ชีวิตอิสระ(4wheels)
นมัสการพระพุทธบาทพลวง
พุทธศาสนิกชนชาวไทย เชื่อกันว่าหากได้ขึ้นไปสักการะขอพรกับพระพุทธบาทพลวง บนเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี แล้วจะสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ
"ชีวิตอิสระ" ฉบับนี้ เดินทางไปสักการะรอยพระพุทธบาท และชมความงามของน้ำตกกระทิง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ
เดินทางสบายๆ
สไตล์ โมบิลีโอ
พาหนะของเราในการเดินทางครั้งนี้ คือ ฮอนดา โมบิลีโอ รถครอบครัวยุคใหม่ที่นั่งได้ถึง 7 คน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 120 แรงม้า (เครื่องเดียวกับ แจซซ์ และซิที) ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ CVT ให้กำลังพอตัว
ระยะทางจากกรุงเทพ ฯ ถึงจันทบุรี ประมาณ 200 กม. ไม่ทำให้เราเหนื่อยเลย อาจเพราะ โมบิลีโอ ถูกเซทช่วงล่างมาอย่างลงตัว ให้ความมั่นใจขณะเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี เราเลือกใช้ทางหลวงหมายเลข 7 (มอเตอร์เวย์) ผ่านอำเภอบ้านบึง มุ่งสู่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง จากสามแยกแกลงเลี้ยวซ้าย ใช้ถนนสุขุมวิท (หมายเลข 3) เรื่อยไปจนถึงสี่แยกเขาไร่ยา (แยกเข้าตัวเมืองจันทบุรี) บริเวณหลัก กม. ที่ 324 เลี้ยวซ้ายเขาถนนบำราศนราดูรไปอีกประมาณ 20 กม. ก็จะถึงน้ำตกกระทิง ถ้าจะไปเขาคิชฌกูฏให้ตรงไปทางวัดกระทิง เลยวัดกระทิงจะมีแยก เลี้ยวขวาไปวัดพลวง เป็นถนนลูกรังระยะทาง 3 กม. เมื่อพ้นแล้วก็จะถึงจุดรับฝากรถบริเวณวัดพลวง
จอดรถต่อสองแถว
สองมือจับราวสองเท้ายึดพื้น
การเดินทางขึ้นเขาคิชฌกูฏนั้น ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นไป ต้องนั่งรถที่จัดเตรียมไว้เท่านั้น เนื่องจากเป็นทางแคบคดเคี้ยว และลาดชัน คนขับขึ้นได้ต้องมีประสบการณ์สูง ค่าโดยสารคนละ 50 บาท/เที่ยว ถ้าขึ้นที่วัดพลวงต้องต่อรถ 2 ครั้ง (100 บาท) แต่ถ้าขึ้นที่วัดกระทิงก็ต่อเดียวถึงเลย (ราคา 100 บาทเท่ากัน) รวมแล้วไป/กลับคนละ 200 บาท
เขาคิชฌกูฏนั้นสามารถขึ้นได้ตลอด 24 ชม. เราเลือกขึ้นตอนตี 3 เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนเขา เราโชคดีที่นอนใกล้จุดขึ้นรถวัดพลวง สามารถจอดรถไว้ที่พักได้เลย หลังจากซื้อตั๋วเสร็จ ก็นั่งท้ายรถกระบะ รับอากาศเย็นสบาย
