สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์
เอมจี รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีอายุกว่า 90 ปี เข้ามาเปิดตลาดในบ้านเรา โดยการลงทุนของยักษ์ใหญ่ ซีพี พร้อมวางเป้าหมายเป็นรถยนต์ในใจผู้บริโภคชาวไทย "ฟอร์มูลา" สัมภาษณ์พิเศษ พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองประธาน บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
ฟอร์มูลา : บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอมจีในประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อใด ?
พงษ์ศักดิ์ : บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 มีทุนจดทะเบียน 2,000 ล้านบาท โดยเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คือ เซี่ยงไฮ้ ออโทโมทีฟ อินดัสตรี คอร์พอเรชัน (SHANGHAI AUTOMOTIVE INDUSTRY CORPORATION) หรือ เอสเอไอซี ถือหุ้นร้อยละ 51 และเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ถือหุ้นร้อยละ 49 โดยมีศูนย์การผลิตรถยนต์ เอมจี ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด จังหวัดชลบุรี เพื่อผลิตรถยนต์ เอมจี พวงมาลัยขวาส่งขายไปยังตลาดทั้งในประเทศและตลาดอาเซียน ในส่วนของการจัดจำหน่าย บริษัท ฯ ได้ก่อตั้งบริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อดูแลงานด้านการตลาด การขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และการบริการหลังการขาย
MG ย่อมาจาก MORRIS GARAGES เป็นบแรนด์รถยนต์สัญชาติอังกฤษที่ถือกำเนิดขึ้นในปี 2467 และบริษัท SAIC จากประเทศจีนได้เข้ามาซื้อกิจการใน ปี 2548 แต่การดำเนินงานยังคงอยู่ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาและออกแบบ รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ บแรนด์ MG จึงเป็นการผสมผสานเทคโนโลยียานยนต์ของยุโรปกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดหาชิ้นส่วน และการควบคุมคุณภาพจาก SAIC ทั้งนี้ MG เป็นที่รู้จักมากที่สุดจากการผลิตรถยนต์สปอร์ทเปิดประทุน 2 ที่นั่ง อีกทั้งมีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลหลายรุ่นที่ส่งไปจำหน่ายทั่วโลก
ฟอร์มูลา : เพราะเหตุใด เอสเอไอซี มอเตอร์ ฯ จึงตัดสินใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ?
พงษ์ศักดิ์ : เอมจี ในอดีตมีบริษัทนำเข้ามาจำหน่ายระยะหนึ่ง แต่ก็ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักเท่าไรนัก และก็หายไป ส่วนการลงทุนในประเทศไทยนั้น เอสเอไอซี ฯ มองว่าตลาดในประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมีความตื่นตัว และมีผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพ มีความหลากหลาย ซึ่งการลงทุนในประเทศไทยไม่ได้มองเฉพาะตลาดในไทยอย่างเดียว แต่มองถึงตลาดในภูมิภาคอาเซียนที่ใช้รถพวงมาลัยขวา
ฟอร์มูลา : การเปิดตลาดในประเทศไทยใช้งบลงทุนไปเท่าใด ?
พงษ์ศักดิ์ : ในประเทศไทย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ลงทุนกว่า 9,000 ล้านบาท ตั้งฐานการผลิตในไทย โดยตั้งโรงงานประกอบรถยนต์พวงมาลัยขวาในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์น ซีบอร์ด ในเฟส 1 มีกำลังการผลิต 55,000 คัน/ปี ในเบื้องต้นซึ่งถือว่าเหมาะสมกับแผนธุรกิจ และในอีก 5 ปี มีแผนที่จะลงทุนเฟส 2 คาดว่ากำลังการผลิตจะเพิ่มเป็น 200,000 คัน
ฟอร์มูลา : นโยบายและแผนงานด้านการผลิตเป็นอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : ด้านการผลิตรถยนต์รุ่นแรกที่ออกจากสายการผลิต เอมจี 6 ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ 40 % ส่วนการผลิตรถยนต์ เอมจี 3 ใช้ชิ้นส่วนในประเทศเกือบ 50 % และมีแผนจะเพิ่มเป็น 60 % ในเร็วๆ นี้ อย่างไรก็ตาม บริษัท ฯ มีเป้าหมายที่จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 100 % ทั้งนี้เพื่อให้ราคาแข่งขันในตลาดได้ หากมองภาพรวมของการผลิตรถยนต์ในประเทศไทยเฉลี่ยรถยนต์นั่งจะใช้ชิ้นส่วนในประเทศประมาณ 75 % ส่วนรถพิคอัพ เกือบ 100 %
ทั้งนี้เพื่อให้บแรนด์ประสบความสำเร็จ อันดับแรกจะต้องสร้างบแรนด์โดยเน้นที่ตัวสินค้าให้ต่อสู้กับบแรนด์อื่นๆ ซึ่งวางตำแหน่งสินค้าไว้ในราคาที่เหมาะสม พร้อมด้วยคุณภาพมาตรฐานควบคู่กับการบริการ เพื่อให้บแรนด์เป็นที่รู้จักแก่ผู้บริโภค ถือเป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้ในตลาด
สำหรับงานบริการคงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องควบคู่กับการขยายตัวแทนจำหน่าย โดยหากจะให้การลงทุนเปิดโชว์รูมและศูนย์บริการคุ้มค่าจะต้องมีสินค้าที่ครบไลน์ และมีจำนวนมากพอที่จะสามารถสร้างรายได้แก่ตัวแทนจำหน่ายได้
ฟอร์มูลา : เป้าหมายระยะยาว 3-5 ปีอยู่ที่ใด ?
