ทดสอบ(formula) 27 Oct 2021
SUBARU OUTBACK ครอสส์โอเวอร์รุ่นใหญ่ที่ไม่เหมือนใคร !
SUBARU ในบ้านเราจัดเป็นค่ายรถที่มีแฟนๆ ขาประจำอย่างเหนียวแน่น ทั้งภาพลักษณ์ของสมรรถนะจากเครื่องยนต์แบบสูบนอน BOXER และระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออันขึ้นชื่อมาช้านาน อีกหนึ่งแง่มุมที่ค่ายรถแห่งนี้โดดเด่นเสมอมา คือ รถยนต์อเนกประสงค์หลากหลายรุ่น มีทั้ง XV และ FORRESTER เป็นทางเลือก แต่หากจะเล่นรุ่นใหญ่แล้ว รุ่นนี้ไม่ควรมองข้ามกับ SUBARU OUTBACK
EXTERIOR ภายนอก
สายพันธุ์ SUBARU OUTBACK (ซูบารุ เอาท์แบค) คือ การพัฒนาต่อยอดรถยนต์รุ่นใหญ่อย่าง LEGACY (เลกาซี) ที่มีทางเลือกทั้งตัวถังซีดาน และสเตชันแวกอน โดยตัวถังแบบหลังถูกนำมาเสริมรูปทรงภายนอกให้มีความบึกบึนกว่าเดิม พร้อมกับยกตัวถังให้มีความสูงมากขึ้น กลายเป็นรถที่มีความใกล้เคียงกับครอสส์โอเวอร์ยิ่งขึ้น ใช้งานได้หลากหลายกว่าเดิม ทางค่ายรถจึงเพิ่มความเป็นเอกเทศด้วยชื่อเฉพาะว่า OUTBACK และได้รับการตอบรับที่น่าพอใจเสมอมา
เส้นสายโดยรวมของ OUTBACK รุ่นล่าสุด เน้นความคมเข้มสไตล์ SUBARU เน้นเหลี่ยมสันรอบคันจากรุ่นล่าสุดของ LEGACY (ที่ไม่มีจำหน่ายในบ้านเรา) เสริมด้วยชุดตกแต่งรอบคันให้ดูมีความเป็นตัวลุยมากขึ้น ทั้งส่วนล่างของกันชนหน้า/หลัง ขอบซุ้มล้อ สเกิร์ทด้านข้าง และโดดเด่นยิ่งขึ้น กับชุดราวหลังคาทรงหนา ติดตั้งคานสำหรับวางของมาในตัว เท่านั้นยังไม่พอ สามารถถอดคานดังกล่าวจากจุดยึดเพื่อวางในแนวขวางได้ สำหรับวางสัมภาระด้านบนได้ทันที เป็นจุดเด่นที่ไม่เพิ่มได้ง่ายๆ จากรถยนต์อเนกประสงค์รุ่นอื่นๆ ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ที่ดูเล็กไปถนัดเมื่อถูกใช้งานกับ OUTBACK ที่มีขนาดตัวค่อนข้างใหญ่
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารของ SUBARU OUTBACK ยังคงเน้นความเรียบง่าย มีรูปแบบที่ชวนให้นึกถึง เอสยูวี ร่วมค่ายอย่าง FORRESTER (ฟอร์เรสเตอร์) การออกแบบที่น่าสนใจ คือ หน้าจอบนคอนโซลกลางที่มีขนาดใหญ่ วางตำแหน่งในแนวตั้ง การใช้งานต่างๆ จะอยู่บนหน้าจออันนี้ โดยด้านบนจะเป็นการควบคุมโหมดการขับเคลื่อน X-MODE ขณะที่ด้านล่างเป็นการใช้งานระบบปรับอากาศ ส่วนตรงกลางเป็นการใช้งานต่างๆ รวมถึงเนวิเกเตอร์ แสดงผลผ่านกราฟิคที่มีสีสันคมชัด จอสัมผัสมีการตอบสนองที่ดี ขณะที่ด้านข้างของจอภาพยังมีปุ่มใช้งานแบบดั้งเดิมสำหรับการปรับความดังของระบบเครื่องเสียง และระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศ เรามีความรู้สึกว่า การใช้งานหน้าจอขนาดใหญ่ และรวมการใช้งานต่างๆ เอาไว้บนหน้าจอ ทำให้หน้าจอรถไม่มีปุ่มใช้งานมากเกินไป แต่มีจุดสังเกต คือ การใช้งานบางอย่างอาจต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรก ไม่เช่นนั้นการเลือกใช้งานจากหน้าจออาจทำให้ผู้ขับต้องละสายตามาจากถนนขณะขับขี่เป็นบางครั้ง
ถัดมา คือ พวงมาลัยที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทรงหนา จับได้กระชับมือ มีปุ่มมัลทิฟังค์ชันมีรูปแบบคุ้นตาจาก SUBARU หลายรุ่น แผงหน้าปัดแบบแอนาลอก พร้อมจอแสดงผลตรงกลาง มองเห็นได้ชัดเจน แต่น่าจะออกแบบให้มีความทันสมัยมากกว่านี้ สามารถแสดงผลของโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาได้เช่นกัน รวมถึงการทำงานของระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย EYESIGHT พัฒนามาถึงรุ่นที่ 4 และมีติดตั้งในรถยนต์รุ่นนี้
