ทดสอบ(4wheels) 18 Jun 2020
MG ZS VS SUBARU FORESTER GT EDITION
ถ้านึกถึงเทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย และการขับขี่ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี 2 รุ่นนี้ มีดีที่ต้องมอง MG ZS (เอมจี เซดเอส) มาพร้อมระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ I-SMART เอกสิทธิ์เฉพาะของ MG ที่สามารถสั่งการระบบผ่านคำสั่งเสียงภาษาไทย หรือควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ผ่านสมาร์ทโฟน แจ้งพิกัดรถเมื่อถุงลมนิรภัยในรถทำงาน ขณะที่ SUBARU FORESTER (ซูบารุ ฟอเรสเตอร์) มีเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย อายไซจ์ท์ หรือเทคโนโลยีกล้องคู่หน้าอัจฉริยะ ช่วยระบบควบคุมความเร็วแบบแปรผัน เบรคก่อนชน การจัดการกำลังเครื่องยนต์ก่อนชน เตือนเมื่อรถออกนอกเลน
EXTERIOR ภายนอก
MG เปิดตัว ZS ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวีรุ่นเล็ก โฉมใหม่ หลังจากเปิดตัวและทำตลาดมานาน 3 ปี โดยปรับโฉมและปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น 3 รุ่น คือ รุ่น C+ (ซี พลัส) D+ (ดี พลัส) และ X+ (เอกซ์ พลัส)
ไฟหน้าแบบแอลอีดีและเลนส์พโรเจคเตอร์ เปิด/ปิดอัตโนมัติ มาพร้อมไฟส่องสว่างกลางวันเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน (DAYTIME RUNNING LIGHTS) โฉบเฉี่่ยว ออกแบบ โค้งมนกลมกลืนรับกับกระจังหน้าขนาดใหญ่ กันชนและไฟตัดหมอกคมเข้มขึ้น ไฟแอลอีดีแนวนอนในชุดไฟท้ายคล้ายกับ HS (เอชเอส) ครอสส์โอเวอร์รุ่นใหญ่ และมีมิติตัวถัง ยาว/กว้าง/สูง 4,323/1,809/1,653 มม. มีความยาวกว่าเดิม 10 มม. และระยะฐานล้อ 2,585 มม. ใหญ่กว่า NISSAN KICKS (นิสสัน คิคส์) 4,290/1,760/1,615 มม. แต่สั้นกว่า คู่แข่งที่มีเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง HONDA BR-V (ฮอนดา บีอาร์-วี) 4,456/1,735/ 1,666 มม. และ MITSUBISHI XPANDER (มิตซู บิชิ เอกซ์แพนเดอร์) 4,475/1,750/1,700 มม.
SUBARU (ซูบาร)ุ เพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยชุดตกแต่ง GT EDITION (จีที เอดิชัน) โฉบเฉี่ยว และทันสมัยขึ้น สำหรับ FORESTER (ฟอเรส เตอร)์ รุ่นทอพ 2.0I-S EYE SIGHT (2.0 ไอ-เอส อายไซจ์ท์) เป็นผลงานที่ 2 ต่อจากรุ่นแรกที่ออกแบบสำหรับ SUBARU XV (ซูบารุ เอกซ์วี)
รูปทรงดูโฉบเฉี่ยว ไฟหน้าแอลอีดี ปรับระดับอัตโนมัติ มีเส้นนำแสง ไฟตัดหมอกหน้าแบบแอลอีดี และยังมีระบบฉีดน้ำล้างไฟหน้า ติดตั้งระบบเปิด/ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ไฟเลี้ยวขนาดใหญ่ กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู กระจกมองข้างพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบแอลอีดี เสริมด้วยชุดตกแต่ง จีที เอดิชันประกอบด้วย สเกิร์ทรอบคัน สปอยเลอร์หลังคา และล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ยางขนาด 225/50 R18 รับกับขนาดตัว พร้อมปลายท่อสเตนเลสส์
INTERIOR ภายใน
ห้องโดยสารทันสมัยและเสริมวัสดุบุนุ่ม ในหลายจุด หน้าปัดเป็นจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิทอล (CLUSTER) ขนาด 7 นิ้ว คล้ายกับ HS จอแสดงผลบนคอนโซลหน้าระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว คมชัด รองรับการใช้งานระบบต่างๆ รวมถึงระบบ I-SMART สามารถอัพเกรดฟังค์ชัน และเรียนรู้การใช้งานด้วยเทคโนโลยี AI พร้อมความสามารถพิเศษอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น สั่งงานด้วยเสียง สั่งงานผ่านจอทัชสกรีน หรือสั่งงานผ่านแอพพลิเคชัน
นอกจากนี้ระบบเครื่องเสียงยังรองรับ APPLE CAR PLAY และระบบเชื่อมต่อมัลทิมีเดีย กับสมาร์ทโฟนระบบ ANDROID พร้อมช่อง เชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ระบบปรับอากาศแบบดิจิทอลที่มีระบบกรองอากาศเพื่อกรองฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5
เบาะนั่งหุ้มหนัง เล่นสีทูโทน เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง และหลังคาซันรูฟแบบพาโนรามิค ในรุ่น X+ กุญแจรีโมทอัจฉริยะ พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (CRUISE CONTROL) ส่วนระดับเสียงในห้องโดยสาร จากความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 52/56/59/63 เดซิเบล อยู่ในระดับดี เงียบกว่ารุ่นก่อน (61/63/66/69 เดซิเบล) และคู่แข่งทั้ง HONDA BR-V (60/64/66/69 เดซิเบล) และ MITSUBISHI XPANDER (61/64/68/71 เดซิเบล)
ภายในโทนสีดำ ตกแต่งสไตล์ GT หรือ GRAND TOURER (กแรนด์ทัวเรอร์) ประกอบด้วย เบาะคู่หน้าทรงสปอร์ทหุ้มด้วยหนัง ปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะหลังมีปีกเบาะ ช่วยรับสรีระ และยังสามารถปรับเอน และปรับพับได้ 60:40
พวงมาลัยทรงสปอร์ทแบบ 3 ก้าน ดูทันสมัย แบบมัลทิฟังค์ชัน เชื่อมต่อโทรศัพท์ ครูสคอนทโรล และโหมดการขับขี่แบบสปอร์ท เอส ไอ-ดไรฟ ใต้พวงมาลัยยังติดตั้งแป้นแพดเดิล ชิฟท์ สำาหรับปรับเปลี่ยนเกียร์ในแบบแมนวลโหมด
เรือนไมล์แบบสปอร์ท พร้อมทริพมิเตอร์ คอนโซลกลางด้านบน มาตรวัดอเนกประสงค์ขนาด 4.2 นิ้ว แสดงผลแบบอัจฉริยะ บอกข้อมูลได้ละเอียด ระบบ X-MODE แยกการทำงานของแต่ละล้อแบบเปอร์เซนต์ นอกจากนี้ ระบบเครื่องเสียงแบบมีหน้าจอขนาด 8.0 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง ระบบเชื่อมต่อผ่าน APPLE CAR PLAY และ ANDROID AUTO เสริมความสะดวกสบาย และความปลอดภัย ด้วยระบบกล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ช่วยให้จอดรถในพื้นที่แคบ และหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้ง่าย มาพร้อมลำโพง 8 ตัว ระบบเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ ดูอัล-โซน แยกซ้าย/ขวา ช่องแอร์พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง
ผลการวัดระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสารของ FORESTER ความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. วัดได้ 56/59/63/67 เดซิเบล ทำได้ในเกณฑ์ดี เงียบกว่าคู่แข่งในกลุ่มครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี เครื่องยนต์เบนซิน ขับเคลื่อน 4 ล้อ อย่าง NISSAN X-TRIAL 2.0V HYBRID (นิสสัน เอกซ์-ทเรล 2.0 วี ไฮบริด) 60/63/65/68 เดซิเบล และ HONDA CR-V 2.4 EL (ฮอนดา ซีอาร์-วี 2.4 อีแอล) 59/63/66/68 เดซิเบล
ENGINE เครื่องยนต์
MG ZS ยังใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร บลอคเดิม กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 15.3 กก.-ม. เปลี่ยนระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติแปรผัน (ซีวีที) 8 จังหวะ แทนเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ เช่นเดียวกับคู่แข่งอย่าง HONDA BR-V เกียร์อัตโนมัติแปรผัน MITSUBISHI XPANDER เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 105 แรงม้า
แม้ว่า MG ZS ใหม่ จะใช้เกียร์อัตโนมัติแปรผัน 8 จังหวะ และยางขนาด 215/55 R17 ที่ใหญ่ขึ้น 1 เบอร์ อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ใช้เวลา 16.9/21.1 วินาที ใกล้เคียงรุ่นก่อน ที่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ และยางขนาด 215/50 R17 ซึ่งทำไว้ 16.4/20.8 วินาที และอัตราเร่งตีนปลาย 0-1,000 ม. ในเวลา 37.6 วินาที เท่ากัน แต่ก็ยังช้ากว่า HONDA BR-V (12.8/19.1/34.2 วินาที) และ MITSUBISHI XPANDER (14.6/19.9/36.2 วินาที) ทุกความเร็ว
ขณะที่อัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100/80-120 กม./ชม. MG ZS ใหม่ ทำเวลาได้ 7.8/10.4 วินาที ดีกว่ารุ่นก่อน (8.3/12.3 วินาที) ใกล้เคียง HONDA BR-V (7.1/9.0 วินาที) และ MITSUBISHI XPANDER (7.4/11.3 วินาที)
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ที่ความเร็ว 60/80/ 100/120 กม./ชม. MG ZS ใหม่ ทำได้ที่ 22.3/19.9/16.1/11.2 กม./ลิตร ไม่ได้ประหยัดกว่ารุ่นก่อน (22.7/ 19.3/16.6/12.9 กม./ลิตร) และคู่แข่งทั้ง HONDA BR-V (25.1/22.1/17.0/12.8 กม./ลิตร) MITSUBISHI XPANDER (24.7/20.2/15.4/12.3 กม./ลิตร)
เครื่องยนต์สูบนอน บอกเซอร์ ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 20.0 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ ซีวีที แบบลิเนียร์ทรอนิค ส่งกำลังลงสู่ล้อทั้ง 4 ข้างด้วยระบบ AWD แบบสมมาตร ถ่ายโอนกำลังไปยังล้อทั้ง 4 ข้างอย่างสมดุล พร้อมโหมด SNOW/DIRT และ DEEP SNOW/MUD ที่ช่วยขับเคลื่อนไปได้ทุกสภาพเส้นทาง
เครื่องยนต์ตอบสนองดี อัตราเร่งพอตัว จากผลทดสอบด้วยดาทรอน พบว่า อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. รวมทั้งความเร็วปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 12.8/19.1/34.1 วินาที อยู่ในเกณฑ์พอใช้ ตามหลัง X-TRIAL 2.0V HYBRID ที่มีกำลังรวม 179 แรงม้า (10.4/17.5/32.0 วินาที) CR-V 2.4 EL (11.0/18.1/32.2 วินาที) และ MAZDA CX-5 2.0 SP (มาซดา ซีเอกซ์-5 2.0 เอสพี) (11.5/18.1/32.9 วินาที) ทุกช่วง
แต่มีตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง 27.4/20.6/16.1/ 11.8 กม./ลิตร ในช่วงความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. ประหยัดกว่า X-TRIAL 2.0V HYBRID (21.8/15.7/13.3/10.4 กม./ลิตร) CR-V 2.4 EL (19.0/16.7/13.6/10.3 กม./ลิตร) เป็นรองแค่เพียง CX-5 2.0 SP (28.4/23.4/16.4/13.2 กม./ลิตร)
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับด้านหน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลัง ทอร์ชันบีม ระบบเบรคแบบจานทั้ง 4 ล้อ ระบบรองรับหนึบ แต่ไม่กระด้าง พวงมาลัยตอบสนองดี หนักแน่น ควบคุมง่าย
ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. MG ZS รุ่นใหม่ ขนาดยางใหญ่ขึ้น ทำให้ระยะเบรคสั้นลงเล็กน้อย โดยมาอยู่ที่ 15.2/27.0/41.6 ม. ดีกว่ารุ่นก่อน (15.6/27.2/41.7 ม.) และน่าพอใจกว่าคู่แข่ง ทั้ง HONDA BR-V (16.6/28.2/43.8 ม.) และ MITSUBISHI XPANDER (15.0/26.3/41.5 ม.)
ระบบความปลอดภัยมีให้ทั้ง ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS), ระบบควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้ง (CBC), ระบบควบคุมการลื่นไถล (TCS), ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC), และระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง (TPMS) กล้องมองภาพรอบทิศทาง ในรุ่น X+
ระบบรองรับแบบอิสระ นุ่มนวลมากขึ้น นั่งสบายกว่า XV ระบบเบรคแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน ทั้งหน้าและหลัง พร้อมระบบช่วยออกตัวบนทางชัน ระบบช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และยังมีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบควบคุมการลื่นไถล และเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย อายไซจ์ท์ (EYE SIGHT DRIVER ASSIST TECHNOLOGY)
จากผลทดสอบเบรค FORESTER ที่ความเร็ว 60-0/80-0/100-0 กม./ชม. ใช้ระยะเบรคเพียง 15.1/27.6/43.0 ม. สั้นกว่า X-TRIAL 2.0V HYBRID (16.1/29.0/46.3 ม.) แต่ยังเป็นรอง CR-V 2.4 EL (15.1/26.0/42.0 ม.) และ CX-5 2.0 SP (14.9/ 26.3/41.8 ม.)
MG ZS
MG ZS ใหม่ มีราคาเพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 10,000 บาท โดยเริ่มต้นที่รุ่น C+ 689,000 บาท D+ 739,000 บาท และ X+ 799,000 บาท คุ้มค่าด้วยอุปกรณ์มาตรฐานที่เกินราคา เช่น ระบบสั่งงานผ่านมือถือรวมถึงการสตาร์ทเครื่องยนต์ล่วงหน้าจากระยะไกล และระบบสั่งงานด้วยเสียงภาษาไทย แม้เครื่องยนต์สมรรถนะไม่โดดเด่น แต่ก็เพียงพอกับการใช้งานทั่วไป
SUBARU FORESTER GT EDITION
ถ้าเทียบกับ FORESTER รุ่นทอพ 2.0I-S EYE SIGHT ราคา 1,130,000 บาท ค่าชุดตกแต่ง GT EDITION 100,000 บาท รวมเป็น 1,230,000 บาท (ไม่รวมออพชัน รับประกันคุณภาพ 5 ปี/100,000 กม. บริการช่วยเหลือ 24 ชม./3 ปี และเซนเซอร์ถอยหลัง อีก 320,000 บาท) ได้ทั้งชุดแต่งภายนอก/ภายในจากโรงงาน ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ สำหรับครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ซึ่งใช้เครื่องยนต์บอกเซอร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร SUBARU GLOBAL PLATFORM และเทคโนโลยีเสริมความปลอดภัย อายไซจ์ท์เอกลักษณ์ของ SUBARU ซึ่งถูกถ่ายทอดมายังรถรุ่นใหม่ๆ ในปัจจุบัน