เอมพีวี (MULTI PURPOSE VEHICLE) หรือ รถอเนกประสงค์ ที่สามารถใช้งานทั้ง โดยสาร และบรรทุก รูปลักษณ์ส่วนใหญ่เหมือนรถตู้กึ่งเก๋ง หรือรถที่ผนวกรูปทรงคล้ายเก๋ง 5 ประตู และมีห้องโดยสารกว้าง จุผู้โดยสารได้มากกว่ารถซีดานทั่วไป
กระแสความนิยม เอมพีวี ร้อนแรง...ตั้งแต่เมื่อปลายปี 2547 ตอนที่ โตโยตา เปิดตัว โตโยตา วิช รถอเนกประสงค์แบบ 6 ที่นั่งออกมา ในมาดสปอร์ทครบเครื่อง
ใครจะรู้ว่าจุดเริ่มต้นของรถอเนกประสงค์จริงๆ มาจาก มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน รุ่นแรก เมื่อกว่า 15 ปี และก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นพิคอัพดัดแปลง กับ โฟล์ค ฯ ตู้ ที่มีขนาดใหญ่ และแบ่งแยกระดับกันด้วยเรื่องราคาค่าตัว
ต่อมากลุ่มผู้นำเข้าอิสระ ได้นำรถรูปแบบ เอมพีวี ขนาดเล็กเข้ามาจำหน่าย และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ เชฟโรเลต์ หนึ่งในค่ายยักษ์ใหญ่ เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอม) เปิดตัว พร้อมกับแนะนำรถรูปแบบอเนกประสงค์ 7 ที่นั่ง ขนาดกะทัดรัด หรือ มีนีเอมพีวี ที่ชื่อ ซาฟีรา (ZAFIRA) ในระดับราคาล้านบาท ซึ่งได้รับความนิยม และไม่มีคู่แข่ง ค่าย ฮอนดา จึงได้นำรถรุ่น สตรีม (STREAM) เข้ามา ตามด้วยค่ายรถยนต์เกาหลี ที่เปิดตัว เกีย คาเรนส์ เอมพีวี เครื่องยนต์ดีเซล
เมื่อ โตโยตา เปิดตัว วิช (WISH) รถอเนกประสงค์ รูปร่างหน้าตาสวยงาม ที่มาพร้อมชุดแต่งรอบคัน และล้อแมกขนาด 17 นิ้ว ซึ่งทำให้ยอดจำหน่ายสูงถึง 4 เท่าของยอดรวมรถประเภท เอมพีวี แม้ว่าจะมีคู่แข่งทำตลาดอยู่ก่อนแล้วก็ตาม
บริษัทรถยนต์นำรถ เอมพีวี เข้ามาเปิดตลาดกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดคำถามว่า เอมพีวี จะเข้ามาแย่งตลาดรถประเภทไหน และจะเติบโตต่อไปในทิศทางใด ซึ่งคนที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุดก็คือ ผู้บริหารบริษัทรถยนต์นั่นเอง
ฟอร์ด
จอห์น ฟิงค์ รองประธานอาวุโส ฟอร์ด ประเทศไทย
"ตลาดรถ เอมพีวี มีการเติบโตสูงมากในช่วงปี 2547 โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับปี 2546 ซึ่งเริ่มมีผู้ผลิตรถยนต์เพียงไม่กี่ราย ที่นำเสนอรถยนต์ประเภทนี้ จากนั้นการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในตลาด ทำให้ผู้ผลิตค่ายต่างๆ หันมาทำตลาดกลุ่มนี้ รวมถึงการพยายามแข่งขันในด้านราคา การส่งเสริมการขาย และคุณภาพ ซึ่งทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น
อย่างไรก็ดี แนวโน้มของยอดขายรถ เอมพีวี ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 ได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของตลาด โดยปัจจุบันยอดขายรถ เอมพีวี โดยรวมได้ลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 1,200 คัน/เดือน
สำหรับความนิยมของรถ เอมพีวี เนื่องจากก่อนหน้านี้ ตลาดรถยนต์ของไทยมีเพียงรถยนต์นั่ง และรถพิคอัพ เท่านั้น แต่เมื่อสถานการณ์ในภาคอุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มเปลี่ยนไป และมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อรถได้หลากหลายประเภทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอสยูวี/เอมพีวี หรือ พีพีวี รวมไปถึงรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ดังนั้นตลาดจึงไม่เพียงแต่ต้องการรถ เอมพีวี เท่านั้นที่ได้รับความนิยม รถ เอสยูวี หรือแม้กระทั่งรถยนต์นั่งขนาดเล็กก็ได้รับความนิยมอย่างสูงจากผู้บริโภคด้วยเช่นกัน โดยในปี 2547 รถ เอมพีวี มียอดขายทั้งสิ้น 19,756 คัน ในขณะที่รถ เอสยูวี มียอดขายถึง 21,919 คัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารถ เอสยูวี ยังคงได้รับความนิยมมากกว่ารถ เอมพีวี โดย ฟอร์ด เป็นผู้นำตลาด เอสยูวี ด้วยส่วนแบ่งกว่า 30 % ทั้งรถ เอสยูวี และรถ เอมพีวี ต่างก็เป็นรถที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามรถ เอสยูวี จะตอบสนองผู้บริโภคได้ดีกว่าในแง่ของความสนุกในการขับขี่ และสามารถบุกตะลุยไปได้อีกด้วย
ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อรถ เอมพีวี รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์โดยรวมนั้นมีหลายปัจจัยด้วยกัน การเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น ควรพิจารณาถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆ ควบคู่กันหลายๆ ด้าน เช่น ระดับค่าจ้าง อัตราการจ้างงาน หนี้สาธารณะ การลงทุน การผลิต และปัจจัยการผลิต เป็นต้น นอกจากนี้การเติบโตของอุตสาหกรรมรถยนต์ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายๆ อย่างด้วยกัน อาทิ อัตราเงินเฟ้อ การลงทุน และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมัน จึงส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม ดังนี้
ผลกระทบทางตรง คือ ต้นทุนการผลิตของอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานประเภทปิโตรเคมีขั้นต้น และราคาพลังงานอื่นที่ไม่ใช่น้ำมันดีเซล ได้ปรับตัว ต้นทุนค่าขนส่งระหว่างประเทศ และภายในประเทศสูงขึ้น
ผลกระทบทางอ้อม เช่น ภาวะเงินเฟ้อ โดยการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องหลายประเภทมีต้นทุนสูงขึ้น ทำให้ระดับราคาสินค้าโดยรวมเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และเสถียรภาพของเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี เราเชื่อว่าสภาพการณ์อันเกิดจากการเพิ่มขึ้นของระดับราคาน้ำมัน จะไม่ส่งผลกระทบในระยะยาว เนื่องจากภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการจะมีการปรับตัวเพื่อรองรับราคาน้ำมันที่สูงขึ้นแตกต่างกันไป เช่น พยายามใช้แหล่งพลังงานอื่นที่มีราคาต่ำกว่ามาทดแทนแหล่งพลังงานเดิมมากขึ้น เพื่อลดต้นทุนการผลิต การเปลี่ยนวิธีขนส่งสินค้า การปรับปรุงระบบ การจัดเก็บและการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งสินค้าระหว่างโรงงานผู้ผลิต กับผู้ผลิตชิ้นส่วน ให้มีประสิทธิภาพ และมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
ในอนาคต ฟอร์ด พร้อมที่จะนำยานยนต์ชั้นนำหลากประเภทหลายรุ่น มาเสนอให้แก่ลูกค้าชาวไทยอย่างแน่นอน แต่ขณะนี้ เรายังไม่สามารถบอกชื่อรุ่น หรือรายละเอียดที่ชัดเจนได้
สินค้าที่ ฟอร์ด จะนำเข้ามาขาย จะต้องอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้า เราจะนำเสนอแต่สินค้าที่ลูกค้าเกิดความพึงพอใจสูงสุด ซึ่งรถ เอมพีวี ถือเป็นรถอีกประเภทหนึ่งที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะประโยชน์ใช้สอยที่ตรงกับลูกค้ากลุ่มนี้ ถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญที่ทำให้รถ เอมพีวี ประสบความสำเร็จ"
ฮอนดา
พงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทย จำกัด
"อนาคตรถ เอมพีวี ของ ฮอนดา ขณะนี้คนส่วนใหญ่จะให้ความสนใจมากขึ้น เพราะมองที่ประโยชน์ใช้สอยมากกว่าความสะดวก และหรูหรา อีกทั้งราคาก็ไม่สูงมาก จนไม่สามารถเป็นทางเลือกหนึ่งได้ แต่คิดว่าคนส่วนมากที่ยังไม่เคยใช้รถ ถ้าคิดจะซื้อรถประเภท เอมพีวี คงเป็นไปไม่ได้ เพราะยังยึดติดรถเก๋งและพิคอัพมากกว่า แต่ถ้าเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีรถยนต์เป็นของตัวเองแล้ว และกำลังมองหารถใหม่อยู่ คาดว่ารถประเภท เอมพีวี น่าจะอยู่ในทางเลือกแรก
รถ เอมพีวี เน้นประโยชน์ใช้สอยมากกว่ารถเก๋ง และรถพิคอัพ อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย น้ำหนักรถมีขนาดมากกว่า อัตราการบริโภคน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น เพราะเครื่องยนต์ส่วนมากมีขนาดพอเหมาะไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป บางรุ่นใช้เครื่องยนต์เดียวกันกับรถเก๋ง ทำให้ราคาน้ำมันไม่มีผลกับการตัดสินใจซื้อของลูกค้า
ในอนาคตรถ ฮอนดา ยังไม่มีการแนะนำรถ เอมพีวี รุ่นใหม่ เพราะมี ออดิสซีย์ และสตรีม ที่ได้รับความนิยมอยู่ โดยยังไม่เล็งเห็นตัวใหม่ จะมีเพียงแค่ไมเนอร์เชนจ์เท่านั้น"
เกีย
บุญฤทธิ์ ผ่องเมฆินทร์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี จะโตขึ้นอีก แต่จะเน้นลักษณะของความประหยัด คือ เครื่องยนต์ดีเซล ไม่ใหญ่มาก โดยเน้นบรรทุกคนเป็นหลัก แต่จะมีขนาดใหญ่ และหลังคาสูง รถจะมีลักษณะเดียวกันกับ โตโยตา อวันซา
