สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย
ฟอร์ด บแรนด์ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของโลก แต่สำหรับประเทศไทย ฟอร์ด ยังต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ ณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฟอร์ด ประเทศไทยฟอร์มูลา : สถานการณ์ของ ฟอร์ด ในปี 2559 และปีนี้จะเป็นอย่างไร ? ณรงค์ : ปีที่แล้วถือว่าเป็นอีกปีหนึ่งที่ ฟอร์ด ประสบความสำเร็จ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นถึง 7 ปีติดต่อกัน โดยเฉพาะตั้งแต่ปี 2555-2559 ที่ตลาดรถยนต์โดยรวมมีอัตราการเติบโตที่ลดลง แต่ ฟอร์ด กลับมีการเติบโตที่สวนกระแส ซึ่งในปี 2559 ฟอร์ด มียอดขายโดยรวมถึง 40,972 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 12 % ในขณะที่ตลาดโดยรวมมีอัตราการเติบโตลดลง 4 % ส่งผลให้ ฟอร์ด มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 % จากเดิมปี 2558 มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 4.6 % สำหรับยอดขายที่เป็นแรงสนับสนุนให้ ฟอร์ด ประสบความสำเร็จ คือ รุ่น เรนเจอร์ มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 29 % มียอดขายโดยรวม 30,756 คัน มีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้น 1.9 % เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 9.2 % อีกรุ่นหนึ่ง คือ เอเวอเรสต์ ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดถึง 42 % เมื่อเทียบปี/ปี และสามารถทำยอดขายได้ถึง 7,111 คัน ส่งผลให้ ฟอร์ด มีส่วนแบ่งการตลาดในรถกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น 4.5 % สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดได้ถึง 11.7 % ปี 2560 ฟอร์ด มองว่าตลาดรถยนต์โดยรวมจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งหนึ่ง โดยคาดว่าจะมียอดขายโดยรวมประมาณ 800,000 คัน แต่อย่างไรก็ตามต้องดูสถานการณ์โดยรวมให้แน่นอนก่อนที่จะชี้ชัดออกมา เนื่องจากตลาดมีความผันผวนตลอดเวลา ส่วน ฟอร์ด ยังวางแนวทางที่จะยอดขายเพิ่มขึ้นอีก เพราะที่ผ่านมาจะเห็นว่า ฟอร์ด เติบโตในส่วนของตลาดที่หดตัว ซึ่งเกิดจากการวางแผนงาน และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตลาดมีความต้องการ ซึ่งในปีนี้ ฟอร์ด ก็ยังคงเน้นการทำตลาดของผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น เรนเจอร์/เอเวอเรสต์ หรือแม้แต่ รถเก๋ง โดยเฉพาะรถเก๋งขนาดเล็กที่ปีนี้คาดว่าจะเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากโครงการรถคันแรกจะครบกำหนดปีนี้ มีผลให้ผู้บริโภคบางส่วนตัดสินใจเปลี่ยนรถใหม่ ซึ่ง ฟอร์ด มีความพร้อมที่จะเสนอทางเลือกให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น พิคอัพ รถยนต์นั่ง และ เอสยูวี ฟอร์มูลา : วางทิศทางและนโยบายไว้อย่างไรบ้าง ? ณรงค์ : ปี 2560 จะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล้ำสมัยของ ฟอร์ด อย่างต่อเนื่องผ่านสื่อต่างๆ พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้า โดยมุ่งเน้นการใช้โซเชียลมีเดียเพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภค ให้มีความแตกต่าง น่าจดจำ สร้างการรับรู้ และทัศนคติที่ดีต่อบแรนด์ รวมถึงกระตุ้นให้ลูกค้าอยากไปทดลองขับรถของเราเพื่อสร้างประสบการณ์โดยตรง นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ที่จะบุกตลาดใหม่ในภูมิภาค เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมาย และเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จในรถพิคอัพ จากความสำเร็จในการเปิดตัว ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นย่อยใหม่ จำนวน 6 รุ่น นำโดย ฟอร์ด เรนเจอร์ เอฟเอกซ์ 4 และ 4 รุ่นใหม่ในกลุ่ม เอกซ์แอล และ เอกซ์แอลเอส ที่สามารถตอบรับกับความต้องการที่หลากหลายในการใช้งาน มอบราคาที่ดีที่สุดในเซกเมนท์ พร้อมทั้งความคุ้มค่า และเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค ฟอร์มูลา : การแข่งขันจะเป็นอย่างไร ? ณรงค์ : ภาพรวมของอุตสาหกรรมรถยนต์เกิดขึ้นจากการผลิต ซึ่งในปีนี้สภาอุตสาหกรรม ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ 2 ล้านคัน โดยแบ่งเป็นจำหน่ายในประเทศ 800,000 คัน ที่เหลือส่งออก การคาดการณ์ตลาดต้องรอดูสถานการณ์ระยะหนึ่ง เพราะหากความต้องการในประเทศมีมากเกินกว่าที่ตั้งเป้าไว้ก็ยังบริหารจัดการจากตลาดต่างประเทศ แต่ถ้าความต้องการไม่เป็นไปตามเป้า ก็จะมีการอัดแคมเปญส่งเสริมการขาย และสิ่งเหล่านี้ต้องดูปัจจัยหลายส่วน ฟอร์มูลา : คุณคิดว่า ฟอร์ด นับถึงปัจจุบัน ประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใดในประเทศไทย ? ณรงค์ : ฟอร์ด มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยให้มีความแข็งแกร่ง พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในระดับภูมิภาคและระดับโลก แผน ONE FORD ได้พลิกโฉมตลาด สร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจในประเทศไทย ซึ่ง ฟอร์ด มีจุดแข็ง คือ ตัวสินค้า ที่เป็นตัวชูธง หากเทียบรถ ฟอร์ด กับรถยนต์ในระดับเดียวกัน ฟอร์ด ได้เปรียบด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เหนือกว่า ฟอร์ด อาจจะไม่ใช่เจ้าตลาดแต่ยังคงตั้งเป้าเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี ถ้าวัดส่วนแบ่งทางการตลาด ถือว่า ฟอร์ด ประสบความสำเร็จอย่างมาก เนื่องจากเราเติบโตขึ้นทุกปี ในส่วนภาพลักษณ์ของบแรนด์และผลิตภัณฑ์ ก็มีรุ่น เรนเจอร์ และ เอเวอเรสต์ เป็นตัวนำ สร้างการจดจำของผู้บริโภคในฐานะรถที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัย เหนือคู่แข่งอื่นๆ และในราคาระดับเดียวกัน ส่วนปัจจัยที่ทำให้ ฟอร์ด ประสบความสำเร็จในเมืองไทย คือ มีความมุ่งมั่นในการเป็นสมาร์ทบแรนด์ชั้นนำระดับโลก ฟอร์ด จึงมีนโยบายที่จะนำนวัตกรรมใหม่มาใช้ในการวางกลยุทธ์อยู่เสมอ มีการนำเสนอด้านดิจิทอล มาร์เกทิง มาใช้สื่อสารแก่ผู้บริโภค เพื่อสร้างมุมมองการรับรู้และประสบการณ์ร่วมกับบแรนด์ ฟอร์ด ผ่านช่องทางใหม่ เพราะได้ศึกษาผู้บริโภคอย่างจริงจัง เข้าใจว่าลูกค้าต้องการอะไรและควรใช้ช่องทางใดในการสื่อสารกับผู้บริโภค สำหรับการเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ช่องทางดิจิทอลถือเป็นช่องทางที่สำคัญมาก ฟอร์ด จึงนำกลยุทธ์ DIGITAL FIRST มาใช้ในการเข้าถึงผู้บริโภคในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งคอนเทนท์ที่จะใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภคเป็นสิ่งที่ ฟอร์ด ให้ความสำคัญมาก ต้องมีความคิดสร้างสรรค์ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงบแรนด์ ฟอร์ด และมีประสบการณ์ร่วมกับบแรนด์ได้อย่างดียิ่งขึ้น ฟอร์มูลา : การสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค คุณมีแผนงานอย่างไร ? ณรงค์ : ฟอร์ด ยังคงเดินหน้าพัฒนาการบริการลูกค้า ขยายเครือข่าย เพิ่มศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมีการบริหารและจัดการลูกค้าแบบองค์รวม