รู้ไว้ใช่ว่า
ลมบ้าหมูฆ่าเด็ก
ผมเคยเจอตัวเป็นๆ หนุ่มนักธุรกิจรายหนึ่ง ซึ่งใช้รถ ฮอนดา แอคคอร์ด นับว่าสมฐานะในช่วงนั้น บ้านเรามองเป็น เมร์เซเดส-เบนซ์ ญี่ปุ่น ไปโน่น วันเกิดเหตุเขาขับรถมาตามเส้นทางประจำ แล้วเกิดอาการวูบ ทั้งๆ ที่ร่างกายแข็งแรงไม่ได้เจ็บป่วย ผู้คนอยู่ริมถนนสังเวยชีวิตไป 3 ราย ยังดีที่เป็นชานเมือง ไม่งั้นอาจตายเยอะกว่าถ้าอยู่ในย่านจอแจ เทียบเคียงกับกรณี "นายบัวลำ โง๊ะบุดดี" ผอ. โรงเรียนแห่งหนึ่ง เกิดอาการลมบ้าหมูกำเริบระหว่างขับรถ ทำให้รถพุ่งชนเด็กนักเรียน ขณะเข้าไปดูนิทรรศการวิทยาศาสตร์ ที่จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นเหตุให้นักเรียนเสียชีวิตถึง 4 ราย บาดเจ็บนับ 10 ราย รถหยุดได้เพราะไปชนต้นไม้ เหตุเกิดเมื่อต้นเดือนมิถุนายน 2557
พ่อแม่ผู้ปกครองของนักเรียนที่รับเคราะห์ทั้งหมด รู้สึกเศร้าโศกเสียใจขนาดไหน นักเรียนชั้นประถมซึ่งกำลังเติบโตต่อไปในวันข้างหน้า ต้องจบชีวิตหรือพิกลพิการนั้นสมควรไหม นายบัวลำ และผู้เกี่ยวข้องต่างพากันละเลย ไม่นึกถึงภัยที่อาจเกิดขึ้น ไม่ป้องกัน ดันขับรถ ทั้งๆ ที่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อนหลายครั้ง เพราะร่างกายมีปัญหา สร้างความสูญเสียให้ผู้อื่นมากมาย คิดหรือว่าเงินทองหรือคุกตะรางช่วยเยียวยาได้ ในทางกลับกันถ้าเป็นบุตรหลานของ นายบัวลำ สัก 4 ชีวิตต้องล้มตายแบบนี้บ้างจะเป็นอย่างไร นี่คือกรณีสะเทือนใจที่พึงระวังอย่าให้เกิดขึ้นอีก พวกร่างกายไม่สมประกอบ อย่าริอ่านเป็นฆาตกรด้วยการขับรถ แล้วอ้างโน่นอ้างนี่มาแก้ตัวต่อการกระทำของตน
คดีต่อไปนี้ชี้ให้เห็นถึงการตัดสินของศาล เมื่อประจักษ์พยานจงใจช่วยจำเลยซึ่งเป็นผู้ร้ายฆ่าคน ดูทีหรือว่าจะช่วยได้ไหม "นายอะไร" โกรธเคือง "นายอย่างว่า" ซึ่งเป็นญาติ เรื่องขอน้ำบาดาลไปรดผักแล้ว นายอย่างว่า ขัดใจ อีก 10 นาทีต่อมา ก็คว้าปืนลูกซองมายิง นายอย่างว่า จนหงายท้อง ตายคาที่ต่อหน้าพี่สาวและพี่เขยของ นายอย่างว่า ตำรวจท้องที่ว่องไวเหมือนกัน ชันสูตรพลิกศพคนตาย สอบปากคำประจักษ์พยานในวันนั้นทันที ยืนยันว่า นายอะไร เป็นมือปืน ภายหลัง นายอะไร เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ มีทนายประกบเสร็จสรรพตอนให้การกับตำรวจ แก้ตัวว่าคนตายจะใช้มีดฟัน ตนไม่ได้ยิง ปืนมันลั่นไปโดน
เรื่องถึงศาล โดนข้อหาเจตนาฆ่า
ศาลชั้นต้นหน้าบูดกว่าปกติ เพราะพี่สาวและพี่เขยผู้ตาย ได้รับหมายเรียกให้เป็นพยานแล้วไม่ยอมมา ถึงขั้นหลบหนีออกจากบ้านไปเลย เจตนา คือ ช่วย นายอะไร ไม่ให้ติดตะรางนั่นเอง