เหตุผลที่รถ เอมพีวี ได้รับความนิยม เพราะเศรษฐกิจของไทยยังไม่เติบโตมากนัก คนที่มีโอกาสได้นั่งรถสูงๆ ไม่อยากกลับไปนั่งรถเล็กอีก เพราะให้ความรู้สึกสบายต่างกัน รวมถึงครอบครัวในปัจจุบันจะแยกกันอยู่ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จะอยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ การที่จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันคือ การอยู่ในรถ ซึ่งเป็นสาเหตุให้รถ เอมพีวี เติบโต และได้รับความนิยม รวมถึงปัจจุบัน ด้วยความหรูหรา สวย สปอร์ท ทำให้ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
ส่วนราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้น มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคบ้าง แต่ถ้าเมื่อได้ลองแล้วเห็นถึงความประหยัด จะเป็นจุดขายที่ดื เพราะทุกคนคิดถึงความประหยัดด้วย
ในอนาคตรถ เอมพีวี กับรถขนาดเล็กจะเติบโตดีขึ้น เพราะแนวโน้มตลาดรถเมืองไทยจะเหมือนกับยุโรปที่นิยมรถขนาดเล็ก จะเรียกว่าเป็นเซกเมนท์ใหญ่ๆ เหมือนกับรถเก๋งขนาดกลาง คือ โตโยตา แคมรี หรือ ฮอนดา แอคคอร์ด ที่มีราคาอยู่ระหว่าง 1.2-1.7 ล้านบาท ส่วนรถ เอมพีวี จะเข้าไปใหญ่กว่ารถในเซกเมนท์นี้ หรืออีกนัยหนึ่งคือการเข้าไปแทนที่ รวมถึงจะมีรถใหม่มาเปิดตัวเพิ่มมากยิ่งขึ้น"
มาซดา
พินิจ งามพริ้ง ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท มาสด้าเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี ขนาดใหญ่ ปัจจุบันตลาดจะไม่ใหญ่มากนัก เพราะคนจะนิยมซื้อรถลักชัวรี โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่จะนึกถึงวัตถุประสงค์ของการใช้งาน แต่ในอนาคตคาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากทัศนคติของลูกค้าไม่หยุดนิ่ง อนาคตจะมองถึงประโยชน์ใช้สอยของรถมากขึ้น ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง
ผมมองว่าตลาดรถ เอมพีวี จะเข้ามาแทนที่ตลาดรถ เอสยูวี เพราะความเป็นรถ เอสยูวี ทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์สูงสุด แต่ที่จะได้รับความนิยมน่าจะเป็นมีนี เอมพีวี ส่วนเรื่องราคาน้ำมันนั้นไม่ค่อยจะมีผลเท่าไร เพราะว่าคนที่ซื้อรถประเภทนี้จะมีความต้องการความสะดวกสบาย เพื่อประโยชน์ใช้สอย
อนาคตตลาดรถ เอมพีวี ในเมืองไทยจะเติบโต เนื่องจากนอกเหนือจากความสะดวกสบาย และประโยชน์ใช้สอยแล้ว รถ เอมพีวี ยังมีความเป็นรถสปอร์ท สวยหรู"
มิตซูบิชิ
วิกรานต์ อมาตยกุล ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักการตลาด บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
"รถ เอมพีวี มีแนวโน้มมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ยุโรป หรือสหรัฐอเมริกา ที่ครอบครัวหนึ่งจะมีรถหลายคัน ทำให้เกิดความสิ้นเปลือง จึงเกิดรถประเภทนี้เพิ่มมากขึ้น และทำให้รถเก๋งลดลงเรื่อยๆ เพราะรถ เอมพีวี คือรวม รถเก๋ง รถตู้ ในคันเดียวกัน
ตรงจุดนี้ทำให้เมืองไทยเริ่มเปลี่ยนความคิดตาม จะเห็นได้จากปีที่ผ่านมามีรถประเภทนี้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยมากขึ้น เช่น ฮอนดา ออดิสซีย์/มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน และโตโยตา วิช นอกจากนี้ยังมี มีนี เอมพีวี อีก อย่างเช่น ฮอน แจซซ์ หรือ โตโยตา อวันซา ทำให้ตลาดรถ เอมพีวี เติบโตสูงสุดกว่า 200 %
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ความนิยมเพิ่มมากขึ้น เกิดจากปัจจัยหลายด้าน คือ ตอบสนองได้ทุกรูปแบบ การขับขี่เหมือนรถเก๋ง ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของทุกคนได้ และพวกกลุ่มผู้บริโภคที่ชอบสิ่งแปลกใหม่ การปรับตัวของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นมีผลบ้างในระยะสั้นด้านจิตวิทยา แต่ไม่ถึงกับจะหยุดซื้อ เพราะเมืองไทยอากาศร้อน คนคงไม่ขี่จักรยาน รวมถึงผู้ผลิตรถส่วนใหญ่จะนำเรื่องอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมาเป็นปัจจัยให้ผู้บริโภคสนใจ และผ่อนคลาย แต่ด้วยพฤติกรรมของคนยังคงจะใช้รถอยู่ และจะไปประหยัดในส่วนอื่นทดแทน
