ชีวิตคือความรื่นรมย์
อธิษฐานวันลอยกระทง
ช่วงปี 2493-2495 ข้าพเจ้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5-6 เรียนที่โรงเรียปิยะมหาราชาลัย จังหวัดนครพนม อาศัยอยู่ที่วัดศรีเทพประดิษฐาราม ใต้ร่มบารมี (หลวงปู่) พระสารภาณมุนี เจ้าคณะจังหวัด ซึ่งเข้มงวดกวดขันเรื่องการกินอยู่ของเราอย่างมาก
แต่ความจริงเมื่อหลวงปู่-หลวงลุง-หลวงพี่ เข้าจำวัดแล้ว พวกเราแอบถอดกลอนหน้าต่างกุฏิบานหนึ่งหมิ่นๆ แล้วงับไว้ ก่อนจะรีบย่องออกไป...แล้วเดินแกมวิ่งไปให้ถึงหน้าโรงภาพยนตร์ที่อยู่บริเวณสนามกีฬาจังหวัด เพราะคืนนั้นมีภาพยนตร์เรื่องสำคัญ...เรื่อง สุภาพบุรุษเสือไทย (สร้างเมื่อปี 2492) ซึ่งนำแสดงโดย สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ กับ ทัศนัย ชอุ่มงาม เข้าไปฉายที่จังหวัด เราก็เสี่ยงไม้เรียวหลวงตาไปดูจนได้ แม้ไม่ค่อยมีค่าบัตรเข้าชม แต่เราก็มีวิธีการ เช่น ช่วยถือเครื่องดนตรีให้นักดนตรีที่จะประโคมก่อนภาพยนตร์ฉายบ้าง หรือไม่ลูกพี่จะแอบพาเล็ดลอดเข้าใต้ถุน (โรงภาพยนตร์หรือโรงมหรสพชั่วคราว ซึ่งเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง) เสี่ยงหนามไม้และเศษแก้วแตกที่เขาเอามากองเกะกะปูป้องกันเด็กๆ เกเรที่จะเล็ดลอดเข้าไป แต่เราก็ลอดช่องระหว่างเวทีการแสดง (ละคร) หรือหาช่องเข้าจนได้
ผู้เขียนขออภัยที่ย้อนเวลา และเหตุการณ์ไกลไปหน่อย ทั้งนี้เพื่อจะเล่าว่า ทุกครั้งที่นึกถึงเดือนพฤศจิกายน ก็อดที่จะนึกถึงลอยกระทงไม่ได้ และทุกครั้งที่นึกถึงลอยกระทงก็อดแว่วเสียงเพลงเก่าอันตรึงใจจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวไม่ได้ จนบัดนี้ เพลงๆ นั้นมีถ้อยคำ ท่านใดนึกเนื้อร้องได้ จะฮัมลำนำทำนองอันสนุกสนานตามไปด้วย ก็ไม่ผิดกติกาอันใด...
(สร้อย) หนุ่มสาว เล่นเรือ ร้องเพลงไม่เบื่อ ลงเรือเกี้ยวกัน เดือนสิบสองน้ำนองตลิ่ง รักสุขจริงยิ่งความฝัน ชะทิงนองนอย ชะเอย ทิงนองนอย เอ้า ฮ้าไฮ้ เฉียบๆ
(หมู่ชาย) แม่งามเหลือเนื้อนวล เสน่ห์เย้ายวน ช่างชวนเชย น้ำใจสมัครรักเจ้าเอย
(หมู่หญิง) เขารักเข้าแล้ว สิเอย (หมู่ชาย) ขอให้พี่อยู่คู่เคียงหมอน เฮ้วๆ จะกอดน้องนอนให้นอนอุ่นเอย (อุ่นจริง !) (สร้อย) หนุ่มสาว...
(หมู่หญิง) ชาติเจ้าชู้ รู้ใจ จะบอกรักใคร ไม่จริงเลย รักเทียมทุกสิ่ง ทิ้งขว้างเอย
(หมู่ชาย) แสนงอนอย่าค้อนพี่เอย (หมู่หญิง) เขาชังน้ำหน้ายังไม่หาย เฮ้วๆ จะกระโดดน้ำตาย (หมู่ชาย) ตายตามเจ้าเอย....
