลซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บริษัทประกันภัย และผู้ผลิตรถยนต์ เพื่อหาสาเหตุว่าอุบัติเหตุเกิดจากความผิดพลาดของผู้ขับ หรือเพราะตัวรถยนต์กันแน่
การบันทึกของกล่องดำ
อุปกรณ์ขนาดจิ๋วที่สามารถค้นหาต้นตอของอุบัติเหตุได้อย่างน่าทึ่งตัวบันทึกเหตุการณ์ (EVENT DATA RECORDER EDR)
เป็นชิพไมโครคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว บันทึกข้อมูล ความเร็วรถ พวงมาลัย การใช้เข็มขัดนิรภัย และแรงกระแทกคอมพิวเตอร์บนรถคอมพิวเตอร์ระบบเบรค ABS
ระบบเบรคจะส่งข้อมูลไปที่ EDR บันทึกว่าผู้ขับมีการเบรค หรือระบบทำงานผิดปกติเซนเซอร์ถุงลมนิรภัยด้านข้าง
ถ้าถุงลมนิรภัยมีการเคลื่อนที่ เซนเซอร์จะรายงานไปยัง EDR ว่าเกิดการชนขึ้นแล้วเซนเซอร์ถุงลมนิรภัยด้านหน้า
คอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการเคลื่อนที่ของถุงลมนิรภัยจะเชื่อมต่อกับ EDR เพื่อส่งข้อมูลการบันทึกอย่างต่อเนื่อง
EDR จะบันทึกข้อมูลอย่างต่อเนื่อง เก็บไว้ 5 วินาที ก่อนที่จะบันทึกทับลงไป 5 วินาที ในครั้งถัดไปขณะเกิดอุบัติเหตุ
ในขณะเกิดเหตุ EDR จะบันทึกข้อมูลไม่กี่วินาทีก่อนและหลังจากถุงลมนิรภัยเคลื่อนที่เรียกข้อมูลการชนกลับคืนมา
EDR วิเคราะห์ข้อมูลออกมาเพื่อระบุว่า การขับของผู้ขับ หรือสมรรถนะของรถยนต์ เป็นตัวนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุเรือลาก
เรือขนาดเล็กแต่ทรงพลังที่สามารถนำเรือใหญ่เข้าเทียบท่าได้สบาย
เนื่องจากเรือมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น และท่าเทียบเรือก็แออัดมากขึ้นเรื่อยๆ บทบาทของเรือลากจึงสำคัญมาก เปรียบเสมือนสุนัขเลี้ยงแกะแห่งท้องทะเล ที่สามารถผลัก ดึง และกลับด้านเรือที่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นพันเท่า จากนั้นก็ต้อนเข้าสู่ท่าเรือที่ทางเข้าค่อนข้างแคบ ช่วยให้มันจอดเทียบท่าและพากลับไปยังมหาสมุทรอีกครั้ง เรือลากลำเล็กๆ สามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลพลังมหาศาลถึง 27,200 แรงม้า ร่วมกับการออกแบบตัวเรือแบบพิเศษ ท้องเรือลากจะจมอยู่ใต้น้ำ แม้กระทั่งเวลาที่เร่งคันเร่ง จึงช่วยให้สัมผัสน้ำได้มากขึ้น เพิ่มแรงเสียดทานและพลังงาน นอกจากนี้ยังมีความว่องไว เพราะใบพัด 2 ตัว ที่แยกควบคุมอย่างอิสระด้านท้ายเรือ ซึ่งหมุนได้ 360 องศา ไม่ว่าจะแล่นไปข้างหน้า ถอยหลัง หรือไปด้านข้างๆ เพื่อการโยกย้ายที่ยุ่งยาก มันมีตัวดึงแข็งแรงมาก สามารถเกี่ยวเข้ากับเรือใหญ่และเดินทางไปในทางตรงกันข้าม ด้วยความรวดเร็วและปลอดภัยอนาคตของจักรยานยนต์
