อีโคคาร์ 2 ส่อเค้าว่าจะไม่ราบรื่นมาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ เพราะบังเอิญไปเจอวิกฤตการเมืองพอดี ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้ แต่ที่น่าห่วง คือ จนบัดนี้ บีโอไอ เพิ่งพิจารณาอนุมัติเพียงรายเดียว จากจำนวนผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมทั้งรายเก่ารายใหม่รวม 10 รายเรื่องนี้ บีโอไอ ให้เหตุผลว่า เป็นเพราะแผนการลงทุนของแต่ละรายต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการก่อนว่าสอดคล้องกับมาตรฐานกลางหรือไม่ จึงจะเสนอให้บอร์ดอนุมัติต่อไป พูดง่ายๆ ว่ามีขั้นตอนการพิจารณาที่ละเอียดกว่าเดิม เลยต้องใช้เวลามากขึ้น แถมอาจไม่อนุมัติครบทุกราย โดยขณะนี้ บีโอไอ ได้ขอข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมไปแล้วหลายราย จริงๆ แล้ว ผมเห็นด้วยที่ บีโอไอ จะดำเนินการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ แต่ไม่ควรใช้เวลานานเกินไป เพราะหลังได้รับอนุมัติแล้วยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก ที่สำคัญ คือ ควรอนุมัติโครงการพร้อมกัน เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างกัน เพราะแต่ละโครงการต้องใช้เงินลงทุนนับหมื่นล้านบาท และยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ อย่างเคร่งครัด ทั้งด้านเทคโนโลยี และปริมาณการผลิต ซึ่งรายที่ผ่านการอนุมัติไปก่อนนานๆ จะได้เปรียบมาก เนื่องจากสามารถวางแผนพัฒนา จนถึงขั้นดำเนินการผลิต และออกจำหน่ายได้ก่อนใคร นอกจากนี้ ยังมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุใดหนึ่งเดียวที่ผ่านด่าน บีโอไอ จึงได้รับการอนุมัติในนามของโรงงานประกอบ ไม่ใช่บริษัทผู้ผลิตยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่ง เรื่องนี้อยากให้ บีโอไอ เปิดเผยว่ารายละเอียดที่ยื่นขอเป็นอย่างไร ยิ่งกว่านั้น ผู้ได้รับการอนุมัติยังเป็นรายใหม่ที่เพิ่งเสนอตัวในเฟส 2 ขณะที่ เจ้าเก่า จากเฟส 1 กลับยังไม่ผ่านการอนุมัติสักรายเดียว ทั้งๆ ที่น่าจะพิจารณาง่ายกว่าเพราะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และเชื่อถือได้อยู่แล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ ครับ ผมว่า บีโอไอ ควรเร่งพิจารณาอนุมัติให้เบ็ดเสร็จในคราวเดียวกันไปเลย ยกเว้นรายที่มีปัญหาจริงๆ ยังอนุมัติไม่ได้ ก็แถลงแจงเหตุออกมาให้ชัดเจน ส่วนครั้งต่อไป ถ้าคิดจะส่งเสริมอีก ขอเป็นรถประเภทอื่นบ้าง เพราะอีโคคาร์ ร่วม 10 เจ้าในตลาดนี่มากเกินพอแล้ว อย่าให้เหมือนน้ำมันแกสโซฮอล ที่เพิ่งเริ่ม อี 10 ได้ไม่นาน ก็หันไปสนับสนุน อี 20 และอี 85 จนทั้งคนใช้ และบริษัทรถยนต์ปรับตัวกันแทบไม่ทัน หลังจาก รถคันแรก และ อีโคคาร์ 2 แล้ว ถ้ารัฐจะเลิกวุ่นวายกับอุตสาหกรรมยานยนต์สัก 5-10 ปี ก็ไม่มีใครเดือดร้อนหรอกครับ
บทความแนะนำ