ภาพเรือชายหญิงที่ร้องเพลงเรือเกี้ยวกันในลำน้ำที่ใกล้เขางู ราชบุรี ด้วยฝีมือการถ่ายของครูแท้ ยังติดตาตรึงใจผู้เขียนจนวันนี้ แม้จะผ่านกาลเวลามากว่ากึ่งศตวรรษ และเนื้อเพลงชักจะเลือนๆ ไปบ้างแล้ว แต่ลำนำทำนองยังก้องในหูในใจไม่ลืมเลือน และมันจะก้องกังวานขึ้นมาในใจทุกครั้ง เมื่อนึกถึงวันลอยกระทงในเดือนพฤศจิกายน
ตัดฉากข้ามมาประมาณปี 2550 กว่าๆ เมื่อได้มีโอกาสนั่งรับประทานข้าวด้วยกัน พบหน้าผู้สร้างภาพยนตร์เรื่องนั้น คุณแท้ ประกาศวุฒิสาร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ผู้สร้างภาพยนตร์) ปี 2542 ผู้เขียนไม่รีรอที่จะเข้าไปแสดงตัวว่าติดตามท่านมานาน รู้สึกเหมือนมีบุญที่ได้พบผู้สร้างภาพยนตร์ และนักถ่ายภาพยนตร์มือยอดเยี่ยมของไทย จึงขอสรุปย่อๆ (เพื่อสงวนเนื้อที่) ว่าได้ฟังท่านเล่าให้ฟังเรื่องเสี่ยงชีวิตในการถ่ายภาพยนตร์ เช่น เกือบถูกเสือตะครุบ เกือบถูกเด็ดชีพในการถ่ายภาพการสู้รบตอนถ่ายภาพยนตร์ข่าวสงคราม และผลงานยอดเยี่ยมที่เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญ คือ ภาพยนตร์บันทึกน้ำท่วมกรุงเทพ ฯ ปี 2485 ซึ่งท่านอุตส่าห์เก็บรักษาอย่างระมัดระวัง เมื่อมีน้ำท่วมกรุงเทพ ฯ ทุกครั้งจะมีคนนำออกมาฉาย (รวมทั้งเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา) เราได้เห็นภาพประวัติศาสตร์ทั้งภาพนักการเมืองคนสำคัญๆ ในช่วงเหล่านั้น (ประวัติและผลงานของท่าน นอกจากที่ท่านกรุณามอบให้หอภาพยนตร์แห่งชาติเก็บไว้แล้ว ยังศึกษาจากเวบไซท์ได้อีก)
และที่สำคัญ มูลนิธิศิลปินแห่งชาติ ด้วยการสนับสนุนจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และด้วยความร่วมมือของ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส (THAI PBS) จัดทำสารคดีชีวิต ประวัติ และผลงานของท่านไว้แล้ว (ท่านให้ชื่อสารคดีชุดตอนของท่านว่า “สุภาพบุรุษเสือแท้”) ซึ่งประชาชนทั่วไป ก็สามารถเปิดชมผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เวบไซท์ หรือ ยูทูบ ได้
เมื่อถึงเดิอนพฤศจิกายน สมัยก่อนที่เพื่อนยังอยู่พร้อมหน้าช่วงต้นทศวรรษ 2500 ผู้เขียนกับเพื่อนๆ ใน “ชมรมนักกลอน” มักจะจัดกิจกรรมลงเรือชื่อ “ลอยลำไปกับเรือเพลง” กัน โอกาสนี้จึงขอรำลึกด้วยคำอธิษฐาน ดังนี้
กระทงอธิษฐาน : หย่อนกระทงลงน้ำค่ำเพ็ญนี้ น้อมฤดีตั้งนิมิตอธิษฐาน ด้วยจริงใจในความคิดจิตวิญญาณ ปณิธานเพื่อถิ่นแผ่นดินไทย ด้วยยังมีน้ำท่วมนองหลายท้องที่ ทั้งน้องพี่ที่ยังครองความหมองไหม้ ไร่นาสวนล้วนน้ำหลากท่วมปากใจ ขอน้ำใสไหลเย็นกลบลบท้อแท้ ที่ท่วมนองท้องกรุงทุกคุ้งโค้ง จงน้ำใสไหลโล่งโปร่งกระแส ขับกลิ่นคลุ้งเน่าเหม็นเป็นเปลี่ยนแปร ให้มีแต่น้ำใสที่ไหลเย็น ขอท้องธารทุกเส้นสายแควในนอก จงกระฉอกพลิ้วผ่องพรายคลายเน่าเหม็น อย่ามีคลื่นใต้น้ำเนื่องลำเค็ญ ทุกรากแก้วแคล้วขุกเข็ญเห็นภาพจริง
ใครโกงกินทรัพย์สินบนฉ้อฉลชาติ ขออำนาจเดชศักดิ์สิทธิ์สิ้นทุกสิ่ง จงเรียกคืนคลังตลอดอย่าทอดทิ้ง แม้กลอกกลิ้งกฎหมายพ้นอย่าพ้นกรรม ที่ใครใช้อำนาจเพราะ “บาท” ใหญ่ แปรสมบัติของชาติไปไว้เหยียบย่ำ ขอตราชูบริสุทธิ์ยุติธรรม จงจองจำนำคืนสู่ยังคลังแผ่นดิน ใครแอบงำธรรมชาติเป็นของตน ทุจริตด้วยเล่ห์กลปล้นทรัพย์สิน เทพพิทักษ์ทรัพยากรธรณิน โปรดชะล้างให้หมดสิ้นซากโสมม ที่น้ำเน่าเนาการเมืองเฟื่องอำนาจ ขอน้ำดีสีสะอาดล้างซากถม ล้างน้ำลายท่วมสภาอวดคารม เป็นน้ำใสให้ชื่นชมคมความคิด ขอธูปเทียนตองกระทงลอยคงคา ขอขมาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
รอยพระบาทพระพุทธองค์จงสัมฤทธิ์ นิรมิตคุณธรรมค้ำชาติไทย ขอประชาสร้างสรรค์สมานฉันท์ สามัคคีคงมั่นอย่าหวั่นไหว ดับไฟฟอนรอนเหตุทุกเภทภัย สุขศานติ์ในแผ่นดินนี้นิรันดร
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/105510