คาดการณ์ได้ว่า ในอนาคต ยานพาหนะส่วนใหญ่จะขับเคลื่อนด้วยตนเอง แต่ค่าย บีเอมดับเบิลยู มอเตอร์ราด ก็ยังหวังว่า จะให้รับความน่าตื่นเต้น เพียงแค่นักบิดได้เอื้อมมือมาแตะแฮนด์จักรยานยนต์ และเพื่อฉลองครบรอบ 100 ปี บริษัทฯ ได้เปิดตัวรถจักรยานยนต์ คอนเซพท์ VISION NEXT 100 ที่ล้ำสมัย ออกแบบมาเพื่อยุคดิจิทอล แม้หน้าตาจะเหมือนอะไรบางอย่างจากหนังเรื่อง TRON แต่จริงๆ แล้วได้แรงบันดาลใจมาจากรุ่น R32 จักรยานยนต์รุ่นแรกของ บีเอมดับเบิลยู ในปี 1923 ที่มีเฟรมสามเหลี่ยมสีดำ VISION NEXT 100 ได้รับการพัฒนาให้มีความรอบรู้เกี่ยวกับผู้ขับขี่มากขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีการทรงตัว ป้องกันการเสียหลัก แม้ขณะอยู่กับที่ แปลว่า ผู้ขับขี่จะไม่ร่วงลงมา และสามารถลงจากรถได้โดยไม่ต้องกางขาตั้งออกมา เพราะระบบความปลอดภัยนี้ บีเอมดับเบิลยู จึงไม่คิดว่าผู้ขับขี่จะต้องสวมหมวกกันนอคอีกต่อไป เพราะหมวกกันนอคจะถูกแทนที่ด้วยหน้ากากพิเศษด้วยระบบดิจิทอล ถ้ามองตรงไปข้างหน้า ระบบจะแนะนำการทำมุมและแจ้งเตือนสิ่งกีดขวางด้านหน้า ถ้ามองขึ้น มุมมองด้านหลังจะทำงาน ให้ผู้ขับขี่จะเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นด้านหลัง ชุดที่มาคู่กันถูกออกแบบมาเพื่อเสริมประสบการณ์การขับขี่ พร้อมที่รองคอจะพองขึ้นเมื่อบิดเร่งความเร็ว หากผู้ขับขี่ก้มหน้ามองขณะสวมหน้ากาก แผนที่จะปรากฏออกมารถจักรยานยนต์ BMW VISION NEXT 100
บีเอมดับเบิลยู คาดว่าคุณจะได้ขี่ในอีก 30 ปี
1. เฟรมรถยืดหยุ่นได้
ไร้ข้อต่อ เฟรมทั้งตัวสามารถปรับเปลี่ยนทิศทางของรถได้จากการขยับที่แฮนด์2. การปล่อยไอเสียเป็นศูนย์
ออกแบบมาให้เหมือนเครื่องรุ่นดั้งเดิม แต่จริงๆ แล้วใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อน3. หน้ากากแสดงข้อมูล
รวมถึงกันลมปะทะหน้าด้วย หน้ากากสามารถแสดงข้อมูล ที่ควบคุมโดยการเคลื่อนไหวของดวงตาผู้ขี่4. ชุดสวมใส่สบาย
ชุดจะคอยติดตามอุณหภูมิของผู้ขับขี่ ปรับความร้อนให้เหมาะสม และมีระบบสั่นเพื่อบอกทิศทาง5. ยางปรับสภาพได้
ยางสามารถปรับการยึดเกาะโดยอัตโนมัติไม่ว่าจะเจอถนนลักษณะใดก็ตาม6. วัสดุทันสมัย
เฟรมรถ สร้างจากคาร์บอนไฟเบอร์สีดำด้าน รวมถึงเบาะนั่ง และเครื่องคอนเซพท์รถยนต์ในอนาคตที่เพิ่มขึ้น
รถจักรยานยนต์ไม่ใช่ยานพาหนะเพียงอย่างเดียวที่ บีเอมดับเบิลยู มองถึงอนาคต ในส่วนหนึ่งของนิทรรศการ VISION NEXT 100 บริษัทได้ออกแบบยานยนต์อีก 3 ยี่ห้อ ได้แก่ มีนี โรลล์ส-รอยศ์ และบีเอมดับเบิลยู ไอเดียสำหรับ มีนี คือ มีเครือข่ายของรถที่สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา สามารถไปรับผู้ขับ ผู้ขับสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะการขับ และการเชื่อมต่อที่สอดคล้องกับความชื่นชอบของตนได้ โรลล์ส-รอยศ์ ไม่ต้องการคนขับอีกต่อไป เพราะรถจะถูกควบคุมโดยผู้ช่วยเสมือนจริง ผู้ที่จะตอบสนองทุกสิ่งที่คุณต้องการตลอดการเดินทาง ลูกค้าสามารถเลือกทัศนวิสัยได้เอง และอาจจะมีความกว้างพอที่จะยืนในรถได้ บีเอมดับเบิลยู รวบรวมสิ่งที่ดีทั้ง 2 อย่าง ผู้ขับสามารถควบคุมรถได้เอง หรือจะส่งต่อให้ระบบเป็นผู้ดูแลแล้วไปนั่งพักผ่อนที่ด้านหลัง บีเอมดับเบิลยู ยังออกแบบรถยนต์ในอนาคตอีก 3 แบบรถบักกีส์