แต่ศาลชั้นต้นเอาจริงตัดสินว่า แม้ประจักษ์พยานหลบหนีไม่มาเบิกความ ก็มีคำให้การชั้นสอบสวนของคนทั้งสอง ซึ่งตำรวจสอบปากคำทันทีในวันเกิดเหตุ ยืนยันชัดเจนว่า นายอะไร เป็นมือปืน รับฟังลงโทษจำเลยได้ ให้จำคุก นายอะไร ข้อหาฆ่า 20 ปี ข้อหามีปืนผิดมือ 6 เดือน พกพาปืนอีก 6 เดือน ให้การภาคเสธมัดตัวเองไว้หน่อยหนึ่ง ศาลลดโทษให้ 1 ใน 4 เหลือจำคุก 15 ปี 9 เดือน ริบปืนของกลาง
นายอะไร ซึ่งใครถามชื่อแล้วพี่แกบอกไปว่า "ผมชื่ออะไร" ฟังแล้วให้ได้งง ให้ทนายยื่นอุทธรณ์ ยืนยันว่าคดีไม่มีประจักษ์พยานยัน รับฟังแค่คำให้การชั้นโรงพัก มาลงโทษผมไม่ได้หรอก ต้องยกฟ้องลูกเดียว
ศาลอุทธรณ์อ่านสำนวนจบ พยักหน้าเห็นด้วยกับ นายอะไร จึงพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ริบแต่ปืนของกลาง
อัยการเล่นเกมยาวถึงศาลฎีกา ขอให้ลงโทษตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้เถิด
ศาลฎีกาเพ่งดูคดีนี้ด้วยความชำนาญ เพราะชั่วโมงบินเยอะ แล้วชี้ขาดว่า แม้ในชั้นศาลอัยการไม่ได้พี่สาวและพี่เขยของ นายอย่างว่า มาเป็นพยาน แกรับหมายเรียกแล้วหลบหนี จงใจไม่มาเบิกความ อัยการขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายจับ ติดตามตัวอยู่หลายเดือนไม่ได้ผล จึงมีแต่บันทึกคำให้การของคนทั้งสองในชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าก็จริง ข้อที่อัยการไม่ได้ตัวประจักษ์พยานถือว่ามีเหตุจำเป็น เมื่อได้ความว่าพี่สาวและพี่เขยของคนตายอยู่ในที่เกิดเหตุตั้งแต่แรก ตอนเขาทะเลาะกัน และตอนยิง เคยให้ปากคำที่โรงพักทันทีในวันเกิดเหตุแบบสดๆ ร้อนๆ เชื่อว่าไม่ปรักปรำ ฟังได้ว่าทั้งสองรู้เห็นเหตุการณ์ พิสูจน์ความผิดของ นายอะไร ได้แล้ว แม้ภายหลังคนทั้งสองจะแอบมาให้การช่วย นายอะไร ว่าโดนไล่ฟันและปืนลั่นก็ตามที ศาลฎีกาถือว่า กรณีมีเหตุผลสมควรเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ในอันที่จะรับฟังคำให้การชั้นสอบสวนของคนทั้งสองจากบันทึกคำให้การในชั้นสอบสวน มาลงโทษ นายอะไร ตาม วิ.อาญา มาตรา 226/3 วรรคสอง (2)
ศาลฎีกาจึงยอมเวียนหัวอีกหน พิพากษากลับ ลงโทษ นายอะไร ตามที่ศาลชั้นต้นว่าไว้นั่นแหละ
เยอะครับพยานหาทางช่วยจำเลย โดยเฉพาะกรณีเป็นเครือญาติกัน ช่วยได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ดังที่เห็นในคดีนี้ พี่สาวและพี่เขยของผู้ตายลงทุนหลบหนี จนศาลออกหมายจับ มีโอกาสติดคุกซะเอง ก็ยังช่วยไม่ได้ จำเลยติดตะรางจนได้ คนบนโลกใบนี้หาเหตุฆ่าแกงกันตลอดเวลา ไม่ว่าที่บ้านเราหรือที่ไหน เฮ้อ...โรงศาลท่านก็แก้ที่ปลายเหตุ ทำงานจนเกษียณรุ่นแล้วรุ่นเล่า ไม่มีวันจบสิ้น
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 11960/2553
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2557
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/17141