ทดสอบ(4wheels) 18 Dec 2021
DFSK GLORY I-AUTO VS MG ZS
ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ยังคงเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนั้น ซึ่งครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีสัญชาติจีน เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ทั้งที่ใช้แบบติดเทอร์โบ ไม่มีเทอร์โบ และไฮบริด ทำเอาคนที่เคยใช้รถค่ายญี่ปุ่นต้องหันมามอง ครั้งนี้เราจึงนำเอา MG ZS (เอมจี เซดเอส) ที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก 1.5 ลิตร ราคาประหยัด มาปะทะกับ DFSK GLORY I-AUTO (ดีเอฟเอสเค กลอรี ไอ-ออโท) ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 7 ที่นั่ง เครื่องยนต์เบนซินขนาดเล็ก 1.5 ลิตร ติดเทอร์โบ ที่เข้ามาแบบเงียบๆ
EXTERIOR ภายนอก
บริษัท อีวี ฮาลิโคนิก จำกัด ผู้นำเข้า และจัดจำหน่าย DFSK GLORY ซึ่งเป็นครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีสัญชาติจีน ขนาด 7 ที่นั่ง ทำให้นึกถึง BAOJUN 530 (เปาจุน 530) ที่แปลงร่างเป็น CHEVROLET CAPTIVA (เชฟโรเลต์ แคพทิวา) รุ่นปี 2020 แต่มีตัวเลือกที่หลากหลาย รวมทั้ง เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 1.5 ลิตร 150 แรงม้า ในรุ่น 560 และเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 150 แรงม้า ในรุ่น I-AUTO ที่เรานำมาทดสอบ
DFSK GLORY I-AUTO มีตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 4,700/1,845/ 1,715 มม. ยาวและกว้างกว่ารถแนวครอสส์โอเวอร์ 7 ที่นั่งอย่าง MITSUBISHI XPANDER CROSS (มิตซูบิชิ เอกซ์แพนเดอร์ ครอสส์) 4,500/1,800/1,750 มม. และ SUZUKI XL7 (ซูซูกิ เอกซ์แอล 7) 4,459/1,775/1,710 มม.
เมื่อเทียบกับกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร DFSK GLORY I-AUTO มีขนาดตัวใกล้เคียงกับ CHEVROLET CAPTIVA ที่มีมิติ 4,655/1,835/1,760 มม. แต่เตี้ยกว่า ขณะที่ยาวและสูงกว่า MG HS (เอมจี เอชเอส) 4,574/1,876/1,664 มม.
ถ้าเป็นกลุ่มไฮบริด DFSK GLORY I-AUTO ยาวกว่า HAVAL H6 (ฮาวัล เอช 6) 4,653/1,886/1,724 มม. ใหญ่กว่า TOYOTA COROLLA CROSS (โตโยตา โคโรลลา ครอสส์) ที่มีขนาด 4,460/1,825/1,620 มม.
ไฟหน้าแบบ FULL LED พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน, กระจังหน้าแบบ INFINITE STARLIGHT DESIGN, ไฟท้ายแบบ FULL LED พร้อมไฟเลี้ยวแบบ SEQUENTIAL, หลังคาพาโนรามิคซันรูฟ, ประตูท้ายแบบเปิด/ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แตะเปิดด้วยเท้า และล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ยาง 225/55 R18 (อุปกรณ์มาตรฐานเวอร์ชันเดียวกับอินโดนีเซีย)
MG เปิดตัว ZS ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีรุ่นเล็กโฉมใหม่ หลังจากเปิดตัว และทำตลาดมานาน 3 ปี โดยปรับโฉม และปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น 3 รุ่น คือ รุ่น C+ (ซี พลัส) D+ (ดี พลัส) และ X+ (เอกซ์ พลัส)
ไฟหน้าแบบ LED และเลนส์พโรเจคเตอร์ เปิด/ปิดอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างกลางวันเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน (DAYTIME RUNNING LIGHTS) โฉบเฉี่่ยว ออกแบบโค้งมน กลมกลืนรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ กันชน และไฟตัดหมอกคมเข้มขึ้น ไฟ LED แนวนอนในชุดไฟท้ายคล้ายกับ HS (เอชเอส) ครอสส์โอเวอร์รุ่นใหญ่ และมีมิติตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 4,323/1,809/1,653 มม. และระยะฐานล้อ 2,585 มม. สั้นกว่าน้องใหม่มาแรง HAVAL JOLION (ฮาวัล โจไลออน) 4,472/1,841/1,619 มม. แต่ใหญ่กว่า NISSAN KICKS (นิสสัน คิคส์) 4,290/1,760/1,615 มม.
