ระเบียงรถใหม่
TOYOTA MIRAI
TOYOTA MIRAI
ยอดรถพลังไฟฟ้า ไม่พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
จำได้แม่นว่าเมื่อ 20 กว่าปีก่อนตอนที่เดินทางไปเยือนเมืองยุ่นร่วมกับคณะของ ฮอนดา แห่งประเทศไทย มีโอกาสพูดคุยอย่างใกล้ชิดกับผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งของ ฮอนดา แห่งประเทศญี่ปุ่น คุยกันมากมายหลายเรื่อง แต่เรื่องเดียวที่ติดแน่นอยู่ในความทรงจำตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ก็คือ เมื่อผู้เขียนตั้งคำถามเป็นภาษาอังกฤษว่าอนาคตของรถยนต์ขึ้นอยู่กับอะไร ? คำตอบที่หลุดจากปากของผู้บริหารท่านนั้น คือ ไฮโดรเจน
เมื่อ 20-30 ปีก่อน รถยนต์ที่วิ่งไปไหนมาไหนได้โดยผู้ขับไม่จำเป็นต้องเสียเวลาแวะเข้าปั๊มน้ำมันเพื่อเสียเงินเติมเชื้อเพลิง เพราะเป็นรถยนต์ที่วิ่งด้วยพลังของแกสไฮโดรเจน ดูเป็นเรื่องไกลจนเกินใฝ่เกินฝัน แต่ปีนี้ วันนี้ เวลานี้ รถยนต์อย่างที่ว่าเกิดขึ้นแล้ว และมีขายแล้วจริงๆ แม้ว่าเป็นการเกิด และการขายในบ้านเขาไม่ใช่บ้านเราก็ตาม ที่น่าคิดต่อเนื่องกันไปก็คือ ในอีก 20-30 ปี ข้างหน้ารถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของเชื้อเพลิงฟอสซิลอาจจะพบได้ก็แต่ในพิพิธภัณฑ์ และตามท้องถนนจะมีก็แต่รถยนต์ที่ติดตั้งถังบรรจุแกสไฮโดรเจน
เคยถามตัวเองว่าแกสไฮโดรเจนที่ใช้ในรถยนต์นั้นได้มาจากไหน ? เมื่อตอบตัวเองไม่ได้ จึงต้องขวนขวายหาความรู้จากคอมพิวเตอร์ ก็ได้คำตอบว่า ไฮโดรเจนไม่ใช่แกสที่พบได้ในอากาศทั่วๆ ไปเหมือนไนโตรเจนที่มีอยู่ในอากาศถึงร้อยละ 78 และออกซิเจน ซึ่งมีอยู่ร้อยละ 21 ในโลกใหญ่ใบนี้ไฮโดรเจนมีอยู่มากมายมหาศาลในน้ำ ซึ่งมีสูตรเคมีว่า H2O ในไฮโดรคาร์บอน และในสารอินทรีย์อื่นๆ การดึงไฮโดรเจนออกจากแหล่งที่มาเหล่านี้ มีกรรมวิธีอยู่มากมายเขียนได้เป็นตำรับตำราเล่มใหญ่
เดือนนี้ "ระเบียงรถใหม่" นำเรื่องราวของรถพลังไฮโดรเจนมาเล่าสู่กันฟัง 2 ชุด ตามติดด้วยรถพลังงานทดแทนแบบอื่นๆ อีก 4 คัน มีทั้งรถที่ไม่ต้องพึ่งพาอาศัยเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกแล้ว เพราะใช้พลังไฟฟ้าล้วนๆ และที่ยังจำเป็นต้องอาศัยอยู่บ้างเพราะติดตั้งระบบขับไฮบริด
เริ่มกันที่รถติดป้ายชื่อ โตโยตา มิราอิ (TOYOTA MIRAI) รถพลังไฮโดรเจนแบบแรกของยักษ์ใหญ่เมืองยุ่น ซึ่งเพิ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองแม่เมื่อวันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2014 พร้อมกับป้ายค่าตัว ซึ่งเริ่มต้นที่ 7,236,000 เยน หรือเท่ากับประมาณ 2,030,000 บาทไทย ชื่อรุ่นของรถเป็นภาษาญี่ปุ่นซึ่งให้ความหมายดีมาก คือ ตรงกับ FUTURE ในภาษาอังกฤษ หรือ อนาคต ในภาษาไทย
เป็นรถหน้าตาดี ในตัวถังยาว 4.890 ม. กว้าง 1.815 ม. สูง 1.535 ม. ซึ่งออกแบบให้นั่งได้รวม 4 คน มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.29 มีสีตัวถังให้เลือกรวม 6 สี คือ สีฟ้า สีทอง สีเงิน สีเขียวเข้ม สีแดง สีน้ำเงิน และมีสีห้องโดยสารรวม 3 สี
เป็นรถขับล้อหน้าด้วยระบบขับที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองยุ่นตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า TOYOTA FUEL CELL SYSTEM หรือ TFCS และอวดสรรพคุณว่า เป็นระบบขับที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพกว่าระบบขับที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบใดๆ แถมไม่มีคาร์บอนไดออกไซด์ หรือไอพิษใดๆ อีกต่างหาก ระบบขับดังกล่าวนี้ประกอบด้วยชิ้นส่วนหลัก 4 ส่วน คือ 1. อุปกรณ์ก่อเกิดพลังงานซึ่งเรียกกันในภาษาอังกฤษว่า FUEL CELL STACK 2. อุปกรณ์เพิ่มแรงดันไฟฟ้าซึ่งมีชื่อในภาษาอังกฤษว่า FUEL CELL BOOST CONVERTER 3. ถังบรรจุไฮโดรเจนความดันสูง 4. มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 113 กิโลวัตต์/151 แรงม้า