มีการปรับการทำงานในเชิงลึกเพื่อให้ทุกภาคส่วน ทั้งของ ฟอร์ด และผู้จำหน่ายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสานกันได้ดียิ่งขึ้น โดยมุ่งเน้นพัฒนา 3 ส่วน คือ ความสะดวกในการรับบริการของลูกค้า คุณภาพการให้บริการ และปรับภาพลักษณ์ผู้บริโภคที่มีต่อบแรนด์ ฟอร์ด ในด้านการบริการ ที่ผ่านมา ฟอร์ด เปิดให้บริการ "60 MINUTES EXPRESS SERVICE GUARANTEED ONLINE BOOKING" ให้ลูกค้านัดหมายเข้ารับบริการตรวจเชคตามระยะผ่านระบบ ONLINE BOOKING แบบเรียลไทม์ และรับประกันการให้บริการเสร็จภายในเวลา 60 นาที หากไม่สามารถให้บริการเสร็จตามกำหนด ลูกค้าจะได้รับบริการฟรี ซึ่งลูกค้าสามารถนัดเข้ารับบริการได้ตลอด 7 วัน ที่โชว์รูมและศูนย์บริการ 30 แห่งในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เพื่อยกระดับประสบการณ์การให้บริการที่รวดเร็ว สะดวกสบาย และมีคุณภาพที่ดีที่สุด ฟอร์มูลา : แผนการพัฒนาโชว์รูมพร้อมศูนย์บริการ ? ณรงค์ : ที่ผ่านมา ฟอร์ด มีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และสร้างความแตกต่างและการบริการให้ลูกค้าได้เข้าถึงศูนย์บริการได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมถึงการพัฒนามาตรฐานการบริการอย่างเข้มข้น เพราะเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างประสบการณ์และความประทับใจอันยอดเยี่ยมให้ลูกค้า โดย ฟอร์ด ยังเดินหน้ายกระดับโชว์รูมและศูนย์บริการ ภายใต้แนวคิดและมาตรฐาน BRAND@RETAIL II ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของ ฟอร์ด ในการเป็นสมาร์ทบแรนด์ และสมาร์ทเซอร์วิศ ปัจจุบัน ฟอร์ด มีโชว์รูมและศูนย์บริการประมาณ 140 แห่งทั่วประเทศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดย ฟอร์ด ยังได้ขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการในจุดยุทธศาสตร์สำคัญของกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลักอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับกับการเติบโตของลูกค้าในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าในทุกจุดการให้บริการ โดยตั้งใจให้โชว์รูมและศูนย์บริการของ ฟอร์ด เป็นสถานที่สร้างประสบการณ์ที่ดีระหว่างลูกค้ากับบแรนด์ มีการนำนวัตกรรมด้านบริการและเทคโนโลยีมาช่วยพัฒนาบริการและเพิ่มช่องทางใหม่ ด้านการพัฒนาคุณภาพการบริการ จะให้พนักงานทุกภาคส่วนทำงานบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความเชี่ยวชาญ โดยจะมีการฝึกอบรมที่ศูนย์การเรียนรู้ FORD ACADEMY การจัดแข่งขันทักษะด้านการขายการบริการประจำปี โครงการ CONSUMER EXPERIENCE MOVEMENT หรือ CEM โครงการยกระดับประสบการณ์ลูกค้าของ ฟอร์ด ทั่วโลกผ่านการสร้างวัฒนธรรมองค์กร เพื่อผลักดันให้พนักงานของผู้จำหน่ายมีความผูกพันกับองค์กรและบแรนด์ รวมทั้ง ยังได้จัดทำโครงการ THE PRESIDENT CLUB AWARD เพื่อผลักดันให้ผู้จำหน่ายได้พัฒนาศักยภาพได้ตามเป้าหมาย ซึ่งการพัฒนาบริการลูกค้าแบบองค์รวม ถือเป็นการมุ่งเน้นการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในระยะยาว เพราะการเติบโตอย่างยั่งยืนจะต้องผนวกรวม ทั้งผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และการบริการที่ดี ซึ่งการพัฒนาครั้งนี้จะทำให้ลูกค้าเห็นผล สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง และนำไปสื่อสารต่อ เพื่อปรับภาพลักษณ์ในด้านบริการของ ฟอร์ด ให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2560
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/167947