รถ 1 คัน สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 12 คน มือจับราวไว้ให้มั่น เพราะทางค่อนข้างชันและเหวี่ยงพอดู นั่งสักพัก ก็ถึงพระเจดีย์กลางเขา จุดต่อรถคิวบน ต้องซื้อตั๋วอีกครั้ง (50 บาท) แล้วนั่งรถต่อที่ 2 ขึ้นไปจนสุดถนน ช่วงนี้เหวี่ยงเยอะหน่อยแต่ไม่นานก็ถึง
เดินเท้า
ตามรอยพระพุทธบาทพลวง
เมื่อมาถึงจุดเดินเท้าแล้ว สิ่งที่ต้องเตรียมซื้อขึ้นไป (มีขายตลอดทาง) คือ ดอกดาวเรือง (ใช้เฉพาะกลีบเท่านั้น) ธูป เทียน ทองคำเปลว รวมถึงผงพลอยประจำวันเกิด และปีเกิด เพื่อนมัสการรอยพระพุทธบาท และพระพุทธรูปที่เรียงรายตลอดสองข้างทาง
ทางเดินจะมีทางแยกขึ้น/ลงชัดเจน ส่วนใหญ่เป็นทางลาดขึ้นเขาและขั้นบันได ใครที่มาอาจต้องฟิทร่างกายไว้บ้าง สำหรับคนเฒ่าคนแก่ที่เดินไม่ไหว สามารถนั่งเสลี่ยงให้ลูกหาบแบกขึ้นไปได้ ระหว่างทางมีที่ให้นั่งพักเป็นระยะๆ และมีกองบุญจำหน่ายมากมาย เช่น หิน ทราย ความหมายคือ การนำหิน, ทราย ขึ้นไปสู่ยอดเขาคิชฌกูฏ เพื่อใช้ในการซ่อมแซม สร้างบูรณะที่พักสงฆ์ ฯลฯ จะได้บุญกุศลมาก คนจำนวนไม่น้อยซื้อขึ้นไปคนละถุงสองถุง อย่างไม่ปริปากบ่น
การไปวันธรรมดา เป็นเวลาดีที่สุดเพราะคนไม่เยอะมาก เดินสบาย ระหว่างทางมีจุดให้โปรยดอกดาวเรืองเป็นระยะ จะเห็นคนเอาด้านบนของธูปปักลงพื้น ให้ก้านธูปโค้งงอตามโขดหิน (มีความเชื่อว่า ถ้าปักธูปในลักษณะนี้ได้ แสดงว่าเป็นผู้มีบุญ และการขอพรจะสำเร็จ) ถ้าเจอระฆังแถวยาว ก็เคาะเสียหน่อย เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจ มีแรงสู้ต่อจนถึงยอดเขา
เดินมาสักพักเราก็เห็นป้ายบอกทางไปสวรรค์ อย่าเพิ่งตกใจ สวรรค์ที่ว่าหมายถึงจุดหมายปลายทางนี่เอง ภาพแรกที่เห็น คือ ผู้คนจำนวนมากกำลังนั่งลงกับพื้น มือพนมขึ้นพร้อมกับดอกไม้ธูปเทียน ปากก็พูดตามพระสงฆ์ที่กำลังนำสวดถึงบทบูชาต่างๆ ชาวบ้านที่มามีความเชื่อว่า การมาขอพรที่นี่จะทำให้สมปรารถนา แต่ขอได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น และแล้วเราก็แอบขอเหมือนเขาด้วย
เราเดินทางมาถึงจุดนี้ ระยะทางประมาณ 1.2 กม. ช่วงนี้ใกล้สว่างแล้ว มีหมอกปกคลุมทั่วบริเวณ อากาศเย็นพอสมควร แต่พุทธศาสนิกชนก็ไม่หวั่น นั่งฟังหลวงพ่อเทศน์ รอจนทำพิธีขอพรเสร็จสรรพแล้วจึงทยอยกันเข้าไปสักการะรอยพระพุทธบาท
รอยพระพุทธบาทพลวง ที่ประดิษฐานอยู่บนเขาคิชฌกูฏ มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ กว้าง 1 ม. ยาว 2 ม. สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 ม.
แสงแห่งรุ่งอรุณสาดลงกระทบหินบาตรคว่ำ (หินก้อนใหญ่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาคิชฌกูฏ) ท่ามกลางไอหมอกบางๆ ช่างสวยงามจับใจ ทำให้ทีมงานทุกคนหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ความเป็นมา
เขาคิชฌกูฏ
เขาคิชฌกูฏ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ตำบลพลวง กิ่งอำเภอเขาคิชฌกูฏ จังหวัดจันทบุรี ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กม. เป็นที่ประดิษฐานของรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดในประเทศไทย ค้นพบโดยชาวบ้านที่ชื่อนายติ่ง บนยอดเขาพระบาท ห่างจากที่ทำการอุทยาน ฯ ประมาณ 4 กม. และห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กม.
ประเพณีเดินขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ สืบทอดกันมานาน เชื่อว่าผู้เข้าร่วมจะได้บุญสูง และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทน ความเพียร และความศรัทธา ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้ปัจจุบันจะมีรถบริการระยทาง 8 กม. ให้ประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังมีช่วงที่ต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีก 1.2 กม.
จุดสักการะขอพร เขาคิชฌกูฏ
การสักการะขอพรเขาคิชฌกูฏนั้น มีขั้นตอนและวิธีการชัดเจน โดยกำหนดจุดไหว้ไว้ 8 จุด และจุดขอพรอีก 5 จุด แต่มีข้อแม้อยู่ว่า "ตลอดการเดินทางขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะต้องขอพรได้เพียง 1 ข้อเท่านั้น !"
จุดแรก "ต้นโพธิ์ พระบาตรจำลอง" จุดนี้อยู่บริเวณวัดพลวง ควรสักการะก่อนขึ้นรถสองแถว เพื่อขอพรให้เดินทางปลอดภัย และเพื่อความเป็นสิริมงคล
จุดที่ 2 "ไหว้พระปางต่างๆ 9 รูป" ด้วยการปิดทอง และตั้งจิตขอพรให้ครบ 9 ครั้ง 9 รูป เพื่อขอพรให้คุณพระศรีรัตนตรัยคุ้มครอง
จุดที่ 3 "หลวงปูนัง" (ขอพรครั้งที่ 1) พระครูพุทธบริบาล อดีดเจ้าอาวาสวัดพลวง ครูบาอาจารย์ที่มีวัตรอันงดงาม ผู้แสวงบุญต้องมากราบสักการะโดยตั้งสัจจะในสิ่งที่ต้องการ
จุดที่ 4 "ประพรมน้ำพระพุทธมนต์" เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ทำให้เราแคล้วคลาด ปลอดภัย
จุดที่ 5 "ศาลาพระนอน" (ขอพรครั้งที่ 2) ตั้งสัจจะอธิฐานพระอภิบาลมงคลพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ แล้วกราบไหว้ ปิดทอง
จุดที่ 6 "พระเจดีย์" (ขอพรครั้งที่ 3) จุดนี้เรียก "ศิวรถลานพระเจดีย์" หรือ ที่พักกลางเขา โดยมีก้อนหินใหญ่รูปร่างคล้ายพระเจดีย์ ให้ถวายธูปเทียน และกราบขอพร
จุดที่ 7 "พระสีวลี" (ขอพรครั้งที่ 4) ให้ถวายธูปเทียนแด่องค์พระสีวลี พระสาวกผู้เป็นเลิศในลาภ สักการะด้วยการโปรยกลีบดาวเรือง หรือปักก้านธูปคว่ำ แล้วขอพร
จุดที่ 8 "พระสีหไสยาสน์"(ขอพรครั้งที่ 5) นับเป็นจุดสุดท้าย พระนอนหินอยู่กลางทางเดินคล้ายพระพุทธรูปทรงบรรทมหงาย ต้องจุดธูปเทียน และอธิฐานขอพร
น้ำตกกระทิง
แหล่งต้นน้ำจันทบุรี
น้ำตกกระทิง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ที่มีต้นกำเนิดมาจากอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ มีความสูง 13 ชั้น โดยรอบของน้ำตกกระทิงมีพื้นที่ประมาณ 58 ตร.กม. ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าผลัดใบ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยพันธุ์ไม้ต่างๆ รวมถึงสัตว์นานาชนิด ถือเป็นแหล่งต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี เส้นทางเดินขึ้นน้ำตกแต่ละชั้นมีระยะห่างกันประมาณ 20 ม.