MG ZS สั้นกว่าคู่แข่งที่มีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง HONDA BR-V (ฮอนดา บีอาร์-วี) 4,456/1,735/1,666 มม. MITSUBISHI XPANDER 4,475/1,750/1,700 มม. และ SUZUKI XL7 (ซูซูกิ เอกซ์แอล 7) 4,459/1,775/1,710 มม.
INTERIOR ภายใน
ภายในห้องโดยสารติดตั้งเบาะนั่งแบบ 3 แถว 7 ที่นั่ง สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้หลากหลายตามการใช้งาน เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า ผู้ขับ 6 ทิศทาง ผู้โดยสาร 4 ทิศทาง พร้อมด้วยหน้าจออินโฟเทนเมนท์แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง (I-TALK) และปุ่มสั่งงานบริเวณแผงคอนโซล, ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย, ระบบเบรคมือไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติพร้อมช่องแอร์หลัง, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CRUISE CONTROL) และกล้องบันทึกภาพ VEHICLE RUNNING RECORDER เป็นต้น
ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสารจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 52/56/59/63 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่าคู่แข่งอย่าง MITSUBISHI XPANDER CROSS (61/64/68/71 เดซิเบล) และ SUZUKI XL7(60/60/66/68 เดซิเบล) รวมทั้ง TOYOTA COROLLA CROSS (61/62/65/69 เดซิเบล)
ห้องโดยสารทันสมัย และเสริมวัสดุบุนุ่มในหลายจุด หน้าปัดเป็นจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทอล (CLUSTER) ขนาด 7 นิ้ว คล้ายกับ HS จอแสดงผลบนคอนโซลหน้าระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว คมชัด รองรับการใช้งานระบบต่างๆ รวมถึงระบบ I-SMART สามารถอัพเกรดฟังค์ชัน และเรียนรู้การใช้งานด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมความสามารถพิเศษอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สั่งงานด้วยเสียง สั่งงานผ่านจอทัชสกรีน หรือสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน นอกจากนี้ ระบบเครื่องเสียงยังรองรับ APPLE CAR PLAY และระบบเชื่อมต่อมัลทิมีเดียกับสมาร์ทโฟนระบบ ANDROID พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิทอล ที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5
เบาะนั่งหุ้มหนัง เล่นสีทูโทน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค ในรุ่น X+ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CRUISE CONTROL) ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสารจากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 52/56/59/63 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่าคู่แข่งทั้ง HONDA BR-V (60/64/66/69 เดซิเบล) และ MITSUBISHI XPANDER (61/64/68/71 เดซิเบล)
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 4 สูบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติแปรผัน CVT (ซีวีที) ขับเคลื่อนล้อหน้าของ DFSK GLORY I-AUTO ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 15.7 วินาที ช่วงความเร็วตีนปลาย 0-1,000 ม. ใช้เวลา 37.0 วินาที ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 60-100 และ 80-120 กม./ชม. คือ 9.0 และ 11.9 วินาที ใกล้เคียงกับคู่แข่ง 7 ที่นั่งอย่าง MITSUBISHI XPANDER CROSS (15.5/37.0 และ 8.0/11.8 วินาที) แต่เป็นรอง SUZUKI XL7 (14.0/35.8 และ 7.5/10.7 วินาที) ช้ากว่าคู่แข่ง 5 ที่นั่งอย่าง MG HS เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร 162 แรงม้า (10.6/32.4 และ 5.2/7.9 วินาที) และ TOYOTA COROLLA CROSS คู่แข่งเครื่องยนต์ไฮบริด 122 แรงม้า (14.3/35.6 และ 7.6/10.5 วินาที)
ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลือง DFSK GLORY I-AUTO มีตัวเลขการประหยัดเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม. ทำตัวเลขได้เพียง 17.9/15.2/11.0/8.0 กม./ลิตร เป็นรองคู่แข่งทั้ง MITSUBISHI XPANDER CROSS ที่ทำไว้ 25.5/19.8/15.9/12.5 กม./ลิตร MG HS ที่ทำไว้ 23.8/19.2/14.7/11.0 กม./ลิตร SUZUKI XL7 ที่ทำไว้ 25.6/21.4/15.7/12.7 กม./ลิตรและ TOYOTA COROLLA CROSS ที่ทำไว้ 48.6/17.7/17.5/12.5 กม./ลิตร
