ทดสอบ(formula) 1 Apr 2014
Suzuki Swift/Toyota Yaris/Honda Brio
ในที่สุดตลาดอีโคคาร์ ก็มีผู้ทำตลาดกันครบ โดยรายล่าสุด คือ โตโยตา (TOYOTA) จับแฮทช์แบคตัวเก่งของค่ายอย่าง ยารีส (YARIS) เดิมรถรุ่นนี้อยู่ในพิกัด บี เซกเมนท์ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร จำแลงกายเป็นรถเน้นความประหยัด ขนาดเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร ภายใต้ขนาดตัวที่ใหญ่โตคงเดิม มาดูกันว่าแฮทช์แบคชื่อเดิม แต่บทบาทใหม่ จะทำได้ดีแค่ไหน เมื่อโดนประกบกับบรรดาคู่แข่งอีโคคาร์ เครื่องยนต์ 4 สูบเหมือนกัน !?!
EXTERIOR ภายนอก
ยารีส รุ่นล่าสุด เปิดตัวก่อนหน้านี้ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ถูกวางตำแหน่งเป็นรถ บี เซกเมนท์ เต็มตัว แถมมีมิติตัวถังใหญ่กว่าเดิมเกือบทุกสัดส่วน จากการใช้โครงสร้างพื้นฐานร่วมกับซีดานร่วมค่ายอย่าง วีออส (VIOS) ทำให้แฮทช์แบครุ่นนี้มีความยาว 4,115 มม. และระยะฐานล้อถึง 2,550 มม. มากกว่า ยารีส รุ่นก่อนด้วยซ้ำ กับมิติความยาว 3,800 มม. และระยะฐานล้อ 2,460 มม. เท่านั้น
แน่นอนว่า ยารีส รุ่นนี้มีความได้เปรียบเรื่องขนาดของตัวถังมากๆ เมื่อเทียบกับแฮทช์แบคอีโคคาร์ โดยทาง สวิฟท์ มีมิติตัวถังในส่วนนี้ ที่ 3,850 และ 2,430 มม. ตามลำดับ และยิ่งดูแตกต่างกันมากมาย กับอีโคคาร์ ที่มีขนาดเล็กที่สุดในกลุ่มอย่าง บรีโอ กับมิติตัวถังที่ 3,610 และ 2,345 มม. เท่านั้น
นอกจากขนาดที่ใหญ่โตกว่าใคร รูปทรงโดยรวมของรถรุ่นนี้มีความทันสมัย และลงตัวอย่างน่าพอใจ ต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่ดูเรียบง่ายไปถนัด ช่วงหน้าที่ยาว รับกับไฟหน้าทรงเหลี่ยม ให้มาดสปอร์ทแก่รถรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ไฟท้ายทรงบูเมอแรงอาจดูแปลกตาไปบ้าง แต่เพิ่มความโดดเด่นได้ดีเช่นกัน
จะว่าไปแล้วกฎเกณฑ์ของอีโคคาร์ในบ้านเรา ไม่ได้ระบุกำหนดเรื่องขนาดของตัวถัง ผลดีจึงอยู่ที่ผู้บริโภคที่มีตัวเลือกรถขนาดใหญ่โตพอเพียง ภายใต้ราคาที่ไม่ไกลเกินเอื้อมมากยิ่งขึ้น แต่จะมีผลกับอัตราเร่ง และการประหยัดเชื้อเพลิงแค่ไหน ต้องติดตามดูในหัวข้อต่อๆ ไป
INTERIOR ภายใน
นอกจากภายนอกแล้ว ยารีส ปรับรูปแบบการตกแต่ง และวัสดุโดยรอบห้องโดยสารมาจาก วีออส ส่งผลให้ห้องโดยสารมีความกว้างขวางที่เหลือเฟือ มีความภูมิฐานเกินหน้าอีโคคาร์ทั้งหลาย โดยเฉพาะลูกเล่นของพลาสติคขึ้นรูปให้ออกมาคล้ายกับขอบหนังเย็บด้าย ดูคล้ายกับรถหรูราคาแพง นอกจากนี้การประกอบโดยรวมยังแน่นหนาอย่างดี แทบจะเป็นมาตรฐานใหม่ของรถยนต์ราคาประหยัดก็ว่าได้
ในแง่ของความกว้างขวาง ยารีส ยังคงได้เปรียบคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด ด้วยระยะฐานล้อมากกว่าใคร สมกับการเป็นรถยนต์ระดับ บี เซกเมนท์ สมัยใหม่ ด้านหน้าโดยสารสบาย ด้านหลังมีระยะช่วงขามาก นั่งได้สบาย แต่เรารู้สึกว่าพนักพิงหลังทำมุมตั้งชันมากไปเล็กน้อย ถ้าเอนลาด หรือปรับระดับการเอนอีกสักนิด จะเพิ่มความสะดวกสบายของผู้โดยสารด้านหลังได้พอสมควร แต่จุดที่ขัดตา คือมาตรวัดความเร็วที่ใช้พื้นหลังเป็นกระดาษสีส้มสด ดูไม่เข้ากับแผงคอนโซลหน้าสีดำเอาซะเลย
