ทดสอบ(formula) 27 Dec 2021
ORA GOOD CAT 500 ULTRA
รถยนต์ไฟฟ้า คือ หนึ่งในกระแสที่กำลังมาแรงของโลกยานยนต์ รวมถึงบ้านเราด้วย ความคาดหวังของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ๆ จึงมีสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ สมรรถนะ ระยะทำการที่มากพอ และแน่นอนว่า รวมถึงราคาที่ไม่สูงเกินไปนัก การมาถึงรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นหนึ่ง สร้างกระแสได้อย่างมากมายในโลกออนไลน์ เราจึงมาพิสูจน์ความโดดเด่นของรถรุ่นนี้กัน นั่นคือ ORA GOOD CAT 500 ULTRA (ออรา กูด แคท 500 อุลทรา)
EXTERIOR ภายนอก
เส้นสายของ ORA GOOD CAT มาในสไตล์แฮทช์แบค เน้นความโค้งมน ไฟหน้าทรงกลม ชวนให้นึกถึงเส้นสายของรถคลาสสิคอย่าง VOLKSWAGEN BEETLE (โฟล์คสวาเกน บีเทิล) หรือที่บ้านเราเรียกกันติดปากว่า “โฟล์คเต่า” รูปทรงโดยรวมเน้นความเรียบเนียน ในรุ่นที่เรานำมาทดสอบ คือ ตัวทอพ 500 ULTRA ตัวถังจะใช้สีแบบทูโทน สีขาวในส่วนเสา และหลังคา สลับกับสีเขียวอมน้ำเงิน เป็นสีเฉพาะของตัวทอพรุ่นนี้ ไฟหน้าทรงกลม แต่เป็นการส่องสว่างแบบอัจฉริยะ ขณะที่ไฟท้ายทรงแปลกตา ไฟที่ส่องสว่างส่วนใหญ่จะถูกติดตั้งบริเวณส่วนล่างของกระจกบานท้าย มีรูปทรงเรียวพาดในแนวนอนตามความกว้างของตัวรถ ขณะที่ไฟส่วนอื่นจะอยู่บริเวณด้านล่างของกันชน จุดที่น่าสังเกต คือ กระจกบานท้ายไม่มีการติดตั้งที่ปัดน้ำฝนมาให้ แม้ตัวรถจะมีรูปทรงแบบแฮทช์แบคก็ตาม
INTERIOR ภายใน
โทนสีที่นุ่มนวลของตัวถังภายนอก ถูกนำมาใช้กับการตกแต่งห้องโดยสารด้วย การใช้วัสดุดูดี บ่งบอกคุณภาพที่คัดสรรมาอย่างประณีต พวงมาลัยทรง 2 ก้าน ดูแปลกตา แต่ให้ความรู้สึกย้อนยุคเล็กน้อย เบาะคู่หน้ามีความกว้างขวางเป็นอย่างดี ขณะที่เบาะหลังสามารถนั่งได้ 3 คนสบายๆ ปุ่มใช้งานต่างๆ เป็นสลักกดขึ้น/ลง ชวนให้นึกถึงรถยนต์ยี่ห้อ MINI (มีนี) ไม่น้อย จอแสดงผลตรงกลางมีขนาดใหญ่ ใช้สำหรับการแสดงผลที่หลากหลาย และการสั่งงานต่างๆ เช่นกัน รวมถึงการปรับแต่งการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าสามารถทำได้ผ่านหน้าจอดังกล่าว ซึ่งในระยะแรกอาจต้องทำความคุ้นเคยพอสมควร เนื่องจากหลายรายการไม่สามารถปรับแต่งผ่านปุ่มบนพวงมาลัยได้ ต้องสั่งงานผ่านหน้าจอดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หากมีความคุ้นเคยแล้วจะพบว่า การปรับแต่งระบบต่างๆ มีความหลากหลายตามความต้องการ หรือความชอบของผู้โดยสาร รวมถึงในรุ่นทอพ 500 ULTRA มีระบบนวดของเบาะผู้ขับอีกด้วย รวมถึงระบบระบายความร้อน และทำความอุ่นของเบาะคู่หน้า ตลอดจนการใช้งานระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติที่ทำงานได้อย่างชาญฉลาด สามารถจอดได้หลากหลายรูปแบบ แม้ในที่แคบก็ตาม เป็นระบบช่วยจอดอัตโนมัติที่ผู้ขับไม่ต้องควบคุมระบบเกียร์ และแป้นเหยียบใดๆ เลย ระบบจะทำงานให้เองโดยอัตโนมัติอย่างแท้จริง ขณะที่แผงหน้าปัดเป็นแบบดิจิทอล มีสีสันคมชัด และยังรองรับการสั่งงานด้วยเสียงที่ผู้โดยสารสามารถเปลี่ยนประโยคของการเริ่มทำงานได้ตามใจชอบ (อาศัยการพิมพ์ระบุในหน้าจอหลัก)
