รู้ไว้ใช่ว่า
โทษเบาไปนะ !!!
ชัดครับว่า "เบามาก" กับการบังคับใช้กฎหมาย ต่อความผิดทางจราจรในบ้านเมืองเรา ฝรั่งยังออกปากว่าจะเอาไม่อยู่ เกิดเหตุมากขึ้น สูญเสียมากขึ้น แม้ คสช. สามารถแก้ไขกฎหมายได้ในบัดดล ก็ไม่ขยับเท่าที่ควร อย่างเช่น เมาแล้วขับ เข้าใจว่าเป็นทางออกสำหรับผู้มีระดับทั้งหลาย อันเป็นแกนของสังคม ซึ่งใช้รถ ขับรถเหมือนกัน มีคนเดายังงั้น
ไม่ต้องอื่นไกล การฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย กรณีสูญเสียชีวิตของคนๆ หนึ่ง ยังมีราคาแตกต่างห่างไกลกัน โดยอ้างฐานะของแต่ละคน เป็นตัวกำหนด ทั้งๆ ที่ "ราคาชีวิต" น่าจะไม่หนีกันเกินไป
โทษทัณฑ์ทางอาญา กรณีทำให้คนตายหรือเจ็บสาหัส ชัดๆ ว่าเกิดจากความประมาทในระดับ ขับรถชุ่ย คึกคะนอง ขับรถเร็ว ขับรถขณะมึนเมา ไม่ใช่เหตุเกือบเหลือวิสัยที่จะป้องกัน ยังมีคนรอดจากคุกตะรางไม่น้อย
ข้อกฎหมายที่ว่า โทษจำคุกจากการกระทำโดยประมาท เมื่อได้รับการรอลงอาญา อย่าได้ตกใจ เพราะนำมาบวกกับโทษจำคุกที่ได้รับในคดีใหม่ ไม่ได้หรอก สบายเขาละ
"ความเกรงกลัวจะได้รับโทษลดลงเท่าไร ความประมาทก็เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น" นี่คือประเทศไทย
การขับรถ ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องหมูๆ ที่จะให้เกิดความปลอดภัยเสมอไป ความจริงข้อนี้ ใครสำเหนียก ก็ช่วยตนเองและคนรอบข้างได้เยอะ ใครไม่สำเหนียก เฮ้ย อั๊วขับได้สบายมาก ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา เรื่องกระจอกๆ ก็มักจะเกิดเรื่องใหญ่ตามมาสักวัน
ถ้าติดตามข่าว เอาง่ายๆ ตำรวจหลายนาย ตกเป็นเหยื่อ ถึงแก่ชีวิต เพราะรถที่ผู้หญิงยิงเรือเค้าขับ ดังที่เป็นปรากฏ ตำรวจสูญเสียชีวิต พลัดพรากจากครอบครัวชนิดไม่มีวันกลับ ในพริบตา เพราะอะไร เพราะใครๆ ก็คิดว่า หมูมากกับการขับรถ เกิดอะไรขึ้นมา กฎหมายก็ไม่แรงสักเท่าไร คงอยู่นอกคุกแน่นอน
งั้นคอยนับศพต่อไป ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือชาวบ้าน ในเมื่อไทยเราได้ชื่อว่าแย่ เทียบกับประเทศอื่นๆ สำหรับความปลอดภัยในการจราจร แต่ก็ไม่แก้ไขอะไรเท่าที่ควร
ตานี้มาดูคดีความให้คึกคักอย่างเคย งวดนี้น่าสนใจอีกแหละ เป็นเรื่อง "ประมาทเท่ากัน หรือพอๆ กัน" ซึ่งเป็นหัวข้อที่คู่กรณีมักเถียงกันอยู่บนถนน ต่อหน้าตำรวจ แทบทุกงาน เริ่มจาก อั๊วไม่ประมาท ลื้อสิประมาท พอส่อเค้าว่า ไม่เอ็งก็ข้าประมาท ทีนี้ก็ไหลไปในทำนอง ประมาทเหมือนกันละว่ะ ซ่อมใครซ่อมมัน
งานนี้อัยการออกหน้า ฟ้องคดีอาญา เอาผิด "นายตะลุยศักดิ์" พี่แกตั้งชื่อเพื่อเอาเคล็ดสำหรับการทำมาหากิน แต่ก็ขับรถตะลุยเหมือนชื่อ จึงเกิดเหตุเฉี่ยวชนกับรถที่ "นายคงทน" อีตอนแย่งกันผ่านสี่แยก นายคงทน กลับบ้านเก่า ไม่ทนเหมือนชื่อ
"นายอึดนัก" พ่อของ นายคงทน แก่แล้วแต่ยังอึดยังแข็งแรง ได้รับคำแนะนำจากทนาย ให้ยื่นคำร้องเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ ซึ่งศาลอนุญาต และขอให้ศาลบังคับ นายตะลุยศักดิ์ จ่ายค่าปลงศพ 1 แสนบาท ค่าขาดไร้อุปการะจากลูกชาย 3 แสนบาท รวมเป็น 4 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ย ร้องแบบนี้ง่ายกว่าตั้งแท่นฟ้องเองเป็นคดีแพ่ง
นายตะลุยศักดิ์ ไม่หัวหมอสู้คดี รับสารภาพว่าทำผิดตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นสบายหน่อย ดูสำนวนแล้วตัดสินได้เลย ลงโทษทางอาญา จำคุก นายตะลุยศักดิ์ 4 ปี ปรับ 8 พันบาท รับลดกึ่งตามประสาบ้านเรา เหลือจำคุก 2 ปี ปรับ 4 พันบาท โทษจำคุกรอลงอาญาไว้ 2 ปี ให้จ่ายเงินแก่ นายอึดนัก พ่อของ นายคงทน 2 แสน 1 หมื่นบาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลย คือ นายตะลุยศักดิ์ ไม่อยากเสียเงิน จึงให้ทนายยื่นอุทธรณ์ในส่วนคดีแพ่ง อ้างว่า นายอึดนัก ไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาเงิน เพราะ นายคงทน ขับรถประมาทเหมือนกัน
ศาลอุทธรณ์อ่านสำนวนแล้ว ตัดสินยกคำร้องของ นายอึดนัก ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม และขอให้ นายตะลุยศักดิ์ จ่ายค่าเสียหาย
นายอึดนัก เหงื่อแตก ทำท่าจะไม่ได้เงินสักบาท ให้ทนายยื่นฎีกา เสียสตางค์อีกหลายบาท ลุ้นเป็นยกสุดท้าย
ศาลฎีกาเหล่ดูสำนวนคดีนี้ด้วยความเชี่ยวชาญ แล้วชี้ขาดออกมา ศาลอุทธรณ์เขาตัดสินว่า นายคงทน ลูกชายของ นายอึดนัก ขับรถประมาทพอฟัดพอเหวี่ยงกับ นายตะลุยศักดิ์ จนเกิดเหตุขึ้น นายคงทน จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย นายอึดนัก ผู้เป็นพ่อ จึงจัดการแทนในคดีนี้ไม่ได้ ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการก็ไม่ได้
ที่แย่ คือ นายอึดนัก ไม่ยักฎีกาโต้แย้งแง่นี้ขึ้นมา ฎีกาแต่เรื่องจะเอาเงิน เท่ากับ นายอึดนัก ไม่ได้เป็นโจทก์ร่วมต่อไป ไม่มีสิทธิทำอะไรแทนลูกที่ตาย ขอให้ นายตะลุยศักดิ์ ชดใช้เงินในคดีนี้ไม่ได้ ศาลอุทธรณ์ตัดสินไว้ถูกต้องแล้ว
ศาลฎีกาพิพากษายืน แต่ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า นายอึดนัก ยังมีสิทธิไปว่ากล่าวเอาเงินจาก นายตะลุยศักดิ์ เป็นคดีแพ่ง ต่างหากจากคดีนี้ (อย่าให้ขาดอายุความ) จะได้ไม่ได้ ก็ว่ากันไป
ครับ แม้โทษทัณฑ์ในบ้านเราจะไม่แรงอย่างที่ว่าไว้ข้างต้น แต่ก็ต้องระวังกับการขับรถ พลาดขึ้นมา ตายซะเองก็แย่มาก ไม่ตายแต่เป็นฝ่ายผิด ก็แย่เยอะ ตกที่นั่งทุกข์ร้อนหัวโต กว่าจะเสร็จเรื่องเสร็จราว กระเป๋าแฟบอีกต่างหาก
จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10469/2556
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน กันยายน ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/10510