เหล่านักกอล์ฟ และแคดดีส์จะเดินทางไปรอบๆ สนามอย่างสะดวกสบาย
กอล์ฟ อาจจะเป็นกีฬาเพียงอย่างเดียว ที่ผู้เข้าแข่งขันสามารถเดินทางได้อย่างอิสระ และส่วนสำคัญของ กอล์ฟ ซึ่งเป็นที่นิยมมาตั้งแต่ในช่วงปี 1950 คือ รถ บักกีส์ ที่ทั้งประหยัดเชื้อเพลิง ลดการปล่อยไอเสีย แถมยังเงียบ ไม่รบกวนผู้ตีกอล์ฟคนอื่น เครื่องยนต์จะทำงานก็ต่อเมื่อ ผู้ขับวางเท้าบนคันเร่ง ไม่ใช่ตอนที่บิดกุญแจ และเครื่องยนต์จะดับเมื่อผู้ขับยกเท้าออกจากคันเร่ง รถกอล์ฟขับเคลื่อนอัตโนมัติ ถูกออกแบบสำหรับการใช้ในอนาคต เพื่อเพิ่มความบริสุทธิ์ให้กับอากาศในสนามพลังงานสำหรับ 18 หลุม
รถ บักกีส์ มีแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาที่จะชาร์จพลังงานเมื่อจอดใต้แสงอาทิตย์ความสะดวกที่ล้ำสมัย
รถ บักกีส์ สุดหรูสามารถติดตั้งจุดชาร์จแบทเตอรี เชื่อมต่อแทบเลท หรือแม้แต่มีตู้เย็นขนาดเล็กไว้อำนวยความสะดวกระบบกันสะเทือน
รถมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้ขับขี่ได้อย่างมั่นคง แม้พื้นไม่เรียบการเร่งความเร็ว
กดคันเร่งเพื่อเริ่มวงจรการส่งพลังงานไฟฟ้าจากแบทเตอรีไปยังมอเตอร์ และทำให้ล้อหมุนระบบชาร์จไฟเมื่อเบรค
บางคันมีระบบรีเจเนอเรทีฟเบรค ซึ่งสามารถนำพลังงานจากการเบรคกลับมาเก็บไว้ในแบทเตอรี ซึ่งปกติพลังงานส่วนนั้นจะเสียไปเฉยๆไฮเพอร์ลูพ
เดินทางรวดเร็วเท่าความไวเสียง ในราคาตั๋วรถเมล์
ไฮเพอร์ลูพ เป็นยานพาหนะในอนาคตที่มีความเร็วเกือบถึง 1 มัค เดินทางผ่านท่อปิดแน่นหนา ด้วยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า บรรยากาศภายในท่อจะบางมาก แทบจะเป็นสุญญากาศ ซึ่งจะลดแรงดันและแรงเสียดทานที่ตัวยานพาหนะ ทำให้ทะยานไปได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ 5 % ของรางที่จะใช้ในการขับเคลื่อน และตัวยานพาหนะจะแล่นด้วยส่วนที่เหลือ ที่ความเร็ว 1,100 กม./ชม. การเดินทางจากดูไบไปอาบูดาบีจะใช้เวลาเพียง 12 นาที เร็วกว่าการเดินทางโดยเครื่องบินเกือบ 3 เท่า บริษัท ไฮเพอร์ลูพ วัน และ ไฮเพอร์ลูพ ทรานสปอร์เทชัน เทคโนโลยี เปิดตัวในฐานะผู้นำในการสร้างตัวต้นแบบและพัฒนาระบบที่จะใช้ในสหรัฐอเมริกา อินเดีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรทส์ โดยคาดว่าจะเสร็จในปี 2030 แถมยังวางแผนที่จะบริการด้วยราคาที่ไม่แพง และจะลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย สามารถออกแบบ ไฮเพอร์ลูพ ท่อสุญญากาศ ให้อยู่บนเสาได้ ทำให้สามารถสร้างเหนือถนนที่มีอยู่แล้ว ลดการรบกวนพื้นที่อื่นๆที่นั่งชั้นประหยัด AIRGO
การแก้ปัญหาโดยการยศาสตร์ ที่อาจจะเป็นที่นั่งบนเครื่องบินในอนาคต
โครง
AIRGO ที่นั่งซึ่งเป็นอัลลอยที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งช่วยลดน้ำหนัก และช่วยเครื่องบินให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพความเพลิดเพลินบนเครื่องบิน