FUEL CELL STACK อันเป็นอุปกรณ์ที่ก่อเกิดพลังงานไฟฟ้าจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจน และมีผลพลอยได้เป็นน้ำกับความร้อนนี้มีอยู่หลายชนิด ชนิดที่ โตโยตา เลือกใช้มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า POLYMER ELECTROLYTE FUEL CELL ให้พลังสูงสุด 114 กิโลวัตต์/155 แรงม้า พลังไฟฟ้าที่ได้นี้จะเพิ่มความดันเป็น 650 โวลท์ ด้วย FUEL CELL BOOST CONVERTER ซึ่งมีขนาดเล็กกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูง
ถังบรรจุไฮโดรเจนซึ่งมีรูปทรงเหมือนแคพซูลบรรจุยามีอยู่ 2 ถัง ถังหนึ่งจุ 60.0 ลิตร อีกถังหนึ่งจุ 62.4 ลิตร รวม 2 ถังมีน้ำหนักประมาณ 90 กก. และบรรจุไฮโดรเจนได้หนักประมาณ 5.0 กก. ทั้ง 2 ถังออกแบบให้แข็งแรงเป็นพิเศษ เพราะต้องเก็บแกสนี้ที่ความดันสูงถึง 700 เท่าของความดันบรรยายกาศ (ประมาณ 10,000 ปอนด์/ตารางนิ้ว หรือ 68,950,000 นิวตัน/ตารางเมตร) ผนังซึ่งหนาประมาณ 3 ซม. ทำเป็น 3 ชั้น ชั้นในสุดทำจากพลาสติคเพื่อป้องกันการรั่วไหล ชั้นกลางซึ่งเป็นโครงสร้างหลักทำจากพลาสติคเสริมความแข็งแรงด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ ส่วนเปลือกนอกสุดเป็นพลาสติคเสริมไฟเบอร์กลาสส์เพื่อป้องกันการขีดข่วนจากภายนอก เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นเนื่องจากแกสรั่ว จึงติดตั้งถังไฮโดรเจนและอุปกรณ์ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับแกสนี้ไว้ภายนอกห้องโดยสาร
กล่าวโดยสรุปเมื่อเติมไฮโดรเจนเต็ม 2 ถัง โดยใช้เวลาประมาณ 3-5 นาที โตโยตา มิราอิ จะวิ่งได้ไกลประมาณ 650 กม. (เมื่อวัดตามมาตรฐาน JC08) โดยที่สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 กม./ชม. ในเวลา 9.0 วินาที และความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม. ที่พยายามหาข้อมูลแต่ยังหาไม่ได้เลยก็คือ เติมไฮโดรเจนแต่ละครั้งจากปั๊มซึ่งหน้าตาคล้ายปั๊มน้ำมันอย่างที่เห็นในภาพ จะเสียเงินเท่าไร ?
บางท่านอาจสงสัยว่า เกิดผู้ขับเอ้อระเหยเผลอไผล หรือเผอเรอจนแกสหมดถังก่อนถึงจุดเติมจะทำยังไง ? ก็ขอบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงเพราะผู้ผลิตเขาคิดไว้เรียบร้อยแล้ว คือ เขาทำเครื่องป้อนไฟฉุกเฉินที่เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า EXTERNAL POWER SUPPLY SYSTEM ไว้ให้ด้วย เป็นอุปกรณ์พิเศษที่ต้องเสียเงินซื้อ ไม่ใช่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานไว้ในรถ อุปกรณ์ป้อนไฟนี้มีปริมาณไฟประมาณ 60 กิโลวัตต์ชั่วโมง และให้กำลังสูงสุด 9 กิโลวัตต์ ช่วยให้รถวิ่งกลับบ้านได้โดยไม่ต้องจอดนอนข้างถนน
ยักษ์ใหญ่เมืองยุ่นมอบ โตโยตา มิราอิ คันแรกให้แก่ ชินโสะ อาเบะ (SHINZO ABE) นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น และตั้งเป้าหมายไว้ว่าก่อนสิ้นปี 2015 จะขายรถแบบนี้ในญี่ปุ่นรวม 400 คัน ปรากฏว่ามีผู้สั่งจองถึง 1,500 คัน ในเดือนแรกที่ออกขาย โตโยตา จึงประกาศเมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าจะเพิ่มการผลิต จาก 700 คัน ในปี 2015 เป็นประมาณ 2,000 คัน ในปี 2016 และเป็นประมาณ 3,000 คัน ในปี 2017 สถานที่ผลิตรถแบบนี้ คือ โรงงานโมโตมาชิ (MOTOMACHI PLANT) ในญี่ปุ่น
TOYOTA MIRAI
* รถไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงค่าตัว 7.236 ล้านเยน
* ตัวถัง 4.890x1.815x1.535 ม. นั่งได้ 4 คน
* มอเตอร์ไฟฟ้า 113 กิโลวัตต์/154 แรงม้า
* เติมไฮโดรเจน 5 กก. วิ่งได้ไกลถึง 650 กก.
* ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : ระเบียงรถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/13034