รู้ไว้ใช่ว่า
จอดไม่เจ็บ
"จอดไม่เจ็บ" หมายถึง การสะกิดเตือนแฟนๆ ให้ระมัดระวัง อย่าคิดว่า
"ตูต้องจอดให้จงได้ ยังไงก็ช่าง จอดไว้ก่อนละ"
กรุณาคิดทบทวนสักนิดว่า ไม่จอดตรงนั้น แบบนั้น ขวางรถใครช่างมัน รถเขาออกไม่ได้ช่างมัน มีเหตุจำเป็นยิ่งยวดต้องทำยังงั้นไหม หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยหรือ ยอมเสี่ยงกระนั้นหรือ
นั่นคือการหาเหตุ ก่อให้เกิดอันตรายต่อรถหรือตัวเรา แค่ด่าทอหรือรถโดนขูด จนถึงหนักมาก ถึงเป็นถึงตาย หากใช้สติกำกับสักหน่อย คิดสักนิดว่า ไม่จอดยังงั้น จะล้มประดาตายลงไปไหม ไม่ได้เข้าห้าง ไม่ได้ทำธุระตรงนั้น เสียหายใหญ่โตไหม
เอาหลัก สโลว์ไลฟ์ มาใช้ได้เลย ทำใจร่มๆ ไม่จอดก็ได้ เสียเวลาวนหาที่ใหม่ก็ได้ จอดไกลกว่าเดิม แล้วเดินออกกำลังขาซะบ้างก็ได้ หรือให้ใครเฝ้าไว้ เพื่อขยับรถให้คนอื่น ใส่เกียร์ว่างหรือโยกไปที่ตัว N สำหรับเกียร์อัตโนมัติ ไม่ใส่เบรคมือ ถือว่าพอไหว หากจำเป็นจริงๆ
วีดีโอในยูทูบรายหนึ่ง คนที่หงุดหงิดอย่างหนักเป็นชาย ใช้ท่อนเหล็ก ฟาดกระจกรถเก๋งยี่ห้อ เมร์เซเดส-เบนซ์ ฝั่งคนขับ แล้วเข็นรถหลบออกไป นึกว่าจบ ที่ไหนได้ พี่แกโคตะระเกรียน ให้รถโม่ปูนเข้ามากรอกคอนกรีทผสมเสร็จลงในรถ จนเต็มถึงขอบประตู เจ้าของไม่มาแก้โดยเร็ว ทิ้งไว้ไม่นาน หมดสิทธิ์ใช้รถคันนั้นตลอดกาล ผมยังนึกไม่ออกว่า จะจัดการยังไง กับแท่งปูนที่หล่อไว้ในรถ ซึ่งมีน้ำหนักมหาศาล ชนิดใช้ขวานจาม คารถไว้ก็เยอะ
กรณีที่วิวาทฆ่าแกงกัน ก็มีทั่วทุกมุมโลก กับการจอดรถแบบหาเรื่องเจ็บตัว
อยากมีความสุข โดยไม่รอ คสช. นำมาคืนให้ ไม่อยากมีเรื่องราว เป็นข่าวหน้าหนึ่ง แถมคลิพวีดีโออีกต่างหาก ถนอมเนื้อถนอมตัว ให้อยู่ยาวกับครอบครัวและคนที่เรารัก ควรงดเว้นการ "จอดรถแบบเจ็บๆ" นะครับ
ตามมาด้วยคดีความเพื่อความมันของเราอย่างเคย
เมื่อก่อนสมัยที่ไม่รู้จักคำว่า ขาโจ๋ วัยโจ๋ หรือเด็กแว้น รู้จักแค่ จิ๊กโก๋ การจอดรถก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เล่นเอาคนบนรถอลหม่าน คอยหลบลูกหลง เล่นเอาเจ้าหน้าที่หัวหมุน คือ จอดรถแย่งผู้โดยสาร แล้วโชเฟอร์เด็กรถลงมาตีกันยิงกัน
คดีนี้เป็นเรื่องถึงศาล เมื่อ "บริษัท ตั้งหน้าเดินรถ จำกัด" ยื่นฟ้อง "นายโดยสาร" กับพวกรวม 3 คน เป็นคดีแพ่ง ขอให้สั่งห้ามจำเลยทั้งหมด หยุดการเดินรถประจำทางแย่งรับผู้โดยสาร ในเขตเส้นทางสัมปทานของบริษัทโดยพลัน ให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหาย รายละ 10,000 บาท/วัน นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะหยุดการละเมิด
จำเลยขมีขมันจ้างทนายสู้คดี อ้างนั่นนี่โน่น ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นหน้าเข้มตามสไตล์ ตอนนั่งบัลลังก์ โดยไม่ต้องมีหนวด พิจารณาตามเนื้อผ้า แล้วตัดสินให้ นายโดยสาร กับพวกหยุดจอดรถรับส่งคนโดยสาร ในเส้นทางที่บริษัทโจทก์เขาได้รับอนุญาต เว้นแต่จุดจอดรถที่จำเลยทั้งสามได้รับอนุญาต และให้จำเลยร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์คนละ 200 บาท/วัน นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะหยุดละเมิด กับชดใช้ค่าธรรมเนียมศาลค่าทนายแทนโจทก์นิดหน่อย
นายโดยสาร ชื่อเหมาะเจาะกับการหากินทางนี้ กับพวกไม่ยอมยกธงขาว ให้ทนายยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์อ่านสำนวนแล้ว ออกแรงบ้างด้วยการพิพากษาแก้ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้คงเดิม
เรื่องยาวถึงศาลฎีกาเพราะบริษัทโจทก์ก็ฎีกา นายโดยสาร กับพวกอีกคนหนึ่งที่แพ้คดีก็ฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาคดีท่วมก็หนีไม่ออก กัดฟันคว้าคดีนี้ที่มาถึงคิว ส่องดูด้วยความชำนาญ แล้วชี้ขาดว่า
คดีนี้ไม่เป็นฟ้องซ้อน ไม่ต้องยกฟ้องจำเลยที่ 3 อย่างที่ศาลอุทธรณ์ตัดสิน เมื่อโจทก์และจำเลยที่ 3 ต่างนำสืบจนเสร็จสิ้นแล้ว ศาลฎีกาเห็นควรวินิจฉัยให้เสร็จไปเลย ไม่ต้องย้อนสำนวนให้ศาลอุทธรณ์ทำ จะเสียเวลา
สำหรับข้ออ้างของจำเลยที่ว่า อัยการเขาฟ้องพวกโจทก์ข้อหาเบิกความเท็จในคดีแพ่งที่ฟ้องพวกเขานั้น จำเลยเพิ่งยกมาอ้างชั้นฎีกานี่เอง เป็นการนำพยานเอกสารเข้าสู่สำนวนโดยไม่ถูกต้อง ตามกฎหมาย ทำให้โจทก์ไม่มีโอกาสซักค้านพยานเอกสารนั้นๆ ข้ออ้างของจำเลยจึงรับฟังไม่ได้หรอก
เมื่อได้ความชัดว่า จำเลยที่ 1 และ 2 เข้าร่วมประกอบการขนส่งกับจำเลยที่ 3 ทั้งหมดจึงไม่มีสิทธิ์จอดรถรับส่งผู้โดยสารนอกจากจุดที่ได้รับอนุญาต แย่งโจทก์เขา เมื่อทำไปจึงเป็นการละเมิดแหงๆ
ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ห้ามจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ด้วย เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 และ 2 และให้ร่วมกันจ่ายค่าเสียหาย 200 บาท/วัน นับถัดจากวันฟ้อง จนกว่าจะหยุดละเมิด
บริษัท ตั้งหน้าเดินรถ จำกัด ใช้โรงศาลตัดสินปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะดีกว่าใช้อารมณ์ผสมอาวุธ แต่การฟ้องเรียกค่าเสียหาย ให้จำเลยแต่ละคนจ่ายวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะหยุดจอดรถแย่งคนโดยสาร หมายความว่าจะเอาวันละ 3 หมื่นบาท น่าจะเวอร์ สรุปแล้วศาลตัดสินให้จำเลยทั้งสามร่วมกัน หรือลงขันกัน จ่ายแค่วันละ 200 บาท โห...ต่างกันลิบโลก
ก็งี้แหละครับ เวลาออกข่าวฟ้องเรียกเงินทองกัน เห็นตัวเลขแต่ละรายมหาศาล เป็นสิบเป็นร้อยล้านก็มี แต่ศาลให้เท่าไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จำเลยอย่าเพิ่งชักตาตั้งไปซะก่อน ขอบอก
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15364-15365/2555
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน ธันวาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/109937