เราเดินเท้าชื่นชมความงามของน้ำตกกระทิงในชั้นต่างๆ จนถึงชั้นที่ 8 ก็ต้องหยุด เพราะเจ้าหน้าที่บอกเราว่า ด้านบนช่วงเวลานี้น้ำจะน้อย เราเลยตัดสินใจไม่ไปต่อ ได้แต่เก็บเกี่ยวบรรยากาศที่สวยงามไว้แค่ชั้นนี้
คุกขี้ไก่
ตั้งอยู่ใกล้ตึกแดง ที่ตำบลปากน้ำแหลมสิงห์ ก่อนถึงท่าเทียบเรือ 1 กม. สร้างโดยทหารฝรั่งเศสเมื่อปี 2436 (รศ. 112) เมื่อฝรั่งเศสได้เข้ายึดจันทบุรี เพื่อใช้กักขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นหอสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้างยาวด้านละประมาณ 4.40 ม. สูงประมาณ 7 ม. มีช่องระบายอากาศอยู่สองแถว หลังคาโปร่ง แบ่งเป็น 2 ชั้น โดยชั้นบนใช้เป็นที่เลี้ยงไก่ ซึ่งจะถ่ายมูลราดหัวศีรษะนักโทษที่ถูกคุมขังอยู่ข้างล่างตลอดเวลา ทางเข้าเป็นประตูเตี้ยๆ ระดับเอว ต้องคลานเข้าไปเท่านั้น
ตึกแดง
เป็นอาคารฝรั่งเศส สร้างขึ้นเมื่อปี 2436 โดยทำลายป้อมพิฆาตข้าศึกลงและก่อสร้างตึกแดงทับไว้ เพื่อใช้เป็นกองรักษาการณ์ และเป็นที่พักนายทหารที่รักษาการณ์ปากน้ำแหลมสิงห์ ตึกแดงเป็นอาคารชั้นเดียว สร้างด้วยอิฐถือปูน กว้าง 7 ม. ยาว 32 ม. โครงหลังคาเป็นเหล็กรางรถไฟ หลังคากระเบื้องดินเผาสีแดง ประตูเปิดถึงกันหมด ประกาศเป็นโบราณสถานของชาติตั้งแต่ปี 2528
ที่กิน
มาเยือนเมืองจันทบุรีทั้งที อาหารขึ้นชื่อที่พลาดไม่ได้ คือ "หมูชะมวง" เรามุ่งตรงไปที่ร้าน "จันทรโภชนา" ร้านเก่าแก่ของจันทบุรี ตั้งอยู่ที่ถนนเบญจมราชูทิศ ทางไปตลาดน้ำพุ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เป็นร้านอาหารที่ได้รสชาติคนจันท์แท้ๆ นอกจากนี้ยังมี น้ำพริกปูไข่ และเส้นจันท์ผัดไข่ปู ที่ทั้งหอม ทั้งอร่อย ทำให้มีลูกค้าแน่นตลอดทั้งวัน
ที่นอน
อำเภอเขาคิชฌกูฏ มีที่พักสวยๆ เกิดใหม่มากมาย ราคาที่พักเริ่มตั้งแต่ 500-1,000 บาท แล้วแต่ทำเลและสิ่งอำนวยความสะดวก ทริพนี้เราเลือก "บ้านพักน้องโอมเพี้ยง" อยู่ห่างจากวัดพลวง เพียง 100 ม. ราคาบ้านพักหลังละ 950 บาท/คืนเท่านั้น
ขอขอบคุณ
บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เอื้อเฟื้อพาหนะสำหรับการเดินทางครั้งนี้
เรื่องโดย : ปาร์จารีย์ ทัศนชลีจิระโชติ
ภาพโดย : สายชล อรรถาเวช
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : ชีวิตอิสระ(4wheels)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/13085