มาตรวัดตลาดรถ
ส่งออก
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมีนาคม 2017/2016
ตลาดโดยรวม, 16.7 % รถยนต์นั่ง, 38.7 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) ,-15.6 % รถอเนกประสงค์ (MPV), -16.8 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ, 15.9 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ, 21.6 % อื่นๆ ,7.3 %เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-มีนาคม 2017/2016
ตลาดโดยรวม ,15.9 % รถยนต์นั่ง ,35.9 % รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV), -12.2 % รถอเนกประสงค์ (MPV),2.7 % กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ ,12.1 % กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ,26.7 % อื่นๆ ,7.9 % [/table] ยอดการขายในเดือนมีนาคม นับว่าน่าชื่นใจ เพราะสามารถเติบโตได้ถึง 16.7 % ขายกัน 84,801 คัน ทำให้ยอดรวมไตรมาสแรกของปีนี้ เติบโต 15.9 % เป็นจำนวน 210,490 คัน นี่คิดบัญญัติไตรยางศ์ง่ายๆ ก็เอา 4 คูณ ก็จะได้ยอดขายของปีนี้ 800,000 คัน แต่เชื่อได้เลยว่า ตัวเลขน่าจะไหลไปถึง 900,000 คันได้ไม่ยาก ทำไมตัวเลขถึงจะไหล เรื่องใหญ่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ “รถคันแรก” ได้ฤกษ์ ครบ 5 ปี สามารถเปลี่ยนมือได้แล้ว ถ้าคิดกันตามวงจรของคนทำงานก็คือ เริ่มต้นด้วยมอเตอร์ไซค์คันเล็กๆ ทำงานเก็บเงินได้หน่อยหนึ่ง ก็เปลี่ยนเป็นมอเตอร์ไซค์ใหญ่ พอเริ่มมีครอบครัว ก็เปลี่ยนเป็นรถเก๋งขนาดเล็ก พอครอบครัวเริ่มใหญ่ มีบุตรสัก 2 คน ก็ต้องเล็งหารถคันใหญ่ขึ้นมาหน่อยแล้ว นี่แค่คิดเล่นๆ ก็น่าจะทำให้ตัวเลขการขายของรถยนต์ในปีนี้ ใช้ได้เลยทีเดียว ยิ่งหากมาดูกันเรื่องการส่งออกสินค้าจากไทย ไปหลากหลายประเทศ ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ว่าด้วยเรื่องส่งออกชิ้นส่วนรถยนต์ไปยังเพื่อนบ้านเรือนเคียง อย่างตลาดเวียดนาม และอินโดนีเซีย ที่มีฐานการผลิตรถยนต์ ก็มีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง หากทิศทางการขยายตัวยังรักษาระดับการเติบโตได้ น่าจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าไทยในปี 2560 มีแนวโน้มที่จะขยายตัวสูงกว่าประมาณการไว้เบื้องต้นที่ 0.8 % แต่สิ่งที่กำลังเกิดกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย นอกเหนือจากเรื่องรถยนต์ไฟฟ้า ใช้กำลังจากแบทเตอรีเพื่อมาเปลี่ยนผ่านรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลแล้ว การเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีในยานยนต์ ไปสู่โหมดการทำงานด้วยระบบอัจฉริยะ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ จะเป็นแรงผลักดันหลักที่ทำให้ความต้องการใช้เซนเซอร์เพื่อเป็นชิ้นส่วนประกอบอีเลคทรอนิคส์ในยานยนต์เติบโตสูงขึ้น โดยคาดว่าในปี 2560 ความต้องการใช้เซนเซอร์สำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยน่าจะมีราว 112.3 ล้านชิ้น ขยายตัว 13.1 % จากปี 2559 ที่มีความต้องการใช้อยู่ที่ 99.2 ล้านชิ้น คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 26,950 ล้านบาท ขยายตัวราว 8.6 % จากปี 2559 ที่คาดว่าจะมีมูลค่าอยู่ที่ 24,810 ล้านบาท การใช้เซนเซอร์ในอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ในปัจจุบัน สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ 1) เซนเซอร์ในระบบความปลอดภัย เช่น เซนเซอร์ในระบบเบรค เป็นต้น 2) เซนเซอร์ในระบบขับเคลื่อน เช่น เซนเซอร์ในระบบจ่ายน้ำมัน เป็นต้น และ 3) เซนเซอร์ในระบบอำนวยความสะดวกสบาย เช่น เซนเซอร์แอร์ในรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบัน เซนเซอร์รถยนต์ทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าว ผลิตขึ้นในไทยบางส่วน โดยเฉพาะเซนเซอร์รถยนต์ที่มีเทคโนโลยีระดับปานกลาง หรือมีเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่ซับซ้อนมากนัก ทั้งนี้ ผู้ผลิตเซนเซอร์รถยนต์ในไทยส่วนใหญ่ จะอยู่ในกลุ่มผู้ผลิตเซนเซอร์ในระบบความปลอดภัย โดยมีสัดส่วนราว 56.3 % ของผู้ผลิตเซนเซอร์รถยนต์ในไทยทั้งหมด รองลงมาเป็นกลุ่มผู้ผลิตเซนเซอร์ในระบบขับเคลื่อน และเซนเซอร์ในระบบอำนวยความสะดวกสบาย ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 31.3 % และ 12.5 % ของจำนวนผู้ผลิตเซนเซอร์ในไทยทั้งหมด โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทต่างชาติ โดยเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นมากถึง 58.8 % ของจำนวนผู้ผลิตเซนเซอร์รถยนต์ในไทยทั้งหมด ขณะที่บางส่วนก็เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างนักลงทุนไทยและต่างชาติ โดยมีสัดส่วนราว 23.5 % ของจำนวนผู้ผลิตเซนเซอร์รถยนต์ในไทยทั้งหมด ปริมาณความต้องการใช้เซนเซอร์ภายในประเทศจะมาจากการนำเข้ากว่า 65 % ของปริมาณความต้องการใช้เซนเซอร์ทั้งหมด ปัจจุบัน รัฐบาลไทยได้มีนโยบายผลักดันโครงการส่งเสริมการลงทุนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC: EASTERN ECONOMIC CORRIDOR) ที่ทำการส่งเสริมการลงทุนใน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิคส์ก็เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายดังกล่าว ซึ่งการเกิดขึ้นของโครงการ EEC น่าจะมีส่วนหนุนนำการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ที่ใช้ชิ้นส่วนอีเลคทรอนิคส์ในยานยนต์เพิ่มขึ้น นั่นก็หมายถึง ยอดการส่งออกของเรา จะไม่ใช่เป็นเพียงรถยนต์ทั้งคันเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา จะเพิ่มชิ้นส่วนต่างๆ ให้มากขึ้นเช่นกันเรื่องโดย : มือบ๊วย
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2560
คอลัมน์ Online : มาตรวัดตลาดรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/173002