ตลาดรถ เอมพีวี ในอนาคต หวังว่าจะเป็นเหมือนกับต่างประเทศคือ แทนรถเก๋ง และรถตู้ หรือมีสัดส่วน 1 ใน 3 ของยอดขายรถเก๋ง ในประเทศไทยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 5 ปี เพราะคนเริ่มเบื่อรถเก๋ง"
โตโยตา
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
"ตลาดรถ เอมพีวี ในปัจจุบันความเป็นจริงในช่วงนี้ เติบโตตามตลาดเนื่องจากมีรถรุ่นใหม่แนะนำเข้ามา และตลาดยังไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไปตามกลไกของตลาด แต่ไม่ได้เติบโตมากเหมือนกับช่วงที่ผ่านมา รวมถึงรถ เอมพีวี สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานมากกว่ารถเก๋ง ส่วนใหญ่คนที่นิยมจะเป็นการซื้อเพิ่ม ไม่ได้ซื้อแทนจริงๆ ยกเว้น กรณีของ โตโยตา วิช ที่ตำแหน่งของสินค้าวางแทนรถเก๋งได้บางส่วน มีลูกค้าบางกลุ่มที่เปลี่ยนจากซื้อเก๋งมากซื้อ วิช แทน
สำหรับราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น มีผลระยะสั้นในเรื่องของความรู้สึก แต่ในระยะยาวก็พิสูจน์แล้วว่า เมื่อเบนซินขึ้นราคา ยอดขายของรถยนต์ก็ไม่ได้ตกลง รวมถึงการขึ้นราคาน้ำมันดีเซล ผู้บริโภคก็เข้าใจแล้วว่าราคาของน้ำมันไม่อาจปรับไปสู่แบบเดิมได้ อาจมีการเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้รถบ้าง โดยผู้ใช้รถมีความเข้าใจมากขึ้น
ดังนั้นตลาดรถ เอมพีวี ในอนาคตนั้นยังโตต่อไป เพราะสินค้าเป็นตัวดึงเวลา มีการเปลี่ยนรุ่น จึงมีโอกาสโต ดูได้จากตลาดรถภายในประเทศเดิมจะมีอยู่ 2 ตลาด คือ พิคอัพ และเก๋ง แต่ปัจจุบันมีรถประเภทอื่นเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เอสยูวี และ เอมพีวี หลากหลายประเภท ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มของประเทศที่เจริญกว่า รวมถึงพฤติกรรมการใช้รถมีการเปลี่ยนแปลง การครอบครองมีเพิ่มขึ้น จากอดีตครอบครัวหนึ่งจะมีรถแค่ 1 คัน แต่ปัจจุบันนี้เปลี่ยนไปแล้ว คือ มีมากกว่า 1 คัน ดังนั้นตลาดรถไม่ว่าจะเป็นรถประเภทไหน การเติบโตจึงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
เอมพีวี ในตลาดปัจจุบัน
เชฟโรเลต์ ซาฟีรา
ซาฟีรา (ZAFIRA) รถรุ่นแรกของค่าย เชฟโรเลต เซลส์ ฯ ในเมืองไทย ที่ขายมานานกว่า 5 ปี จนเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของค่ายนี้ไปแล้ว
ความยาวตัวรถที่ใกล้เคียงกับซีดานขนาดกลาง และความกะทัดรัดของรูปทรง ทั้งที่เป็นรถแบบ 7 ที่นั่ง และเบาะนั่ง สามารถพับเก็บได้สะดวกรวดเร็ว ที่เป็นจุดเด่นของ ซาฟีรา
ในปัจจบัน เชฟโรเลต เซลส์ ฯ ผลิต ซาฟีรา ออกมาจำหน่ายถึง 5 รุ่น โดยมีเครื่องยนต์เบนซินแบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ให้เลือก 2 ขนาด คือ 1.8 ลิตร รหัส เซด 18 จี 115 แรงม้า และ 2.2 ลิตร รหัส เซด 22 จี 145 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ
ซาฟีรา อาจไม่ใช่รถรุ่นใหม่ที่น่าสนใจ เหมือนเช่นเดิม แต่ยังคงเป็นทางเลือกเดียวของคนชอบรถยุโรป สำหรับ มีนีเอมพีวี ส่วนราคานั้น มีหลายระดับตั้งแต่ 1.8 จีแอล 919,000 บาท 1.8 ซีดี 1,053,500 บาท 2.2 ซีดีเอกซ์ 1,270,500 บาท 2.2 แอลที 1,330,000 บาท และ 2.2 สปอร์ท ที่เสริมชุดแต่งหล่อรอบคัน ในราคา 1,383,000 บาท
ข้อมูลจำเพาะ เชฟโรเลต์ ซาฟีรา 2.2 สปอร์ท
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2791-3400
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,320/1,740/1,680
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,460/1,475
ฐานล้อ (มม.) 2,695
น้ำหนักรถ (กก.) 1,470
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 58
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,198
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 86.0/94.6
อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 145/5,800
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 20.7/4,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 4
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ชอคอับแกส พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม ทเรลิงค์อาร์ม ชอคอับแกส พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส และอีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 1,383,000
ซีตรอง เซ วิต
เซ วิต (C8) เอมพีวี หรู จากเมืองน้ำหอม แห่งค่าย ซีตรอง ที่ออกมาแทน เออวาซีอง (EVASION) ในรูปทรงแปลกตาคล้ายยานอวกาศ
ห้องโดยสารล้ำยุค ไม่เหมือนใคร เรือนไมล์ยาวเต็มคอนโซลหน้า มาตรวัด 3 ชุด อยู่ตรงกลางพื้นที่ภายในกว้าง เบาะนั่งแบบแยก 7 ที่นั่ง และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะนั่งได้ตามความต้องการ ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ ที่แยกปรับอุณหภูมิด้านซ้ายและขวาได้อย่างอิสระ และระบบปรับแรงลมสำหรับผู้โดยสารตอนหลังได้จากด้านหน้า
เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.0 ลิตร รหัส อีดับเบิลยู 10 เจ 4 แบบ 4 สูบเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว 138 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบมีบวก/ลบ
ราคาค่าตัวกว่า 2 ล้านบาท ของ ซีตรอง เซ วิต อาจจะสูงเกินไปสำหรับรถขนาด 2.0 ลิตร แต่ถ้าเป็น เอมพีวี มีเสน่ห์ตรงรูปร่างหน้าตาที่แปลกตา ล้ำยุค ก็เป็นเรื่องที่น่าคิด
ข้อมูลจำเพาะ ซีตรอง เซ วิต
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท ยนตรกิจ ออโตเซ็นเตอร์ จำกัด
โทร. 0-2267-2939-59
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,727/1,854/1,752
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,545/1,535
ฐานล้อ (มม.) 2,823
น้ำหนักรถ (กก.) 1,612
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 80
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 1,997
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 85.0/88.0
อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 138/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 19.4/4,100
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 4
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ชอคอับแกส พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ มัลทิอาร์ม ชอคอับแกส พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส และอีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 2,180,000
ฮอนดา ออดิสซีย์
ออดิสซีย์ (ODYSSEY) รุ่นที่ 3 แตกต่างไปจาก 2 รุ่นแรก อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความสูงที่ลดต่ำลง และรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยว สไตล์สปอร์ท
เบาะทั้ง 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ เบาะแถวกลางพับแยก 60/40 ได้ ส่วนเบาะแถวที่ 3 พับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
ออดิสซีย์ ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ไอ-วีเทค 2.4 ลิตร 160 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นเดียวกันกับ แอคคอร์ด พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ กับฟังค์ชัน เอส-เมทิค (S-MATIC) ที่เลือกบวก/ลบเกียร์ได้คล้ายเกียร์ธรรมดา
ราคาของ ฮอนดา ออดิสซีย์ ใหม่ มีให้เลือก 2 ระดับ คือ รุ่น อีแอล 2,690,000 บาท และรุ่น อีแอลเอกซ์ 2,790,000 บาท ซึ่งเพิ่มถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านนิรภัยมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ข้อมูลจำเพาะ ฮอนดา ออดิสซีย์ อีแอลเอกซ์
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2744-7744, 0-2744-7755
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,765/1,800/1,550
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,560/1,560
ฐานล้อ (มม.) 2,830
น้ำหนักรถ (กก.) 1,675
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 65
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ไอ-วีเทค
ความจุ (ซีซี) 2,354
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 87.0/99.0