ที่นั่งสามารถควบคุมด้วยหน้าจอสัมผัส และสามารถเข้าถึงความบันเทิง และยังสั่งอาหาร เครื่องดื่มได้อีกด้วยที่เก็บสัมภาระ
ผู้โดยสารแต่ละคนจะมีที่เก็บสัมภาระส่วนตัวอยู่เหนือที่นั่ง มีพื้นที่มากกว่าชั้นโดยสารแบบประหยัดพื้นที่ส่วนตัว
ไม่ว่าคุณจะขยับ AIRGO ไปทางไหนก็ไม่รบกวนผู้โดยสารท่านอื่นความสะดวกสบาย
ตาข่ายจะทำหน้าที่เหมือนโฟม เข้ากับทุกสรีระของผู้โดยสาร เพื่อการเดินทางที่สบายอ่าน ดู นอนหลับ
มอเตอร์ 3 ตัวที่สามารถปรับได้ 3 ระดับ เพื่อความสบายที่แท้จริง และลดอาการปวดหลังที่นั่งบนเครื่องบินรุ่นใหม่
อัพเกรดเก้าอี้ผู้โดยสารให้สะดวกสบาย และยังช่วยประหยัดเชื้องเพลิงมากขึ้น
การเดินทางโดยเครื่องบินความสะดวกสบายของผู้โดยสาร มีความสำคัญมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ที่นั่งชั้นประหยัดของ AIRGO มาพร้อมคอนเซพท์ที่ได้รับรางวัล เนื่องจากสร้างมาเพื่อปฏิวัติประสบการณ์การเดินทางโดยเครื่องบิน AIRGO จะมีที่นั่งส่วนตัวกว้างขึ้น หมายถึง จะขยับตัวไปทางไหนก็ไม่กระทบผู้โดยสารท่านอื่น เช่น มารยาทของการเอนตัวนอนนั่นเอง ที่นั่งใหม่ปรับได้ 3 รูปแบบ คือ อ่าน ดูหนัง และนอนหลับ จอที่สามารถปรับตำแหน่งได้ ที่พักเท้า ที่รองคอ และหลัง จะทำให้ผู้โดยสารทุกคนหาตำแหน่งที่นั่งที่สบายได้อย่างแน่นอน แผนผังห้องผู้โดยสารที่แตกต่าง เพื่อให้พื้นที่ทุกส่วนมีประโยชน์สูงสุด ใน AIRBUS A380 ตัวอย่าง เช่น มีที่นั่งริมทางเดิน 4 แถว (ที่นั่งเดี่ยวริมหน้าต่าง และ 3 แถวเป็นที่นั่งแบบคู่ที่อยู่ระหว่างนั้น) ทำให้ที่นั่งใหม่มีพื้นที่มากขึ้นถึง 200 % ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าผู้โดยสารชั้นหนึ่ง เป็นความสะดวกสบายในราคาประหยัด หากคอนเซพท์นี้ประสบความสำเร็จ มันจะเป็นตัวเลือกระหว่างชั้นหนึ่ง และชั้นประหยัด ซึ่งสามารถนำไปใช้ในรถไฟ หรือรถยนต์สุดหรูก็ได้เทคโนโลยีที่กำลังจะมีบนเครื่องบิน
WI-FI
มีเฉพาะเครื่องบินเชิงพาณิชย์ที่สามารถเชื่อมต่อ WI-FI ได้ แต่ตอนนี้เครื่องบินชนิดอื่นๆ กำลังวางแผนเพื่อให้ตอบโจทย์นี้ได้ในอนาคตความบันเทิงในมือถือ
เครื่องมือ เช่น AIR-FI จะอนุญาตให้ผู้โดยสารใช้อุปกรณ์ของตัวเอง เพื่อความบันเทิงอย่างเป็นส่วนตัวVIRTUAL REALITY
อุปกรณ์ VR บนเครื่องบินจะช่วยเพิ่มความผ่อนคลายในการเดินทางให้แก่ผู้โดยสารที่นอน
ลักษณะเหมือนกับรังไหมของตัวเอง ซึ่ง AIR LAIR จะให้บริการที่นอนสำหรับการเดินทางยาวๆคาบินส์ปรับแต่งได้
ระบบเปลี่ยนตำแหน่งของคาบินส์ จะช่วยให้เครื่องบินสามารถปรับเปลี่ยนที่นั่งให้เหมาะกับระยะเวลาการเดินทางที่แตกต่างได้ AIRGO จะให้พื้นที่ส่วนตัวแก่ผู้โดยสารมากกว่าเดิมเรื่องโดย : GADGET MAGAZINE
ภาพโดย : GADGET MAGAZINE
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : เรื่องเด่นจาก GADGET/HOW IT WORKS
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/176307