หันมาดูคู่แข่งทั้ง 2 รุ่น สวิฟท์ มีคุณภาพการประกอบที่ดีไม่แพ้กัน แต่การตกแต่งโดยรวมที่เรียบง่ายกว่า อุปกรณ์ใช้สอยครบ ทั้งพวงมาลัย มัลทิฟังค์ชัน แอร์อัตโนมัติ อีกทั้งความกว้างขวางด้านหน้าที่สูสีกับ ยารีส แต่พื้นที่ของผู้โดยสารด้านหลังมีน้อยกว่าอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากขนาดตัวที่ย่อมกว่า แต่ที่ดูเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด คือ บรีโอ ที่ดูอ่อน ด้อยเรื่องอุปกรณ์ใช้สอย การประกอบโดยรวมทำได้แน่นหนาเช่นกัน แต่มีการตกแต่งที่ไม่โดดเด่นนัก แม้จะเปลี่ยนมาใช้โทนสีดำแล้วก็ตาม อีกทั้งความกว้างขวางที่ค่อนข้างจำกัด แม้ด้านหน้าจะโดยสารได้สบาย แต่ด้านหลังค่อนข้างจำกัดจำเขี่ย เช่นเดียวกับพื้นที่เก็บสัมภาระท้าย นับว่าน้อยที่สุดเลยก็ว่าได้เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
ENGINE เครื่องยนต์
ยารีส พกม้ามาทั้งหมด 86 ตัว ดูจะด้อยกว่าคู่แข่งทั้ง 2 รุ่นเล็กน้อย โดย สวิฟท์ มี 91 และ บรีโอ 90 แรงม้า อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าทุกคันเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน และไม่ต้องสงสัยเลยว่าน้ำหนักรวมของ ยารีส ย่อมมากกว่าคู่แข่งเช่นกัน อันเป็นข้อเสียของการมีตัวถังขนาดใหญ่ มาดูอัตราเร่งกันเลย
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ยารีส ทำได้ที่ 13.8 วินาที ขณะที่ สวิฟท์ ทำได้ 14.9 วินาที และ บรีโอ 14.8 วินาที นับเป็นเรื่องเกินคาดมากๆ ! เมื่ออัตราเร่งตีนต้นของ ยารีส ทิ้งห่างคู่แข่งร่วม 1 วินาที เริ่มแสดงให้เห็นแล้วว่าเครื่องยนต์บลอคนี้ของ ยารีส ไม่ธรรมดาเสียแล้ว
ต้นจัด แต่ปลายจะแผ่วหรือไม่ ? วัดกันที่ช่วงความเร็ว 0-1,000 ม. ยารีส ใช้เวลา 35.3 วินาที (ที่ความเร็ว 149.7 กม./ชม.) ส่วน สวิฟท์ ทำได้ 36.0 วินาที (ที่ 144.9 กม./ชม.) ขณะที่ บรีโอ ถูกลอคความเร็วที่ 140 กม./ชม. อัตราเร่งในส่วนนี้ คือ 36.3 วินาที แสดงให้เห็นว่าต่อให้เล่นกันยาว ยารีส ยังคงมีอัตราเร่งที่นำหน้าผู้อื่นไม่เปลี่ยแปลง
มาที่อัตราเร่งยืดหยุ่น 60-100 กม./ชม. แฮทช์แบคของ โตโยตา ทำเวลาได้ 7.7 วินาที ทางด้านคู่แข่งจาก ซูซูกิ ทำได้ 8.3 วินาที และ ฮอนดา 8.0 วินาที แม้ส่วนต่างของอัตราเร่งจะแคบเข้ามาบ้าง แต่ ยารีส ยังแสดงให้เห็นถึงความกระฉับกระเฉงเกินคาด โดยไม่เกี่ยงแรงม้า และน้ำหนักตัว
อัตราเร่งดีเกินคาดแบบนี้ มาดูกันว่าด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยจะทำได้ดีหรือไม่ ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ยารีส ทำได้ตามนี้ 29.2/24.3/18.9 กม./ลิตร สำหรับ สวิฟท์ ตัวเลขที่ 32.9/24.8/19.2 กม./ลิตร และ บรีโอ ที่ 36.1/29.8/19.8 กม./ลิตร ดูจากตัวเลขในส่วนนี้แล้ว ยารีส จะด้อยกว่าคู่แข่งเล็กน้อย โดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ บรรดาคู่แข่งประหยัดได้มากกว่า 30 กม./ลิตร ขึ้นไป แม้ช่วงความเร็ว 80 กม./ชม. จะลงมาสูสีกับ สวิฟท์ ก็ตาม และมาใกล้เคียงกับคู่แข่งทั้ง 2 รุ่นที่ความเร็ว 100 กม./ชม. แต่การสิ้นเปลืองของ ยารีส ยังมากกว่าเล็กน้อย