พงษ์ศักดิ์ : การสร้างบแรนด์ เอมจี ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคว่า เอมจี เป็นรถยนต์บแรนด์อังกฤษ ที่ยังมีศูนย์วิจัย และพัฒนาอยู่ที่อังกฤษ ถึงแม้ว่าฐานการผลิตของโลกจะอยู่ที่ประเทศจีน แต่ด้านการผลิตนั้นถือว่ามีเทคโนโลยีการผลิตชั้นสูง เพราะหากมองในภาพรวมสินค้าที่ผลิตจากจีนนั้นหลายบแรนด์มีเทคโนโลยีสูงกว่าบางประเทศ
อย่างไรก็ตามอยากให้ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยเปลี่ยนความคิดเรื่องสินค้าจีน เพราะปัจจุบันด้วยการออกแบบ และมาตรฐานการผลิต ประเทศจีนถือว่ามีคุณภาพมาตรฐาน แต่ละบแรนด์จะมีจุดยืน สำหรับ เอมจี มีประวัติยาวนาน เชื่อมั่นว่าเทคโนโลยี เอมจี การวางตำแหน่งสินค้า จะทำให้ เอมจี สามารถแข่งขันกับรถยนต์บแรนด์อื่นๆ ได้
เทคโนโลยีของจีนถือว่าแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้ เพราะการผลิตสินค้าของจีน จะมีตั้งแต่ระดับต่ำจนถึงระดับสูง แต่คนส่วนใหญ่จะมองแค่ระดับต่ำ ทำให้มีความคิดว่าสินค้าจีนไม่มีคุณภาพ ดังนั้นอยากให้เปลี่ยนทัศนคติว่ารถจีนสามารถรองรับตลาดทั่วโลกได้ ด้วยการออกแบบที่เป็นสากล มีเอกลักษณ์ของบแรนด์ แต่สามารถผลิตมาแล้ว ทำราคาแข่งขันได้ เพราะอย่างไร เอมจี ก็เป็นรถยนต์ที่มีประวัติยาวนาน คงไม่ทำให้เสีย การทำให้เกิดเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าจะเลือกทำบแรนด์อื่นก็ได้ แต่ด้วยเทคโนโลยีของ เอมจี จึงมั่นใจในคุณภาพมาตรฐาน และต้องเลือกตำแหน่งของสินค้าให้เหมาะสม เพราะถ้าจะให้ เอมจี ผลิตรถยนต์ราคาแพงเหมือนกับ แจกวาร์ ก็สามารถผลิตได้ แต่ลูกค้าจะให้ความสนใจยอมจ่ายหรือไม่
ทั้งนี้ เอมจี วางตำแหน่งสินค้าไว้ที่แมสส์ ด้วยคุณภาพ มาตรฐานยุโรป จุดแข็งที่นำเสนอไม่เหมือนกับสินค้าที่มีอยู่ในตลาด สร้างความแตกต่าง สร้างราคาให้แข่งขันกับรถยนต์บแรนด์อื่นได้
ฟอร์มูลา : แผนการเปิดตัวสินค้าใหม่เป็นอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : การแนะนำสินค้าใหม่ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการที่จะสร้างบแรนด์ โดยที่ผ่านมา เอมจี เปิดตัว เอมจี 6 เป็นรุ่นแรกในเมืองไทยในปี 2557 และในปี 2558 เปิดตัวรุ่นที่ 2 เอมจี 3 ทั้งรุ่นแฮทช์แบคและครอสส์ ขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 4.79 แสนบาท ซึ่งถือว่าได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้า ถือว่ามีรถครอบคลุมสินค้าในกลุ่ม ซี และ บี
นอกจากนี้ในช่วงปลายปีจะเปิดตัว เอมจี 5 รถซีดาน ที่อยู่ในกลุ่ม บีบวก ในจีนใช้ชื่อว่า เอมจี จีที โดยถือว่าครอบคลุมเซกเมนท์ตลาดรถยนต์นั่งในเมืองไทยแล้ว
สำหรับในต้นปีหน้า วางแผนที่จะเปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร โดยบริษัท ฯ มองว่าการแนะนำสินค้าให้มีความหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนท์ จะทำให้ เอมจี มีความแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันกับบแรนด์อื่นๆ ได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้บริษัท ฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาแผนการผลิตรถพิคอัพในประเทศไทย โดยมองว่าประเทศไทยตลาดรถพิคอัพถือเป็นตลาดที่ใหญ่ เกิน 50 % ถ้าเน้นที่รถยนต์นั่งอย่างเดียวก็จะได้ปริมาณที่อยู่ในระดับหนึ่ง แต่หากการศึกษารถพิคอัพเป็นไปได้ ก็จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของบแรนด์ และสร้างยอดขายให้เติบโตได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งจะไปสอดคล้องกับการลงทุนในโรงงานเฟส 2
