ร่มไม้ชายศาล
ชักสนุก
ด้วยวิถีที่เปลี่ยนไปตามกาลสมัย มาถึง ณ บัดนี้ "ตำรวจ" ผู้ใช้กฎหมายจราจร ออกใบสั่ง หรือไม่สั่ง ส่วนหนึ่งคือการหารายได้ ซึ่งเป็นส่วนแบ่งจากค่าปรับ แล้วเจอ "เถียง" จากชาวบ้าน ย้อนถามแบบอาจารย์กฎหมาย"ผมผิดมาตราไหน บอกมาสิ มาตรานั้นเขียนว่าอย่างไร ผมไม่ผิดนะเอ้อ จะอย่างไรก็แล้วแต่ ต้องออกใบสั่งมา บัตรประชาชน ใบขับขี่ เป็นทรัพย์สินของผม ดูได้ ยึดไม่ได้ ขืนยึด ผมแจ้งความไอ้ที่สนุก คือ ผมและท่านที่ดูคลิพวีดีโอ มีเยอะขึ้นทุกที แต่ตำรวจไม่สนุกแน่ๆ คนโดนใบสั่งเถียงคอเป็นเอ็น ก็คงไม่สนุก สรุปตำรวจทุกวันนี้ ต้องกลับไปติวกฎหมาย แถมยังต้องท่องให้ขึ้นใจ ไม่งั้นมี "อึ้ง" ต้องตามมาด้วยคดีจึงจะครบเครื่อง งานนี่ "นส. แพทแพท" คนละ แพท กับดารา ที่สื่อหันมาทำข่าวแข่งกับเจ๊นั่นนี่ เธอกัดฟันจ้างทนายฟ้อง "บริษัท อย่างเริดประกันภัย จำกัด" ให้จ่ายเงินตามสัญญาประกันชั้นหนึ่งกับรถของเธอ เป็นเงินรวมดอกเบี้ยตั้ง 3 ล้านกว่าบาท และดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งของเงินต้น 2 ล้าน 8 แสนกว่าบาท จนกว่าจะจ่ายเสร็จ (ดอกเบี้ยตามกฎหมายนี่ขั้นต่ำนะ แต่ก่อนมองว่าต่ำ ทุกวันนี้ถือว่าหรูกว่าดอกแบงค์เป็นไหนๆ) จำเลย คือ บริษัท อย่างเริดประกันภัย ฯ สู้คดี อ้างนั่นนี่ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิจารณาแล้วใจตรงกัน ตัดสินให้ นส. แพทแพท ชนะคดี ให้จำเลยจ่ายตามฟ้อง มียก 3 จำเลยยื่นฎีกา จะเอาชนะให้ได้ แล้วไม่ต้องจ่าย ในเมื่อเงินมากอยู่ ศาลฎีกาดูสำวนที่มาถึงตามคิว พิจารณาด้วยความเชี่ยวชาญ แล้วชี้ขาดว่า ความเป็นที่ยุติในข้อที่ว่า บริษัทผู้เป็นจำเลย รับประกันภัยรถยนต์เลขทะเบียน...(ป้ายแดง) ซึ่งต่อมาได้เลขทะเบียน...ระยะประกัน 1 ปี 3 มิถุนายน 2540 ถึง 3 มิถุนายน 2541 ระบุว่า นส. แพทแพท เป็นผู้เอาประกัน ต่อมาวันที่ 23 มีนาคม 2541 ในอายุประกัน รถยนต์นั้นเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนรถยนต์อื่น นส. แพทแพท จ่ายค่าซ่อมไป 2 ล้าน 8 แสนกว่าบาท เมื่อ 1 กันยายน 2541 แสดงว่ารถหรูพอสมควร บนศาลบริษัทประกันเถียงว่า นส. แพทแพท ไม่มีส่วนได้เสียในรถที่ทำประกัน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เรื่องของเรื่องบริษัทประกันเห็นรูเอาตัวรอด เพราะทำประกันจ่ายเบี้ย ก่อน นส. แพทแพท จ่ายค่ารถเป็นเจ้าของรถ บริษัทประกันเลยโต้ว่า นส. แพทแพท เป็นคนนอก ไม่ใช่คนทำประกัน ศาลฎีกาศอกกลับไปว่า จากคำพยานระบุว่า นส. แพทแพท ซื้อรถจากบริษัท แห่งหนึ่ง จำกัด มีแถมประกันชั้น 1 บริษัทขายรถจ่ายเบี้ยให้ ระบุชื่อ นส. แพทแพท เป็นคนเอาประกัน อีตอนนั้นบริษัทประกันรู้ดีนี่นาว่า ตัวแทนบริษัทขายรถทำสัญญาประกันแทน นส. แพทแพท บริษัทประกันยอมผูกพันต่อ นส. แพทแพท มีการระบุชื่อเธอในกรมธรรม์ หลังเกิดเหตุ นส. แพทแพท มีหนังสือทวงถามให้จ่าย บริษัทประกันแค่เถียงว่า คนขับรถของเธอไม่มีใบขับขี่ จึงไม่จ่าย ไม่ได้เถียงว่าขณะทำประกัน นส. แพทแพท ไม่ได้เป็นเจ้าของรถ และมีส่วนได้เสียอย่างชั้นศาล พฤติการณ์แสดงว่าบริษัทประกันรู้ว่า