MG ZS ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. เปลี่ยนระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติแปรผัน (ซีวีที) 8 จังหวะ เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง HONDA BR-V เกียร์อัตโนมัติแปรผัน MITSUBISHI XPANDER เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า แม้ว่า MG ZS ใหม่ จะใช้เกียร์อัตโนมัติแปรผัน 8 จังหวะ และยางขนาด 215/55 R17 อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 16.9/21.1 วินาที ใกล้เคียงรุ่นก่อน ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ (ยางขนาด 215/50 R17) ซึ่งทำไว้ 16.4/20.8 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 37.6 วินาทีเท่ากัน แต่ก็ยังช้ากว่า HONDA BR-V (12.8/19.1/34.2 วินาที) และ MITSUBISHI XPANDER (14.6/19.9/36.2 วินาที) ทุกความเร็ว ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. MG ZS ใหม่ ทำเวลาได้ 7.8/10.4 วินาที ดีกว่ารุ่นก่อน (8.3/12.3 วินาที) ใกล้เคียง HONDA BR-V (7.1/9.0 วินาที) และ MITSUBISHI XPANDER (7.4/11.3 วินาที)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. MG ZS ใหม่ ทำได้ที่ 22.3/19.9/16.1/11.2 กม./ลิตร ไม่ได้ประหยัดกว่ารุ่นก่อน (22.7/19.3/16.6/12.9 กม./ลิตร) และคู่แข่งทั้ง HONDA BR-V (25.1/22.1/17.0/12.8 กม./ลิตร) MITSUBISHI XPANDER (24.7/20.2/15.4/12.3 กม./ลิตร)
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ DFSK GLORY I-AUTO โดยรวมให้ความรู้สึกมั่นคง หนึบกำลังดี ไม่ถึงกับแข็งกระด้าง พวงมาลัยเบาแรงตามความเร็ว คล่องตัว และยังรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบายๆ
ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. DFSK GLORY I-AUTO ใช้ระยะเบรคสั้น อยู่ที่ 16.1/27.5/44.2 ม. เป็นรอง MITSUBISHI XPANDER CROSS (15.5/27.1/42.2 ม.) MG HS (15.0/27.1/41.8 ม.) SUZUKI XL7 (14.8/26.6/41.5 ม.) และ TOYOTA COROLLA CROSS (15.0/25.4/40.0 ม.)
สำหรับระบบความปลอดภัยประกอบด้วยไม่ว่าจะเป็น ระบบเสริมการทำงานของเบรค ABS/EBD/EBA, ระบบควบคุมการลื่นไถล (TCS) ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (ESP) ระบบป้องกันการไหลทางลาดชัน (HHC) ระบบเซนเซอร์กะระยะท้าย พร้อมกล้องมองภาพรอบทิศทาง ถุงลมนิรภัย 4 ใบ เบรคมือแบบไฟฟ้า (EPB) และระบบตัดสตาร์ทพร้อมเสียงเตือนภัยเมื่อถูกจารกรรม เป็นต้น
ระบบรองรับด้านหน้าอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชันบีม ระบบเบรคแบบจานทั้ง 4 ล้อ ระบบรองรับหนึบ แต่ไม่กระด้าง พวงมาลัยตอบสนองดี หนักแน่น ควบคุมง่าย
ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. MG ZS รุ่นใหม่ ขนาดยางใหญ่ขึ้น ทำให้ระยะเบรคสั้นลงเล็กน้อย โดยมาอยู่ที่ 15.2/27.0/41.6 ม. ดีกว่ารุ่นก่อน (15.6/27.2/41.7 ม.) และน่าพอใจกว่าคู่แข่ง ทั้ง HONDA BR-V (16.6/28.2/43.8 ม.) และ MITSUBISHI XPANDER (15.0/ 26.3/41.5 ม.)
DFSK GLORY I-AUTO
สรุปโดยรวม DFSK GLORY I-AUTO น่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับคนที่กำลังหาครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีแบบ 7 ที่นั่ง ส่วนราคาจำหน่ายของ DFSK GLORY I-AUTO ช่วงแนะนำอยู่ที่ 899,000 บาท จากราคาปกติ 959,000 บาท พร้อมแถมประกันภัยชั้น 1 และ SMART MAINTENANCE PACKAGE บำรุงรักษา 3 ปี หรือ 100,000 กม. ทั้งค่าแรง และค่าอะไหล่
MG ZS
ระบบความปลอดภัยมีให้ทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS), ระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง (CBC), ระบบควบคุมการลื่นไถล (TCS), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS) กล้องมองภาพรอบทิศทาง ในรุ่น X+ MG ZS ใหม่ มีราคาเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 10,000 บาท โดยเริ่มต้นที่รุ่น C+ ราคา 689,000 บาท D+ ราคา 739,000 บาท และ X+ ราคา 799,000 บาท คุ้มค่าด้วยอุปกรณ์ มาตรฐานที่เกินราคา เช่น ระบบสั่งงานผ่านมือถือ รวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์ล่วงหน้าจากระยะไกล และระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย แม้เครื่องยนต์จะมีสมรรถนะไม่โดดเด่น แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป