วิถีตลาดรถยนต์
แรงหนุนจากงานใหญ่
[table]
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนเมษายน ปี '57 กับ '56
ตลาดโดยรวม,- 33.3 %
รถยนต์นั่ง,- 34.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),8.3 %
รถอเนกประสงค์ (MPV),- 29.9 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 36.7 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,- 38.9 %
อื่นๆ,- 22.5 %
เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-เมษายน ปี '57 กับ '56
ตลาดโดยรวม,- 43.2 %
รถยนต์นั่ง,- 51.8 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV),- 11.6 %
รถอเนกประสงค์ (MPV),- 33.7 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ,- 38.7 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ,- 38.1 %
อื่นๆ,- 21.0 %
[/table]
เป็นประจำเช่นทุกปีที่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายน ในบ้านเราจะมีการจัดงานแสดงความก้าวหน้าทางยนตรกรรม รวมไปถึงสินค้าและบริการที่เกี่ยวเนื่อง งานแรกของปี ที่ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงจะเป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อมุ่งหวังในการกระตุ้นยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศให้ถีบตัวสูงขึ้น โดยมีกำลังหนุนสำคัญในการตัดสินใจ คือ พโรโมชันพิเศษ ทั้งลด, แลก, แจก, แถม แต่อย่างไรก็ตาม งานใหญ่ดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการเมืองไทยที่ใกล้ถึงเวลาสุกงอม ถึงจุดแตกหักเต็มที ทำให้ถึงแม้ว่าทางผู้จัดงานจะสรุปผลการจัดงานว่าประสบความสำเร็จด้วยดีตามเป้าหมายที่วางไว้ก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถผลักดันยอดขายรถยนต์ใหม่ในเดือนเมษายน 2557 พลิกกลับมาปิดตัวในแดนบวกได้ ตัวเลขยอดจำหน่ายยังคงติดลบ เมื่อเทียบกับยอดจำหน่ายที่เคยทำได้ในเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว จะมีก็เพียงรถยนต์หรูราคาแพง เมร์เซเดส-เบนซ์, แจกวาร์ และแลนด์ โรเวอร์ รวมไปถึง ฮันเด และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์จากประเทศจีนบางยี่ห้อเท่านั้น ที่มียอดจำหน่ายที่เพิ่มสูงขึ้น
เมษายน เดือนแรกของการเริ่มต้นไตรมาสที่ 2 ของปี ประชาชนชาวไทยและชนชาติอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ในเมืองไทย ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ประเภทใด รวมทั้งสิ้น 73,139 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันในปี 2556 ถึง 33.3 % ในจำนวนนี้แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 29,665 คัน ลดลง 34.3 % รถพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 28,685 คัน ลดลง 36.7 % พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 2,127 คัน ลดลง 38.9 % รถเอสยูวี 7,791 คัน เพิ่มขึ้น 8.3 % รถเอมพีวี 1,629 คัน ลดลง 29.9 % รถยนต์ประเภทอื่นๆ 3,242 คัน ลดลง 22.5 %
และเมื่อรวมตัวเลขยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2557 เป็นต้นมาจนสิ้นสุดเดือนเมษายนนี้ ปรากฏแล้วว่าทั่วประเทศมีรถยนต์ใหม่ป้ายแดงรวมทั้งสิ้น 296,966 คัน ลดลงจากจำนวนที่เคยเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปี 2556 ทั้งสิ้น 43.2 % แบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 116,492 คัน ลดลง 51.8 % พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ 121,064 คัน ลดลง 38.7 % พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ 8,440 คัน ลดลง 38.1 % รถเอสยูวี 32,948 คัน ลดลง 11.6 % รถเอมพีวี 5,321 คัน ลดลง 33.7 % และรถยนต์ประเภทอื่นๆ 12,701 คัน ลดลง 21.0 %