อีกส่วนหนึ่ง คือ ในประเทศจีน เอสเอไอซี ฯ เป็นผู้ผลิตรถยนต์หลายบแรนด์ ซึ่งมีเทคโนโลยีหลากหลาย ทั้งไฮบริด และไฟฟ้า โดยการสร้างความหลากหลาย บริษัท ฯ สามารถที่จะนำเทคโนโลยีต่างๆ มาพัฒนาให้กับรถยนต์ เอมจี แต่อย่างไรก็ตามต้องศึกษาถึงความเป็นไปได้ ควบคู่กับตลาด
ฟอร์มูลา : โครงการอีโคคาร์ เฟส 2 วางแผนไว้อย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : บริษัท ฯ ยังยืนยันถึงความมั่นใจในการเข้าร่วมอีโคคาร์ เฟส 2 ซึ่งได้รับการอนุมัติจาก บีโอไอ แล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาตลาด ความต้องการลูกค้า เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการมากที่สุด ซึ่งไม่ได้มุ่งเน้นการแข่งขันในแง่ของราคา แต่จะพัฒนาสินค้าให้คุ้มค่า อีโคคาร์ของ เอมจี จะผลิตที่โรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขของ บีโอไอ ที่ผู้เข้าร่วมรายใหม่จะต้องมีการลงทุนตามข้อกำหนด
ฟอร์มูลา : นโยบายด้านการขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายเป็นอย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : นอกจากนโยบายด้านผลิตภัณฑ์แล้ว ยังคงต้องเร่งสร้างความแข็งแกร่งให้กับเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายที่ขณะนี้มีอยู่ 30 แห่ง และภายในสิ้นปีนี้จะขยายได้ครบ 50 แห่งทั่วประเทศ
นอกจากนี้บริษัท ฯ ยังได้เปิดศูนย์ฝึกอบรม เอมจี ที่ซอยอ่อนนุช ขึ้นมาอีกด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นศูนย์ฝึกอบรมแก่พนักงานในแผนกต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมการทำงานในเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายทั่วประเทศ เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกัน
ฟอร์มูลา : ปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้เท่าใด ?
พงษ์ศักดิ์ : บริษัท ฯ ไม่เน้นเรื่องของยอดขาย เนื่องจากเพิ่งเริ่มเข้ามาทำตลาด ในช่วงแรกเป้าหมายอยากให้สินค้าเป็นที่รู้จักแก่ผู้บริโภค แต่อย่างไรก็ตาม การเปิดตัว เอมจี 3 ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายถึง 5,000 คัน
ฟอร์มูลา : การทำงานร่วมกับ เอมจี ครั้งนี้ คุณวางเป้าหมายไว้อย่างไร ?
พงษ์ศักดิ์ : รถยนต์ เอมจี ถือว่าเป็นรถที่มีตำนานมายาวนาน แต่สำหรับการสร้างบแรนด์นั้น ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก ที่ผ่านมาจากประสบการณ์การทำงานกับรถยนต์ญี่ปุ่น ถือว่าได้เรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ อย่างมาก ทั้งด้านวางแผนการตลาด การขาย การพัฒนาตัวแทนจำหน่าย ประชาสัมพันธ์ ซึ่งการทำงานกับ เอมจี ได้นำประสบการณ์ต่างๆ มาใช้อย่างเต็มที่ โดยเริ่มต้นจากศูนย์ ถือว่าเป็นการเริ่มสร้างการเติบโตให้กับบแรนด์
ปัจจุบันถือว่าสินค้าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะมีรถยนต์จำหน่ายเพียง 2 รุ่น โดยตั้งเป้าภายใน 3 ปีข้างหน้า เอมจี จะเป็นรถยนต์ยี่ห้อหนึ่งที่ผู้บริโภครู้จัก และภายใน 5 ปี บแรนด์ เอมจี จะต้องอยู่ในความคิดของผู้บริโภค หากคิดจะซื้อรถยนต์
เรื่องโดย : นุสรา เงินเจริญ,สุดาภรณ์ ไกรแก้ว
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : สัมภาษณ์พิเศษ(formula)
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/12399