การพัฒนารถยนต์รุ่นนี้จากรุ่น LEGACY ที่เป็นรถเก๋ง (ทั้งซีดาน และสเตชันแวกอน) ทำให้ห้องโดยสารของ OUTBACK มีการจัดวางเบาะนั่งที่มีความสูงในระดับปกติ การนั่งจึงอยู่ในลักษณะเหยียดขาไปข้างหน้าค่อนข้างมาก ต่างจาก เอสยูวี ขนานแท้ ทรงสูง การนั่งจะสูงขึ้นมาพอสมควร ถึงอย่างนั้นระยะเหนือศีรษะก็มีให้ค่อนข้างมาก และทัศนวิสัยที่ปลอดโปร่ง เนื่องจากตัวรถความสูงถูกยกขึ้นมา (ความสูงจากพื้นถนนที่ 220 มม.) การตกแต่งโดยรวมใช้วัสดุที่ดี มีความหรูหราในตัว การใช้ตัวถังพื้นฐานจากรุ่นสเตชันแวกอน ทำให้พื้นที่ด้านหลังมีความปลอดโปร่งดีมาก พนักพิงเบาะหลังปรับเอนได้เล็กน้อย ด้วยตัวถังที่มีความยาว แต่เบาะนั่งมี 5 ตำแหน่ง ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระมีความจุเริ่มต้นที่ 537 ลิตร และขยายเป็น 1,726 ลิตร เมื่อพับเบาะหลัง ไม่น้อยหน้า เอสยูวี ขนาดใหญ่เลยทีเดียว
ENGINE เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ของ SUBARU OUTBACK ที่ทำตลาดในบ้านเรา คือ เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 188 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 25.0 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน 8 จังหวะ พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา จากตัวเลขอาจดูไม่หวือหวามากนัก จะรองรับตัวถังที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ของครอสส์โอเวอร์คันนี้ได้มากน้อยแค่ไหน เรามาทดสอบอัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจากเครื่องมือวัดสมรรถนะ “ดาทรอน” กับคู่เปรียบเทียบ คือ อีกหนึ่งสไตล์ของรถยนต์อเนกประสงค์ AUDI Q3 SPORTBACK (เอาดี คิว 3 สปอร์ทแบค) เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.4 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า กับระดับราคาที่ใกล้เคียงกัน คือ 2 ล้านบาทปลายๆ
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. OUTBACK ออกตัวที่ 10.7 วินาที ถือว่าฉับไวพอใช้ได้ ในแง่ของเครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ ขณะที่ทาง Q3 SPORTBACK ทำได้ที่ 11.3 วินาที ถือว่าห่างกันไม่มากนัก ถัดมาที่ความเร็วตีนปลาย 0-1,000 ม. ครอสส์โอเวอร์จาก SUBARU ทำอัตราเร่งที่ 31.8 วินาที (ที่ความเร็ว 170.3 กม./ชม.) ส่วนทางฝั่ง AUDI คือ 32.6 วินาที (ที่ความเร็ว 166.7 กม./ชม.) จุดได้เปรียบของเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่กว่าของ OUTBACK ทำให้มีอัตราเร่งที่ดี แม้ตัวรถจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ก็ตาม รวมถึงช่วงความเร็วตีนปลายที่ไปได้ดีกว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กเสริมด้วยเทอร์โบ
นอกจากอัตราเร่งแล้ว เราทดสอบสมรรถนะในแง่ของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. SUBARU OUTBACK ทำตัวเลขออกมาที่ 24.0/22.4/16.7/11.7 กม./ลิตร จุดที่ทำให้เราแปลกใจเล็กน้อย คือ ช่วงความเร็วต่ำ กับตัวเลขที่ทำได้ดีกว่า 20 กม./ลิตร ด้วยซ้ำไป แสดงให้เห็นว่าการขับขี่ในตัวเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น OUTBACK มีการประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีทีเดียว แม้เครื่องยนต์จะมีขนาด 2.5 ลิตร ก็ตาม การทำงานร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติแปรผันทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดี แม้ในช่วงความเร็วสูงจะมีการสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจนก็ตาม ขณะที่คู่แข่งต่างสไตล์อย่าง AUDI Q3 SPORTBACK ทำตัวเลขออกมาที่ 25.7/23.1/17.6/12.6 กม./ลิตร ถือว่าทำได้ดีกว่าเล็กน้อยโดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ อาศัยความได้เปรียบจากเครื่องยนต์ที่มีขนาดเล็ก แต่ช่วงความเร็วสูงก็มีอัตราสิ้นเปลืองมากขึ้นเช่นกัน
ในแง่ของสมรรถนะ เราคิดว่า SUBARU OUTBACK เน้นการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง ไม่หวือหวาแบบที่หลายคนคาดหวังจากเครื่องยนต์เทอร์โบ ในช่วงออกตัวอาจตอบสนองช้าเล็กน้อย แม้จะใช้เครื่องยนต์แบบไร้ระบบอัดอากาศ อย่างไรก็ตามการตอบสนองหลังจากนั้นก็ส่งกำลังออกมามากพอ มีอัตราเร่งที่รองรับการใช้งานทั่วไปได้สบาย หากมองแค่จุดนี้ เราอยากจะให้คะแนนที่ 3 ดาว แต่ด้วยอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ทำได้ดี โดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ ภายใต้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา เราจึงให้คะแนนในหัวข้อนี้ที่ 4 ดาว
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับ และการบังคับควบคุมของ SUBARU OUTBACK เน้นความนุ่มนวล บังคับเลี้ยวค่อยเป็นค่อยไป แต่มีความแม่นยำพอสมควร เหมาะสำหรับการขับขี่ที่เน้นความมั่นคงตามบุคลิกโดยรวมของตัวรถ มากกว่าการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะ ถึงอย่างนั้นการเข้าโค้งก็ทำได้ดีจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา แต่จุดที่สร้างความแตกต่างให้กับรถยนต์อเนกประสงค์หลายรุ่น คือ ระบบความปลอดภัย EYESIGHT จากการประมวลผลผ่านกล้องถึง 2 ตัว (ตามปกติจะมีแค่ 1 ตัว) ทำให้มีการทำงานมีความแม่นยำยิ่งขึ้น ทั้งระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว ระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ และระบบช่วยเบรคเมื่อมีรถแล่นมาด้านหลัง รวมถึงระบบเคลื่อนตัวรถตามคันหน้าช้าๆ แม้ในสภาพการจราจรที่หนาแน่น และยังมีกล้องมองภาพในตัวรถ เพื่อสังเกตความเป็นไปของผู้ขับ ช่วยเตือนการเมื่อยล้า หรืออาการง่วงนอนได้แม่นยำขึ้น และกล้องมองรอบคันสำหรับทัศนวิสัยรอบตัวรถ เรียกได้ว่าติดตั้งระบบกล้องรอบคันกันจุใจเลยทีเดียว !
ความอเนกประสงค์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
หลังจากได้สัมผัสกับ SUBARU OUTBACK ในแง่มุมต่างๆ เรามีความรู้สึกว่า ครอสส์โอเวอร์รุ่นนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร กับราคาค่าตัวที่ 2,699,000 บาท อาจมีทางเลือกกับครอสส์โอเวอร์สไตล์ เอสยูวี สัญชาติยุโรปได้หลายรุ่น แต่จุดแตกต่างของ OUTBACK คือ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้งานได้ดีทั้งทางเรียบ และทางลุยปานกลางกับระบบ X-MODE รูปแบบการใช้งานที่เอื้อต่อกิจกรรมกลางแจ้ง พื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ ตลอดจนระบบความปลอดภัยที่ล้ำสมัย แม้การออกแบบห้องโดยสารจะไม่มีลูกเล่นมากมาย แต่มีความกว้างขวางที่รองรับการใช้งานได้หลากหลาย เท่านี้ก็ลงตัวสำหรับการเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของรถยนต์สำหรับครอบครัวที่น่าจะถูกใจแฟนๆ ค่ายรถ “ดาวลูกไก่” ได้ไม่ยาก