นส. แพทแพท เป็นคู่สัญญา เธอจึงมีอำนาจฟ้อง ศาลล่างตัดสินมา ศาลฎีกาเห็นด้วยในผล ศาลฎีกาต้องทนเมื่อยอีกหน พิพากษายืน ให้บริษัท อย่างเริดประกันภัย ฯ แพ้คดีอย่างราบคาบ ไม่นึกเหมือนกันว่า ได้ของแถมประกันชั้น 1 จ่ายเบี้ยดิบดี บริษัทประกันทะลึ่งเบี้ยว เวรแท้ๆ อ้อ อยากให้แฟนๆ ทราบอีกนิดหนึ่งว่า บริษัทประกันโดนเจี๊ยะดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่ง เป็นเพลาไม่น้อยกว่า 14 ปี ขี้เหร่ๆ เกือบเท่าเงินต้น นี่คือโทษของการค้าความสู้คดี แถมอีกหน่อย "บัตรอื่นๆ" เช่น บัตรประชาชน บัตรพนักงาน ฯลฯ จราจรยึดไม่ได้เด็ดขาด ขืนยึด อาจไม่ผิดฐานลักทรัพย์ หากมีการจดแจ้งไว้ในการทำหน้าที่ ถือว่าไม่มีเจตนาทุจริต แต่โดนหนักกว่า คือ ป.อาญา มาตรา 157 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะไม่มีอำนาจหรือกฎหมายให้ยึด ดันไปยึดของชาวบ้านส่งเดช กุญแจรถก็ยึดไม่ได้ เว้นแต่เข้าข่ายยึดรถไปโรงพัก ก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ส่วน "ใบอนุญาตขับขี่" ตำรวจยึดได้ ตาม พรบ. มาตรา 140 ขอยกมาบางท่อน จะได้ไม่ยาว...ในการออกใบสั่งให้ผู้ขับขี่ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบตามวรรคหนึ่ง เจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บใบอนุญาตขับขี่ไว้เป็นการชั่วคราวก็ได้ แต่ต้องออกใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ให้แก่ผู้ขับขี่ไว้ และเจ้าพนักงานจราจรหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ ต้องรีบนำใบอนุญาตขับขี่ที่เรียกเก็บไว้ไปส่งมอบพนักงานสอบสวนภายในแปดชั่วโมง นับแต่เวลาที่ออกใบสั่ง ใบรับแทนใบอนุญาตขับขี่ที่ออกให้ตามวรรคสามให้ใช้แทนใบอนุญาตขับขี่ได้เป็นการชั่วคราวไม่เกิน 7 วัน เมื่อเจ้าพนักงานจราจร หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานสอบสวนได้ว่ากล่าวตักเตือน หรือทำการเปรียบเทียบปรับ และผู้ขับขี่ได้ชำระค่าปรับตามที่เปรียบเทียบแล้ว ให้คืนใบอนุญาตขับขี่ทันที และยึดได้ตามมาตรา 161 ขอยกมาบางท่อนเช่นกัน...ในกรณีที่ผู้ขับขี่ผู้ใดได้กระทำความผิดตามพระราช บัญญัตินี้ ให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ผู้บังคับการตำรวจจราจร ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง หรือผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวมีอำนาจสั่งยึดใบอนุญาตขับขี่ของผู้นั้นมีกำหนดครั้งละไม่เกิน 60 วัน... ที่แชร์กันตามอินเตอร์เนท โก่งคอเถียงตำรวจมั่ง ไม่ยอมให้ดูใบขับขี่ ไม่ยอมให้ยึดใบขับขี่ โดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งอันชอบของเจ้าหน้าที่อีกสถานหนึ่งนะเอ้อ โปรดทราบแล้วเปลี่ยนความเข้าใจซะนะครับ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7332/2555
เรื่องโดย : จอมยุทธ
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน เมษายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : ร่มไม้ชายศาล
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/118214