ทั้งนี้ในรถยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีการแบ่งเป็นหมวดหมู่ใหญ่ๆ เอาไว้ 5-6 หมวดหมู่ดังกล่าวนี้ ยี่ห้อของรถยนต์ใหม่ที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรกในแต่ละหมวดหมู่ ในเดือนเมษายน ปี 2557 ส่วนใหญ่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอันดับความนิยม โดยที่รถยนต์ที่มีผู้นิยมใช้สูงสุดยังคงเป็นรถยนต์ประเภทต่างๆ ที่มีโลโก โตโยตา ประดับอยู่ เรียกว่าใครที่คิดจะซื้อรถยนต์ใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ระดับไหน จะต้องมองไปที่ โตโยตา เป็นอันดับต้นๆ ก่อน ถ้ายังไม่เป็นที่พอใจค่อยขยับไปหาตัวเลือกอื่นต่อไป แต่ก็ใช่ว่า โตโยตา จะผูกขาดเป็นเจ้าตลาดไปได้เสียทั้งหมด เพราะในตลาดรถเอสยูวี และรถยนต์ประเภทอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ที่ประกอบด้วย รถบรรทุกขนาดใหญ่, รถโดยสาร และอื่นๆ เป็น อีซูซุ ที่มียอดจำหน่ายสูงเป็นอันดับ 1 เหนือกว่า โตโยตา อยู่แต่ก็ไม่มากมายเท่าไร เรียกว่ายังนิ่งนอนใจไม่ได้เช่นกัน โอกาสที่ โตโยตา จะพลิกกลับมาครองแชมพ์ในตลาดรถยนต์ประเภทนี้ยังมีความเป็นไปได้ เพราะตามหลังอยู่ไม่กี่มากน้อย แถมยังมีเวลาให้เร่งยอดจำหน่ายอีกถึง 8 เดือน ในปี 2557 นี้
จากรถยนต์รวมทุกประเภทที่จำหน่ายไปทั้งหมดในเดือนเมษายน 2557 โตโยตา ครองส่วนแบ่งการตลาดได้สูงสุดถึง 36.4 % โดยจำหน่ายได้ทั้งหมด 26,623 คัน อันดับที่ 2 อีซูซุ ได้ส่วนแบ่งการตลาด 18.4 % จากยอด 13,467 คัน อันดับที่ 3 ฮอนดา จำหน่ายได้รวม 7,194 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 9.8 % อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ 5,392 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.4 % และอันดับที่ 5 นิสสัน 4,661 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 6.4 %
เมื่อมองไปที่ยอดจำหน่ายสะสมตั้งแต่ต้นปี ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ของ โตโยตา ทะลุเกิน 1 แสนคันไปแล้ว โดยมียอดรวมอยู่ที่ 110,726 คัน ครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 37.3 % อันดับที่ 2 อีซูซุ ตามมาห่างๆ มียอดจำหน่ายรวม 56,111 คัน มีส่วนแบ่งการตลาด 18.9 % อันดับที่ 3 ฮอนดา 29,555 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 10.0 % อันดับที่ 4 มิตซูบิชิ จำหน่ายไปแล้ว 22,564 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาด 7.6 % และอันดับที่ 5 นิสสัน ถือครองอยู่ด้วยยอดจำหน่าย 22,139 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.5 % โอกาสที่จะขึ้นไปแทนที่ มิตซูบิชิ เป็นไปได้สูงเหมือนกัน
พิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 2 ล้อ เดือนเมษายน โตโยตา กลับมาทวงบัลลังก์แชมพ์คืนจาก อีซูซุ ได้อีกครั้งหนึ่ง โดย โตโยตา จำหน่ายไปได้ 10,930 คัน ขณะที่ อีซูซุ จำหน่ายไป 10,020 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 38.1 % และ 34.9 % ตามลำดับ ส่วนอันดับ 3 ถึง 5 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงยังคงเป็น มิตซูบิชิ, ฟอร์ด และเชฟโรเลต์ เหมือนเดิม โดยยอดจำหน่ายและส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 2,211 คัน 7.7 %, 1,791 คัน 6.2 % และ 1,480 คัน 5.2 % ตามลำดับ ซึ่งเมื่อรวมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน ทั้ง 5 ยี่ห้อนี้มียอดจำหน่ายสะสมอยู่ที่ โตโยตา 44,909 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 37.1 % อีซูซุ 41,706 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 34.4 % มิตซูบิชิ 10,522 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 8.7 % ฟอร์ด 7,115 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 5.9 % และเชฟโรเลต์ 5,614 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 4.6 %
ส่วนพิคอัพ 1 ตัน ขับเคลื่อน 4 ล้อ เดือนเมษายนมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น อีซูซุ เข้ามาเป็นอันดับ 1 ด้วยยอดจำหน่าย 869 คัน ได้ส่วนแบ่งการตลาดไป 40.9 % ส่วน โตโยตา หล่นไปอยู่อันดับ 2 ด้วยยอดจำหน่าย 782 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 36.8 % ฟอร์ด ยังอยู่ในอันดับ 3 ของความนิยม ด้วยยอดจำหน่าย 366 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 17.2 % อันดับ 4 เชฟโรเลต์ 63 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 3.0 % และอันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 27 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.3 % ยอดรวมตั้งแต่มกราคมถึงเมษายน อันดับ 1 ยังคงเป็น โตโยตา 3,812 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 45.2 % อันดับ 2 อีซูซุ 2,820 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 33.4 % อันดับ 3 ฟอร์ด 1,326 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 15.7 % อันดับ 4 เชฟโรเลต์ 236 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 2.8 % และอันดับที่ 5 มิตซูบิชิ 122 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 1.4 %
รถเอสยูวี เป็นอีกตลาดหนึ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงความนิยมในเดือนเมษายน โดยที่ ฟอร์ด สอดแทรกเข้ามาทำยอดจำหน่าย 781 คัน อยู่ในอันดับที่ 4 ส่วนแบ่งการตลาด 10.0 % เขี่ย ฮอนดา ที่มียอดจำหน่าย 721 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.3 % หล่นไปอยู่ในอันดับที่ 5 ส่วน มิตซูบิชิ หลุดออกจากโผไปสำหรับอันดับ 1-3 โดยอันดับ 1 ยังคงเป็น อีซูซุ 1,649 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 21.2 % อันดับ 2 โตโยตา 1,555 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 20.0 % อันดับ 3 นิสสัน 1,000 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 12.8 % แต่เมื่อรวม 4 เดือนแรกของปี อันดับความนิยมยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด อันดับ 1 ยังคงเป็น อีซูซุ 7,697 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 23.4 % อันดับ 2 โตโยตา 6,956 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 21.1 % อันดับ 3 นิสสัน 5,830 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 17.7 % อันดับ 4 ฮอนดา 3,925 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 11.9 % และอันดับ 5 มิตซูบิชิ 2,396 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.3 %
รถเอมพีวีก็มีการเปลี่ยนแปลงความนิยมเช่นกัน เป็นการสลับสับเปลี่ยนกันของ ซูซูกิ, เชฟโรเลต์ และนิสสัน โดย ซูซูกิ จากอันดับ 4 เดือนมีนาคม ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ในเดือนนี้ ด้วยยอดจำหน่าย 251 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 15.4 % เชฟโรเลต์ จากอันดับ 5 เป็นอันดับ 4 ยอดจำหน่าย 172 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 10.6 % ส่วน นิสสัน จากอันดับ 3 หล่นมาเป็นอันดับ 5 ยอดจำหน่าย 115 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 7.1 % ขณะที่อันดับ 1 และ 2 เป็น โตโยตา 626 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 38.4 % และฮอนดา 417 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 25.6 % ยอดรวมสะสมตั้งแต่มกราคมถึงเมษายน โตโยตา อันดับ 1 ยอดจำหน่าย 2,466 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 46.3 % อันดับ 2 ฮอนดา 1,198 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 22.5 % อันดับ 3 ซูซูกิ 674 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 12.7 % อันดับ 4 เชฟโรเลต์ 489 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 9.2 % และอันดับ 5 นิสสัน 318 คัน ส่วนแบ่งการตลาด 6.0 %
เดือนพฤษภาคม อากาศร้อน การเมืองร้อน แต่อย่าใจร้อนถ้าอยากมีรถใหม่ อยากได้ข้อเสนอแบบไหน ของแถมแบบไหน ต่อรองกับคนขายได้เต็มที่ เพราะนาทีนี้อำนาจในการต่อรองยังอยู่กับผู้ซื้อแน่นอน
เรื่องโดย : ขุนสัญจร
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : วิถีตลาดรถยนต์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17146