อัตราส่วนกำลังอัด 9.7:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 160/5,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 22.2/4,500
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 5 มีบวก/ลบ
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง รีแอคทีฟลิงค์ ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส และอีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 2,790,000
ฮอนดา สตรีม
สตรีม (STREAM) รุ่นที่ 2 ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันนี้ แตกต่างไปจากรุ่นแรก ไม่เพียงหน้าตาที่เน้นความสปอร์ทมากยิ่งขึ้น ยังได้แยกออกเป็น 2 รุ่น คือ รุ่น เอส และรุ่น อี
ในรุ่น อี ใช้ไฟหน้าสีเข้ม กระจังหน้า 2 ชั้น กันชนขนาดใหญ่มีไฟตัดหมอกทรงกลมสไตล์สปอร์ท เสริมด้วยสเกิร์ทรอบคัน ต่างกับในรุ่น เอส ที่แต่งแบบเรียบๆ ไฟท้ายเข้ารูปและเป็นสปอยเลอร์หลังคาในตัว แปลกตาไม่แพ้รูปทรง
เบาะทั้ง 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ เบาะแถวกลางพับแยก 60/40 ได้ เบาะแถวที่ 3 พับเก็บแบนราบ เมื่อต้องการพื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่ม
สตรีม ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ไอ-วีเทค 2.0 ลิตร 156 แรงม้า รุ่นเดียวกับ แอคคอร์ด ซีอาร์-วี และ ซีวิค รุ่น 2.0 พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ บวก/ลบเกียร์ได้
ราคาของ ฮอนดา สตรีม เริ่มต้นที่ รุ่น เอส 1,114,000 บาท และเพิ่มอีก 64,000 บาท สำหรับรุ่น อี ที่มีชุดแต่งและเบาะบุด้วยหนังแท้
ข้อมูลจำเพาะ ฮอนดา สตรีม อี
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2744-7744, 0-2744-7755
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,550/1,695/1,590
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,470/1,470
ฐานล้อ (มม.) 2,720
น้ำหนักรถ (กก.) 1,430
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 55
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว ไอ-วีเทค
ความจุ (ซีซี) 1,998
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 86.0/86.0
อัตราส่วนกำลังอัด 9.7:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 156/6,500
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 19.2/4,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 5 มีบวก/ลบ
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง รีแอคทีฟลิงค์ ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส และอีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 1,178,000
เกีย คาเรนส์
คาเรนส์ (CARENS) เป็นรถอเนกประสงค์เพียงรุ่นเดียวในกลุ่ม มีนีเอมพีวี ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
ช่วงฝากระโปรงหน้าที่ยาวทำให้ คาเรนส์ มีรูปร่างหน้าตาที่เอนเอียงไปทางรถ 5 ประตูตรวจการณ์มากกว่ารถตู้ จนหลายคนเข้าใจผิด
พื้นที่ว่างเหนือศีรษะมาก ห้องโดยสารกว้างและยาว เพียงพอกับ 7 ที่นั่ง เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเองและพับแยก 50/50 เป็นโต๊ะวางของและแก้วได้ เบาะนั่งแถวที่ 3 สามารถพับเก็บแบบแบนราบ หรือจะพับเพียงพนักพิงเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระตามความต้องการ
เครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบเรียง คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบ อินเตอร์คูเลอร์ ขนาด 2.0 ลิตร 112 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ คือจุดเด่นของ คาเรนส์
สนนราคา 1,190,000 บาท บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด ตั้งไว้สำหรับ คาเรนส์ ที่ประกอบจากเกาหลี นั้น เทียบกับคู่แข่งถือว่าไม่แพง ถ้าทำใจได้เรื่องหน้าตา
ข้อมูลจำเพาะ เกีย คาเรนส์ ซีอาร์ดีไอ
ผู้จัดจำหน่าย บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด
โทร. 0-2611-6888
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,493/1,748/1,609
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,490/1,483
ฐานล้อ (มม.) 2,560
น้ำหนักรถ (กก.) 1,497
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 60
เครื่องยนต์
แบบ ดีเซล 4 สูบเรียง คอมมอนเรล ไดเรคท์อินเจคชัน
ความจุ (ซีซี) 2,398
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 78.4/82.8
อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 163/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 21.2/4,500
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 4
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ดูอัลลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี
หน้า จาน
หลัง ดุม
ราคา (บาท) 1,190,000
เกีย คาร์นิวัล
คาร์นิวัล (CARNIVAL) เป็นรถอเนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดใหญ่ ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะที่นั่งสามารถปรับเปลี่ยนหลายรูปแบบ
เกีย มี คาร์นิวัล ให้เลือกใช้ถึง 4 ระดับ คือ จีเอส รุ่นมาตรฐาน สำหรับครอบครัว แต่ถ้าต้องการดูแลเอาใจใส่บุคคลพิเศษ ที่ต้องใช้รถเข็น ก็ต้องรุ่น ทีแอลซี ที่มีเบาะนั่งแบบพิเศษ ปรับเลื่อนขึ้น/ลงจากตัวรถ ด้วยระบบไฟฟ้า ในรุ่น ฟแลกชิพ (FLAGSHIP) เพิ่มความหรูหราด้วยเบาะหนังแท้ขนาดใหญ่ 2 ชุด เครื่องเสียงพร้อมจอทีวีแบบแอลซีดี ส่วน รุ่น พแลทินัม (PLATINUM) ให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ด้วยกระจกบานสไลด์ปรับไฟฟ้า และผนังคอนโซลที่กั้นห้องโดยสารจากห้องคนขับ
คาร์นิวัล ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.4 ลิตร แบบ วี 6 สูบ 24 วาล์ว ควอด-แคม ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 21.2 กก.-ม. เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า
ถ้าชอบความแกร่ง เกีย คาร์นิวัล น่าตรงใจมากกว่า เอมพีวี รุ่นอื่นๆ แต่หน้าตาอาจจะดูเชย และตกยุค
ข้อมูลจำเพาะ เกีย คาร์นิวัล จีเอส
ผู้จัดจำหน่าย บริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด
โทร. 0-2611-6888
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,925/1,900/1,805
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,625/1,600
ฐานล้อ (มม.) 2,905
น้ำหนักรถ (กก.) 1,903
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 75
เครื่องยนต์
แบบ วี 6 สูบ DOHC 24 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,398
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 78.4/82.8
อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 163/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 21.2/4,500
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 4
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทเรลิงอาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส
หน้า จาน
หลัง ดุม
ราคา (บาท) 1,694,000
มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน
กรันดิส (GRANDIS) หรือที่รู้จักกันในบ้านเราว่า สเปศ แวกอน (SPACE WAGON) เป็นรถยนต์นั่งอเนกประสงค์รุ่นที่ 4 ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส
จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ โคมไฟหน้าคล้ายหัวลูกศร และไฟแบบโพรเจคเตอร์ ด้านท้ายโค้งมนลงตัว รับกันกับไฟท้ายใสทรงตั้งแบบ LED และสปอยเลอร์
ห้องโดยสารเป็นแบบทูโทน ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับอากาศด้านหลังแยกอิสระสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 2 และ3 เครื่องเสียงที่สามารถเล่นแผ่น DVD/ VCD และ MP3 พร้อมจอมอนิเตอร์เหนือศีรษะสำหรับคนนั่งด้านหลัง
สเปศ แวกอน ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร 165 แรงม้า ระบบเกียร์ INVECS II แบบขั้นบันได 4 จังหวะ พร้อม SPORTRONIC บวก/ลบ ตำแหน่งเกียร์ได้คล้ายเกียร์ธรรมดา
สเปศ แวกอน ดูสปอร์ท และหรูหรา สมกับราคา 1.5 ล้านบาท แต่หนักใจกับเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร
ข้อมูลจำเพาะ มิตซูบิชิ สเปศ แวกอน จีแอลเอส
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
โทร. 0-2906-8000
มิติและน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,765/1,795/1,690
ช่วงล้อหน้า/หลัง (มม.) 1,550/1,555
ฐานล้อ (มม.) 2,600
น้ำหนัก (กก.) 1,620
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 65
เครื่องยนต์
ชนิด 4 สูบเรียง SOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 2,378
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 87.0/100.0
อัตราส่วนกำลังอัด 9.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 165/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 22.1/4,000
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 4
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ เซมิทเรลิง อาร์ม คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 1,550,000
เปอโฌต์ 807
807 เอมพีวี หรู ในอนุกรม 8 ที่ออกมาทดแทน 806 มีรูปทรงแปลกตาคล้ายยานอวกาศ ด้านหน้าโค้งมนคล้ายรถเก๋งยกสูง ด้านหลังยังคงรูปแบบของรถตู้
แปลกตากับเรือนไมล์ยาวเต็มคอนโซลหน้า พร้อมกล่องเก็บของทั้งฝั่งซ้าย/ขวา และมีมาตรวัด 3 ชุด สีเขียวตัดด้วยเข็มสีแสด ขนาดใหญ่ อยู่ตรงกลางเสริมด้วยจอแสดงไฟสัญญาณเตือน และมาตรวัดระยะทางกับตัวอักษรบอกตำแหน่งเกียร์ เพื่อป้องกันความสับสน
พื้นที่ภายในกว้างรองรับสมาชิกถึง 7 คนได้อย่างสบาย และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะนั่งได้ตามความต้องการ เพื่อรองรับกับสัมภาระ
เครื่องยนต์เบนซินรหัส อีดับเบิลยู 10 เจ 4 แบบ 4 สูบเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ขนาด 2.0 ลิตร 138 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ แบบบวก/ลบ
ราคาค่าตัว 2.2 ล้านบาท ไม่ได้สูงจนทำให้ต้องลำบากใจ
ข้อมูลจำเพาะ เปอโฌต์ 807
ตัวแทนจำหน่าย บริษัท ยูโรเปียน โอโตโมบิลล์ จำกัด
โทร. 0-2234-0921, 0-2266-7777
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,727/1,854/1,752
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,545/1,535
ฐานล้อ (มม.) 2,823
น้ำหนักรถ (กก.) 1,612
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 80
เครื่องยนต์
แบบ 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 1,997
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 85.0/88.0
อัตราส่วนกำลังอัด 10.5:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 138/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 19.4/4,100
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์อัตโนมัติ (จังหวะ) 4
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ชอคอับแกส พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ มัลทิอาร์ม ชอคอับแกส พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส และอีบีดี
หน้า จาน มีช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) 2,200,000
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8075
BMW
ผู้ผลิตยานยนต์
บมจ.ยนตรกิจบาวาเรีย หรือ BMW เป็นบริษัทผลิตยานยนต์ของประเทศเยอรมนี บริษัทก่อตั้งในปีค.ศ. 1916 เมื่อแรกก่อตั้งเป็นบริษัทผลิตเครื่องยนต์อากาศยานสำหรับสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
Gallery (10)
Promotions
Lorem ipsum dolor sit amet, consetetur sadipscing elitr, sed diam nonumy eirmod tempor invidunt ut labore et dolore magna aliquyam erat, sed diam voluptua. At vero eos et accusam et justo duo dolores et ea.
รุ่นรถเพิ่มเติม
Lorem ipsum dolor sit amet, consetetur sadipscing elitr, sed diam nonumy eirmod tempor invidunt ut labore et dolore magna aliquyam erat, sed diam voluptua. At vero eos et accusam et justo duo dolores et ea.
VDO
Lorem ipsum dolor sit amet, consetetur sadipscing elitr, sed diam nonumy eirmod tempor invidunt ut labore et dolore magna aliquyam erat, sed diam voluptua. At vero eos et accusam et justo duo dolores et ea.