สิ่งที่เราสังเกตจากการทดสอบ ยารีส รุ่นล่าสุด นั่นคือ ช่วงขับอยู่ที่ความเร็วต่ำท่ามกลางการจราจรหนาแน่น และการเหยียบคันเร่งเพียงเล็กน้อย การตอบสนองค่อนข้างอืด ต้องเติมคันเร่งปานกลางจึงจะเพิ่มความเร็วเพื่อตามรถคันหน้าได้ อาจเป็นไปได้ว่าพละกำลังเมื่อกดคันเร่งน้อย จะมาแบบนิ่มๆ เน้นความประหยัด แต่สามารถ “พลิก” บุคลิกโดยสิ้นเชิง เมื่อกดคันเร่งสุด อัตราเร่งของ ยารีส ก็ไม่เป็นสองรองใครทันที
SUSPENSION ระบบรองรับ
อีโคคาร์ ที่เน้นการขับขี่ในเมือง แต่ขณะเดียวกันก็ต้องมีความมั่นคงที่น่าพอใจสำหรับการขับขี่ทางไกล คุณสมบัติที่ว่ามามีอยู่ในรถทั้ง 3 รุ่น ที่เรานำมาทดสอบ โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันเล็กน้อย ทางด้าน ยารีส ปรับแต่งช่วงล่างได้ค่อนข้างลงตัว ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ทั้งทางตรง และทางโค้ง การบังคับควบคุมมีน้ำหนักพอเหมาะ ให้ความรู้สึกดีกว่า ยารีส รุ่นก่อนหน้าด้วยซ้ำ เผลอๆ จะทำได้ดีใกล้เคียงรถขนาดใหญ่ระดับ ซี เซกเมนท์ บางรุ่นอีก !
สำหรับ สวิฟท์ แม้รูปทรงจะโฉบเฉี่ยว และสมรรถนะที่ดี แต่ช่วงล่างกลับเน้นความนุ่มนวลมากเกินคาด แต่ยังมีความมั่นคงที่พอเหมาะ ราวกับปรับแต่งช่วงล่างเน้นการใช้งานในเมือง และพื้นผิวถนนที่ขรุขระในบางจุดของบ้านเรา ขณะที่ บรีโอ เน้นการขับสนุก ช่วงล่างแบบหนึบนุ่ม พวงมาลัยตามสนองดี หากใช้ยางที่มีขนาดใหญ่กว่านี้จะเสริมความมั่นใจได้อีกมาก
สุดท้าย คือ ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ยารีส ใช้ระยะเบรคทั้งสิ้น 15.6/28.6/43.4 ม. เทียบกับ สวิฟท์ ที่ทำได้ 16.2/28.8/45.0 ม. และ บรีโอ 17.7/30.7/46.4 ม. ผลจากช่วงล่างที่ดี และยางที่ใช้ คือ บริดจ์สโตน อีโคเพีย ทำให้มีระยะเบรคที่น่าพอใจ
โตโยตา ยารีส อาจเป็นอีโคคาร์ รายล่าสุดที่มาร่วมวงทำตลาดรถเซกเมนท์นี้ ถ้าเทียบกกับรถรุ่นแรก นั่นคือ นิสสัน มาร์ช ก็เป็นเวลาที่ห่างกันเกือบ 3 ปีทีเดียว และในระหว่างนั้นก็มีบรรดารถรุ่นต่างๆ เปิดตัวมากมาย โกยยอดจำหน่ายไปล่วงหน้า แต่การมาช้าของ ยารีส ทำให้ผู้ผลิตมีเวลาปรับปรุง และรวมเอาข้อดีของอีโคคาร์ รุ่นต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นตัวถังขนาดใหญ่ของรถ บี เซกเมนท์ (เหมือนที่ นิสสัน อัลเมรา ทำมาแล้ว) การตกแต่งภายในที่ดีเกินราคา การประกอบที่แน่นหนา (แนวทางเดียวกับ ซูซูกิ สวิฟท์) อัตราเร่งที่ดี ฉับไว (ทำได้ดีกว่า ผู้นำด้านอัตราเร่งเดิมอย่าง ฮอนดา บรีโอ) และระบบรองรับที่มั่นคง (แนวทางเดียวกับของ นิสสัน มาร์ช) ภายใต้การประหยัดเชื้อเพลิงมาตรฐานรถกลุ่มนี้ จนแทบจะบอกได้ว่านี่คือ อีโคคาร์ ที่มีจุดเด่น “ครบเครื่อง” คันหนึ่งเลยทีเดียว
อาจมาช้าไปหน่อย แต่ก็คุ้มค่าสำหรับคนที่ยังคอย แต่ใครที่ไม่ได้คอย จะค่อยเปลี่ยนใจทีหลัง ก็ไม่ผิดอะไรนี่นะ !?