ทดสอบ(formula) 27 Jul 2021
AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE
รถไฟฟ้า 100 % หรือ EV (ELECTRIC VEHICLE) ซึ่งปัจจุบันบางคนจะเรียกว่า BEV (BATTERY ELECTRIC VEHICLE) กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากกลุ่มลูกผสมเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ไฮบริด และไฮบริดเสียบปลั๊กชาร์จไฟ หรือพลัก-อิน ไฮบริด เข้ามาแทนที่รถที่ใช้เครื่องยนต์ เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลง การใช้วิธีเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ กลายเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกับการชาร์จโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเราเคยพิสูจน์สมรรถนะ JAGUAR I-PACE ครอสส์โอเวอร์คันแรง โดยครั้งนี้เป็นคู่แข่ง AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE ครอสส์โอเวอร์ท้ายลาดตัวแรงแห่งยุค
EXTERIOR ภายนอก
AUDI E-TRON SPORTBACK (เอาดี อี-ทรอน สปอร์ทแบค) เป็นสปอร์ทครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ไฟฟ้า 100 % ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว หนึ่งตัวที่เพลาหน้า และอีกตัวที่ด้านหลัง โดยมีแบทเตอรีที่ประกบอยู่บนพื้น เช่นเดียวกับ AUDI E-TRON (เอาดี อี-ทรอน) ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ไฟฟ้าตัวแรกของค่าย 4 ห่วง และคล้ายกับ JAGUAR I-PACE (แจกวาร์ ไอ-เพศ) รถไฟฟ้า 100 % รุ่นแรกของ JAGUAR ที่เป็นคู่แข่ง
AUDI E-TRON SPORTBACK มีมิติตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 4,901/1,935/1,616 มม. ยาว และสูงกว่า JAGUAR I-PACE ที่มีขนาด 4,682/2.011/1,565 มม. แต่ยังใหญ่ไม่เท่าครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 100 % ตัวเต็มอย่าง AUDI E-TRON ที่มีขนาด 4,901/1,935/1,692 มม. และ BMW IX XDRIVE50 (บีเอมดับเบิลยู ไอเอกซ์ เอกซ์ดไรฟ 50) ที่มีขนาด 4,953/1,967/1,696 มม.
กระจังหน้าแบบ SINGLE FRAME เอกลักษณ์ของ AUDI คือ ลุคสปอร์ท มีรูปทรงคูเป ไฟหน้าแบบ MATRIX LED พร้อมไฟ EFFECT LIGHT STAGING ด้านหน้า/หลัง ไฟ DAYTIME RUNNING LIGHT แบบ LED ระบบไฟสูงอัตโนมัติ AUTO HIGH BEAM กระจกมองหลัง/กระจกมองข้างแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ ระบบเปิด/ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ระบบ COMFORT KEY ฝาท้ายเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า โดยไม่ต้องใช้มือ HANDS-FREE TAILGATE
AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE (เอาดี อี-ทรอน สปอร์ทแบค 55 กวัตตโร เอส ไลน์) มาพร้อมชุดแต่งภายนอกสไตล์สปอร์ท S LINE สปอยเลอร์หลัง ล้อ 21 นิ้ว ขนาด 9.5Jx21 และยาง ขนาด 265/45 R21 รับกับขนาดตัว
INTERIOR ภายใน
ภายในห้องโดยสาร AUDI E-TRON SPORTBACK มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ออกแบบแนวสปอร์ทพรีเมียม ยังคงเรียบหรู กว้าง สะดวกสบาย และจากการผสานเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทอล ใช้งานง่าย จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ VIRTUAL COCKPIT PLUS ขนาด 12.3 นิ้ว และจอควบคุมมัลทิฟังค์ชันแบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (HAPTIC FEEDBACK) ขนาด 8.6 นิ้ว เพียงปลายนิ้วสัมผัส รองรับการสั่งการด้วยการเขียนด้วยนิ้ว เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถืออย่างง่ายดายด้วย AUDI SMARTPHONE INTERFACE ระบบเครื่องเสียงระดับพรีเมียม BANG & OLUFSEN พร้อมระบบเสียง 3 มิติ
หลังคาเป็นแบบพาโนรามิค เลื่อนเปิด/ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ส่วนการตกแต่ง AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE ตามแบบ S LINE เบาะนั่งหุ้มหนัง VALCONA ผิวสัมผัสละเอียด เบาะนั่งคู่หน้าแบบ S SPORTS ตกแต่งแบบ DIAMOND CUT พร้อมสัญลักษณ์ S LINE พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันท้ายตัดหุ้มหนังแบบสปอร์ท พร้อมสัญลักษณ์ S LINE และ PADDLE SHIFT
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร 60/80/100/120 กม./ชม. 38/43/48/54 เดซิเบล (A) จัดว่าเงียบมาก สมเป็นรถไฟฟ้าหรู และไม่แปลกที่จะทำได้ดีกว่า AUDI Q8 55 TFSI QUATTRO S LINE (เอาดี คิว 8 55 ทีเอฟเอสไอ กวัตตโร เอส) ที่ใช้เครื่องยนต์ ซึ่งอยู่ที่ 55/59/61/65 เดซิเบล
เมื่อไม่มีเครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงหน้าของ AUDI E-TRON SPORTBACK จึงมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 60 ลิตร โดยยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง 615 ลิตร และสามารถเพิ่มเป็น 1,665 ลิตร เมื่อพับเบาะลงมา
ENGINE เครื่องยนต์
AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัส 2 ตัว หน้า 1 ตัว และหลังอีก 1 ตัว ให้กำลังรวม 408 แรงม้า และแรงบิด 67.7 กก.-ม. พร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฟฟ้า (ELECTRIC QUATTRO) แบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION ชนิด POUCH CELLS) ที่มีน้ำหนักเบา ระยะทางวิ่งสูงสุด 463 กม./การชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง (อ้างอิงตามผลการทดสอบโดยใช้มาตรฐาน NEDC) แต่ตัวบนมาตรวัดเมื่อตอนชาร์จเต็ม 100 % ตอนที่เรานำมาทดสอบมีแค่ 300 กม. ทำเอากังวลว่าจะไม่พอใช้ ซึ่งการใช้งานจริงเราขับไปได้ไกลเกินกว่าตัวเลขนั้น เพราะระบบมีการรีชาร์จไฟกลับเข้ามาในระบบด้วย ต่างกับน้ำมันที่มีแต่จะหมดไป
เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าของ AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE มีการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ (RECUPERATION) 2 รูปแบบ คือ ทั้งจากพลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว (COASTING) และพลังงานจากการเบรค (BRAKING)
รูปแบบที่ 1 พลังงานจากการปล่อยให้รถวิ่งในลักษณะลอยตัว ซึ่งมีวิธีการตั้งค่าการทำงานรูปแบบนี้ 2 วิธี คือ ตั้งค่าจากแป้น PADDLE SHIFT ที่สามารถเลือกปรับได้ 3 ระดับ และผู้ขับขี่สามารถเลือกที่จะตั้งระดับการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่โดยอัตโนมัติผ่านฟังค์ชัน PREDICTIVE EFFICIENCY ASSIST (PEA) ในระบบ MMI ได้อีกด้วย จากการประมวลผลและควบคุมการเคลื่อนที่เชิงฟิสิกส์ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมความเร็วของรถได้จากการถอนเท้าออกจากคันเร่ง โดยที่ไม่ต้องเหยียบเบรคได้
รูปแบบที่ 2 พลังงานจากการเบรค (BRAKING) เมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรคจะส่งผลให้เกิดพลังงานกลับเข้ามาในระบบการขับขี่ หากเหยียบเบรคที่ความเร็ว 100 กม./ชม. จะสามารถนำพลังงานกลับเข้าไปได้สูงสุดถึง 300 NM และ 220 KW หรือคิดเป็นมากกว่า 70% ของกำลังที่มอเตอร์ผลิตได้ และการนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ในรุ่น E-TRON SPORTBACK นี้ สามารถเพิ่มระยะทางการขับขี่ได้มากถึง 30% ของระยะทางทั้งหมด
อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. AUDI E-TRON SPORTBACK ทำได้ในเวลา 6.0/14.4 วินาที ช้ากว่าคู่แข่ง JAGUAR I-PACE ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว เหมือนกัน และมีกำลังรวม 400 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 71.0 กก.-ม. ซึ่งทำไว้ 5.0/13.4 วินาที
เมื่อเปรียบเทียบกับครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี หรูตัวแรง ที่ใช้เครื่องยนต์อย่าง MASERATI LEVANTE S GRANSPORT (มาเซราตี เลวันเต เอส กรันสปอร์ท) เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ วี 6 สูบ 3.0 ลิตร 430 แรงม้า ทำได้ 6.4/14.4 วินาที จะเห็นว่าอัตราเร่งช่วง 0-100 กม./ชม. AUDI E-TRON SPORTBACK ดีกว่า ขณะที่อัตราเร่งช่วง 0-400 ม. ตัวเลขทำได้ 14.4 วินาทีเท่ากัน
อัตราเร่ง 0-1,000 ม. AUDI E-TRON SPORTBACK ใช้เวลา 26.3 วินาที เป็นรอง JAGUAR I-PACE ที่ใช้เวลาเพียง 24.7 วินาที และสามารถทำตัวเลขได้ใกล้เคียง MASERATI LEVANTE ซึ่งทำเอาไว้ 25.8 วินาที
ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่นหรือเร่งแซงในช่วงความเร็ว 60-100 และ 80-120 กม./ชม. มอเตอร์ไฟฟ้าของ AUDI E-TRON SPORTBACK สามารถตอบสนองของคันเร่งเร็ว โดยทำได้ในเวลา 2.6 และ 3.3 วินาที ใกล้เคียง JAGUAR I-PACE ซึ่งทำตัวเลขไว้ที่ 2.2/2.8 วินาที และเร็วกว่า MASERATI LEVANTE ที่ทำไว้ 3.0/3.5 วินาที
SUSPENSION ระบบรองรับ
ช่วงล่างระบบถุงลมแบบสปอร์ทแอคทีฟ (SPORTS ADAPTIVE AIR SUSPENSION) นอกจากสามารถปรับยกสูงขึ้นตามการใช้งานแล้ว ยังปรับลดช่องว่างระหว่างใต้ท้องรถ และจุดศูนย์ถ่วงของรถที่ต่ำลง ทำให้เกาะถนนได้ดีขึ้น ขับขี่ได้คล่องแคล่ว แม่นยำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมช่วงที่ต้องใช้ความเร็วสูง ล้อ 21 นิ้ว ขนาด 9.5Jx21 พร้อมยาง ขนาด 265/45 R21
ระยะเบรคเมื่อต้องหยุดรถกะทันหันนับเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE จากความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. ใช้ระยะทาง 13.6/24.4/37.6 ม. แม้ว่าจะต้องแบกน้ำหนักตัวค่อนข้างมาก แต่ยังทำได้ดีกว่าคู่แข่ง JAGUAR I-PACE ทำไว้ 14.3/24.4/38.8 ม. และทำได้ใกล้เคียงกับ MASERATI LEVANTE ที่ทำไว้ 13.8/23.9/37.2 ม.
ส่วนระบบความปลอดภัยของ ของ AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE เป็นไปตามมาตรฐานทั่วไป เช่น ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ระบบลอคเบรคขณะหยุดนิ่ง (AUDI HOLD ASSIST) ระบบเบรคป้องกันล้อลอค ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบควบคุมการทรงตัว ESC เซนเซอร์หน้า หลัง และด้านข้างช่วยในการนำรถเข้าจอด และกล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
หรูหรา สมรรถนะสะใจ สมราคา
AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE นอกจากรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว ทันสมัย และมีสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภายในหรูหรา กว้างขวาง มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ออกแบบแนวสปอร์ทพรีเมียม และสนุกกับพลังของมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวม 408 แรงม้า และแรงบิด 67.7 กก.-ม. ตอบสนองเร็ว ตั้งแต่กดคันเร่ง ให้สมรรถนะแรงสะใจ ทำความเร็ว 0-100 กม./ชม. ในเวลาเพียง 6.0 วินาที แต่ไม่มีไอเสีย และเสียงมากวนใจ อีกทั้งยังสามารถลุยได้ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลมนุ่มนวลและยืดหยุ่น
ส่วนราคา 5,299,000 บาทของ AUDI E-TRON SPORTBACK 55 QUATTRO S LINE ก็มีค่าตัวต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง JAGUAR I-PACE มากกว่า 200,000 บาท และ BMW IX XDRIVE50 ถึง 700,000 บาท