ENGINE เครื่องยนต์
จุดเด่นของ ORA GOOD CAT รุ่น 500 ULTRA คือ การหันมาใช้แบทเตอรีที่มีขนาดใหญ่ และเป็นแบบลิเธียม เทอร์นารี มีความทันสมัยกว่าแบทเตอรีลิเธียมทั่วไป ปกติแล้วจะถูกใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าราคาสูงกว่านี้ โดยมีข้อดี คือ เก็บกระแสไฟฟ้าได้ดี และช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้ามีระยะทำการที่สูงขึ้น โดย GOOD CAT มีความจุของแบทเตอรีที่ 63.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทำการสูงสุดที่ประมาณ 500 กม. จากการใช้งานจริงขณะทดสอบ เราพบว่าระยะทำการใกล้เคียงกับที่ผู้ผลิตระบุมา นั่นคือ อยู่ในช่วง 400 กม. ปลายๆ ในการใช้งานทั่วไป และยังรองรับการชาร์จประจุไฟฟ้ากระแสตรง (หรือแบบเร่งด่วน) ซึ่งมีความจำเป็นมากๆ สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ไม่เช่นนั้นการชาร์จจะใช้เวลานานหลายชั่วโมงอย่างแน่นอน ผู้ที่ใช้งานจึงควรมีแอพพลิเคชันที่ระบุตำแหน่งของสถานีชาร์จกระแสไฟฟ้า และมีตู้ชาร์จแบบเร่งด่วนด้วย
กลับมาที่การทดสอบสมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ มอเตอร์ไฟฟ้าของ GOOD CAT มีกำลังสูงสุดที่ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 21.4 กก.-ม. ถือว่ามีความเหมาะสม แม้แรงบิดสูงสุดน่าจะมากกว่านี้อีกสักนิด คู่เปรียบเทียบสมรรถนะของเราย่อมเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระดับใกล้เคียงกัน นั่นคือ อีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีนอย่าง MG ZS EV (เอมจี เซดเอส อีวี) มอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 35.7 กก.-ม. ภายใต้ตัวถังแบบครอสส์โอเวอร์ และอีกหนึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจากแดนอาทิตย์อุทัย มียอดจำหน่ายรวมทั่วโลกสูงเป็นลำดับต้นๆ นั่นคือ NISSAN LEAF (นิสสัน ลีฟ) มอเตอร์ไฟฟ้า 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม.
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ORA GOOD CAT ทำได้ที่ 9.4 วินาที และสูสีกันมากๆ คือ MG ZS EV 9.2 วินาที และทำเวลาเท่ากันอีก คือ NISSAN LEAF 9.2 วินาที การตอบสนองในช่วงความเร็วตีนต้น รถยนต์ไฟฟ้ายังคงมีความโดดเด่น เรารู้สึกว่าการส่งกำลังของ GOOD CAT เน้นความเรียบเนียน ไม่กระชากขณะออกตัว แต่ยังมีอัตราเร่งที่ทำได้ดีไม่แพ้คู่แข่ง
อัตราเร่ง 0-1,000 ม. รถยนต์ไฟฟ้าของ ORA ทำเวลาที่ 31.3 วินาที (ที่ความเร็ว 154.9 กม./ชม.) ส่วน MG คือ 31.5 วินาที (ที่ความเร็ว 151.6 กม./ชม.) และของ NISSAN อยู่ที่ 31.4 วินาที (ที่ความเร็ว 149.7 กม./ชม.) จะเห็นได้ว่า GOOD CAT มีช่วงความเร็วสูงสุดมากกว่าคู่แข่งเล็กน้อย ทำให้อัตราเร่งช่วงตีนปลายทำได้ดีกว่าอย่างฉิวเฉียด
อัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 60-100 และ 80-120 กม./ชม. ORA GOOD CAT ทำได้ที่ 4.6 และ 6.2 วินาที ส่วน MG ZS EV คือ 4.7 และ 6.4 วินาที ปิดท้ายด้วย NISSAN LEAF คือ 4.5 และ 5.9 วินาที ในส่วนนี้อัตราเร่งยืดหยุ่นของแต่ละยี่ห้อมีความใกล้เคียงกันมากๆ อีกครั้งราวกับนัดกันมา ! ยกเว้นช่วงความเร็วปลายที่ LEAF มีการตอบสนองที่ดีกว่าเล็กน้อย
SUSPENSION ระบบรองรับ
แม้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าเต็มตัว แต่การขับขี่ของ ORA GOOD CAT ก็ทำได้ดีเกินคาด ด้วยช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกนุ่มหนึบอย่างพอเหมาะ รองรับการใช้ความเร็วสูงได้ดีพอสมควร ช่วงล่างขณะใช้ความเร็วต่ำอาจให้ความรู้สึกแข็งอยู่บ้าง แต่ยังอยู่ในระดับที่รับได้ การบังคับควบคุมค่อนข้างเบามือ เสริมความมั่นใจขณะเข้าโค้งด้วยระบบช่วยบังคับควบคุมพวงมาลัยในทางโค้ง (คาดว่าเป็นการต่อยอดจากระบบรักษาตัวรถให้อยู่กลางเลน แต่พัฒนาให้ทำงานในขณะเข้าโค้งด้วย) ในช่วงแรกที่ใช้งานระบบช่วยการขับขี่ดังกล่าว ผู้ขับอาจมีความรู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง โดยขณะเข้าโค้งจะรู้สึกถึงแรงต้านบนพวงมาลัยเป็นระยะ แต่เมื่อคุ้นเคยแล้ว ผู้ขับเพียงประคองพวงมาลัยเหมือนการขับขี่ตามปกติก็เพียงพอ ระบบจะช่วยเหลือการบังคับควบคุมเพียงบางส่วนเท่านั้น ขณะที่ระบบความปลอดภัยของรุ่นทอพ 500 ULTRA ติดตั้งมาให้ครบครัน เกินหน้ารถยนต์ค่าตัวระดับ 1 ล้านบาทต้นๆ เช่นนี้ จัดเป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการใช้งานที่ครบครัน ทั้งในแง่ของการขับขี่ และระบบความปลอดภัย ตลอดจนระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ล้ำสมัย ตามแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้ายุคหน้า
รถยนต์ไฟฟ้าที่คุ้มค่าน่าคบหา
แม้ราคาค่าตัวที่อยู่ในช่วง 9 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาทต้นๆ โดย ORA GOOD CAT 500 ULTRA มีราคาที่ 1,199,000 บาท แม้ในช่วงแรกของการประกาศราคาอาจทำให้หลายคนรู้สึกว่า รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีราคา “สูงเกินคาด” แม้จะเป็นรถยนต์นำเข้าทั้งคันจากประเทศจีนก็ตาม แต่หลังจากที่เราได้มาทดสอบประสิทธิภาพในแง่มุมต่างๆ อัตราเร่งที่น่าพอใจ และระยะทำการที่มีให้อย่างเหลือเฟือ รองรับการเดินทางไกลได้ดีในระดับหนึ่ง ตลาดการใช้งานที่อุดมไปด้วยระบบอีเลคทรอนิคที่ชาญฉลาด แม้ต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นจะพบว่าระบบใช้งานมีความหลากหลายในแง่ของการปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของผู้โดยสารได้ดีมาก ตลอดจนระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ทันสมัย และครบครัน ทั้งที่ว่ามา ทำให้เรารู้สึกว่าระดับราคาของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ “มีความเหมาะสม และคุ้มค่า” เมื่อมองถึงสิ่งที่ GOOD CAT สามารถตอบสนองได้ หากผู้ที่สนใจมีงบประมาณมากพอ การหันมาให้ความสนใจกับรุ่น 500 ULTRA เป็นทางเลือกที่ดีมาก เพราะราคาขนาดนี้ แต่แล่นได้ไกลร่วม 500 กม. รถยนต์ไฟฟ้าราคาหลายล้านบาทบางรุ่นยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ !