ทดสอบ(formula) 25 May 2019
แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ
เมื่อ “เจมส์ บอนด์” ถอดสูททิ้งไป แต่ยังรักษาความดุดัน และลีลาที่ร้อนแรง เปรียบได้กับสปอร์ทรุ่นเล็กของค่าย แอสตัน มาร์ทิน แต่สมรรถนะไม่น้อยหน้าบรรดารุ่นพี่ร่วมค่าย รวมบรรดาเหล่าคู่แข่งในระดับเดียวกัน และนี่คือ วานเทจ สายเลือดใหม่สปอร์ทจากเมืองผู้ดี เพื่อสานต่อความสำเร็จที่สืบทอดมาหลายทศวรรษของค่ายรถชื่อดังแห่งนี้ !
EXTERIOR ภายนอก
แอสตัน มาร์ทิน มีรถสปอร์ทในสังกัดมากมายหลายรุ่น ล้วนแล้วแต่สร้างชื่อเสียงอันโด่งดังมาช้านาน กับรูปแบบที่ผสมผสานระหว่างความหรูหรา และสมรรถนะที่ไม่น้อยหน้าใคร พร้อมเอกลักษณ์ของรูปทรงภายนอกที่แฝงความภูมิฐานได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยกระจังหน้าโค้งทรง 6 เหลี่ยม จนกระทั่งการมาถึงของ วานเทจ สปอร์ทน้องเล็กของค่าย เส้นสายจึงเน้นความทันสมัย แตกต่างจากที่ผ่านมา ภายใต้ตัวถังที่มีขนาดกะทัดรัด ไฟหน้า และไฟเลี้ยวแบบแอลอีดี มีขนาดเพรียวบาง ฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่ กินเนื้อที่ครอบคลุมตลอดช่วงความกว้างของด้านหน้ารถ กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม เอกลักษณ์ของค่าย ถูกย้ายตำแหน่งต่ำมาเล็กน้อย โดยรวมเพื่อความปราดเปรียวของตัวรถ ระยะโอเวอร์แฮงสั้นทั้งด้านหน้า/ด้านหลัง เสริมมาดสปอร์ทอย่างได้ผล ประกอบกับแนวหลังคาที่ลาดเท จรดส่วนท้ายที่ประกอบด้วยไฟท้าย แอลอีดี ทรงเพรียวบาง พาดตลอดช่วงความกว้างของส่วนท้าย ขับเน้นความดุดันด้วยชุดท่อไอเสีย พร้อมดิวฟิวเซอร์ทรงดุดัน บ่งบอกสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา พร้อมล้อแมกขนาด 20 นิ้ว ยาง ปิเรลลีพี เซโร ด้านหน้าขนาด 255/40 R20 และด้านหลังขนาด 295/35 R20 ตามแบบฉบับรถสปอร์ทขับเคลื่อนล้อหลัง
ภายใต้เส้นสายที่ลงตัว สวยงาม พร้อมแนวทางของรูปทรงยุคใหม่ของ แอสตันมาร์ทิน โครงสร้างตัวถังใช้วัสดุอลูมิเนียม เพื่อน้ำหนักของตัวรถที่เหมาะสม (ประมาณ 1,530 กก.) อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักหน้า/หลัง ที่ 50:50 มิติตัวถังความยาว 4,465 มม. และระยะฐานล้อ 2,704 มม.
INTERIOR ภายใน
การออกแบบลักษณะ “คิดใหม่ ทำใหม่” ยังส่งผลมาถึงห้องโดยสารเช่นกัน คันเกียร์ถูกตัดออกไป แต่ใช้การกดปุ่มสำหรับการเปลี่ยนโหมดเกียร์ ส่วนการเปลี่ยนจังหวะเกียร์จะใช้แป้นแพดเดิล ชิฟท์ ล้วนๆ ทั่วทั้งห้องโดยสารตกแต่งด้วยชุดหนังชั้นดี ไม่ทิ้งความเป็นค่ายรถสปอร์ทมาดหรู ถัดจากปุ่มใช้งานเป็นชุดควบคุมระบบความบันเทิง และการใช้งานคำสั่งต่างๆ ยกชุดมาจากระบบของค่าย เมร์เซเดส-เบนซ์ สามารถลากนิ้วเพื่อเลื่อนเมนูคำสั่งได้จากแป้นระบบสัมผัส สะดวกสบายในแง่ของการใช้งานในชีวิตประจำวัน แสดงผลผ่านหน้าจอทรงแบนแต่น่าจะออกแบบให้มีความทันสมัยมากกว่านี้ด้านหน้าผู้ขับเป็นชุดหน้าปัดรูปทรงเร้าใจ ตรงกลางเป็นทรงกลมแบบดิจิทอล แสดงผลของรอบเครื่องยนต์ ส่วนความเร็วจะเป็นตัวเลขแบบดิจิทอล ขนาบข้างด้วยจอแสดงผลข้อมูลอื่นๆ เป็นแบบดิจิทอลเช่นกัน ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลากหลาย พวงมาลัยดูแปลกตา เป็นรูปทรงเหลี่ยม ด้านข้างจะทำมุมเกือบตั้งตรง ส่วนบนของพวงมาลัยโค้งรับกับชุดมาตรวัด แต่ด้านล่างจะหักมุมหลบส่วนขาคล้ายรถแข่งพันธุ์แท้ ส่วนมือจับมีความหนาและกระชับมือได้ดี แพดเดิล ชิฟท์ ขนาดใหญ่ติดตั้งกับคอพวงมาลัย ขณะกดเพื่อเปลี่ยนจังหวะเกียร์ให้ความรู้สึกที่หนักแน่น ขณะที่ปุ่มสำหรับเลื่อนตำแหน่งเบาะนั่ง จะอยู่ติดกับอุโมงค์เกียร์ด้านข้างผู้โดยสาร (ฝั่งซ้ายมือของผู้ขับ และขวามือของผู้โดยสาร) ถือว่าใช้งานได้สะดวกหากนั่งบนเบาะ แต่อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการเลื่อนตำแหน่งเบาะจากนอกตัวรถขณะที่เบาะนั่งโอบกระชับสรีระ รูปทรงสปอร์ทเร้าใจ รุ่นที่เรานำมาทดสอบตกแต่งด้วยชุดหนังสีดำ สลับสีแดงเข้ม เบาะมีตำแหน่งต่ำลงมาสไตล์รถสปอร์ท แต่ทัศนวิสัยด้านหน้ายังถือว่าทำได้ดี
ENGINE เครื่องยนต์
แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ รุ่นนี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 4.0 ลิตร แบบ วี 8 สูบ ทำมุม 90 องศา มีพื้นฐานจากเครื่องยนต์ของค่าย เมร์เซเดส-เอเอมจี ที่ประจำในรถสปอร์ทรุ่นต่างๆ รวมถึงบรรดาตัวแรงรหัส เอเอมจี ที่ใช้เครื่องยนต์บลอคใหญ่ แต่เมื่อมาอยู่ในรถสปอร์ทสัญชาติอังกฤษ จึงมีการปรับแต่งให้มีความดุดันกว่าเดิม กำลังสูงสุด 510 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 69.9 กก.-ม. ที่ 2,000-5,000 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะมีจุดเด่น คือ การวางตำแหน่งของชุดเกียร์จะอยู่บริเวณใกล้กับเพลาขับของล้อคู่หลัง มีประโยชน์คือ การกระจายน้ำหนักที่ลงตัว ไม่กินเนื้อที่ส่วนห้องเครื่องยนต์ มาดูอัตราเร่งจากการทดสอบของเรากันเลย
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.8 วินาที ถือว่าฉับไวตั้งแต่ช่วงตีนต้น ถัดมา คือ อัตราเร่งระยะ 0-1,000 ม. ใน 22.3 วินาที (ที่ความเร็ว 245.2 กม./ชม.) ขนาดตัวที่กะทัดรัด ควบคู่กับเครื่องยนต์พละกำลังสูง ทำให้มีอัตราเร่งช่วงตีนปลายที่ปลดปล่อยได้อย่างไหลลื่น ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่นช่วง 60-100 และ 80-120 กม./ชม. คือ 2.4 และ 3.0 วินาที การตอบสนองถือว่าทำได้ในชั่วพริบตาหลังติดเบาะทุกช่วงความเร็ว อีกหนึ่งอัตราเร่งที่บ่งบอกสมรรถนะระดับ “ซูเพอร์คาร์” ของ วานเทจ คือ อัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. ในเวลาเพียง 13.7 วินาที เรียกได้ว่าร้อนแรงไม่แพ้บรรดารุ่นพี่ร่วมค่ายเลยก็ว่าได้ !
สมรรถนะที่ร้อนแรง คู่ควรกับคู่แข่งที่มีความดุดันสมน้ำสมเนื้อกัน เรานำตัวเลขมาเทียบกับรถสปอร์ทที่ใช้เครื่องยนต์จากแหล่งกำเนิดเดียวกัน นั่นคือ เมร์เซเดส-เอเอมจี จีที เอส (โฉมแรก) กับพละกำลังสูงสุดที่ 510 แรงม้า เท่ากัน มาดูอัตราเร่งกันเลย ช่วง 0-100 กม./ชม. ที่ 4.6 วินาที และระยะ 0-1,000 ม. คือ 22.1 วินาที (ที่ความเร็ว 248.9 กม./ชม.) ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่น 60-100 และ 80-120 กม./ชม. คือ 1.8 และ 2.3 วินาที ตามลำดับ ส่วนอัตราเร่ง 0-200 กม./ชม. อยู่ที่ 13.3 วินาที
รถสปอร์ททั้ง 2 รุ่นมีความสูสีกันในแง่ของอัตราเร่ง สมกับการใช้ขุมพลังร่วมกัน (แม้จะมีการปรับแต่งในรายละเอียดที่แตกต่างกัน) บุคลิกของตัวรถโดยรวมมีความใกล้เคียงกันด้วยแต่การปลดปล่อยอัตราเร่งของ วานเทจ จะมีความเรียบเนียนต่อเนื่องมากกว่า เมื่อเทียบกับ จีที เอส จะมีความดิบห้าวมากกว่าเล็กน้อย รวมถึงซุ่มเสียงที่เร้าใจจากรถสปอร์ทเลือดผู้ดี เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของ แอสตัน มาร์ทิน ที่หาไม่ได้ง่ายๆ
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระบบรองรับของ แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ ใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา ด้านหน้าเป็นแบบปีกนกคู่ และด้านหลังแบบ มัลทิลิงค์ ปรับแต่งเน้นความหนึบแน่น แต่ไม่แข็งกระด้างเกินไป การบังคับเลี้ยวทำได้ฉับไว ผนวกกับตัวรถที่มีความกะทัดรัด จึงโดดเด่นในแง่ของความคล่องแคล่วขับสนุก ภายใต้การช่วยเหลือของระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือขณะขับขี่ที่เชื่อได้หากใช้โหมดการขับขี่แบบ สปอร์ท และสปอร์ท พลัส โดยมีโหมดสูงสุด คือ ทแรค สำหรับการขับแบบเน้นฝีมือ และทักษะการขับขี่ในสนามแข่งโดยเฉพาะ ซึ่งจะปิดระบบช่วยเหลือในหลายส่วน การตอบสนองของเครื่องยนต์ และคันเร่งมีความฉับไวยิ่งขึ้น ให้อารมณ์ใกล้เคียงรถแข่งของแท้ แต่ไม่ควรใช้ในการขับขี่บนท้องถนนทั่วไป
สิ่งสำคัญที่ไม่แพ้ด้านสมรรถนะ และความเร้าใจขณะขับขี่ คือ ประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ ทำได้ดังนี้ คือ 25.5 และ 33.8 ม. จะเป็นระยะเบรคที่อยู่ในระดับหัวแถวของบรรดารถที่เราเคยทำการทดสอบเลยก็ว่าได้โดยเฉพาะระยะเบรคในช่วงความเร็ว 100 กม./ชม. แสดงให้เห็นว่าระบบเบรค และยางที่ใช้ จะมีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อใช้งานในช่วงความเร็วสูง นับเป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติที่พบเจอในรถสปอร์ทระดับ ซูเพอร์คาร์ เท่านั้น
แอสตัน มาร์ทิน วานเทจ สะท้อนความเป็นยานยนต์ยุคหน้า แฝงความหรูหราตามเอกลักษณ์ของค่ายรถแห่งนี้ได้ดีเช่นกัน ในโลกภาพยนตร์ วานเทจ ถูกนำเส้นสายบางส่วนไปใช้ในการออกแบบรุ่นพิเศษชื่อ ดีบี 10 สำหรับถ่ายทำในภาพยนตร์ เรื่อง เจมส์ บอนด์ ภาคสเปคเตอร์ (SPECTRE) กับการวาดลวดลายให้กับสายลับตัวกลั่น เชื่อเถอะว่า วานเทจ รุ่นนี้ก็สร้างความเร้าใจได้ไม่แพ้กัน ในแง่ของสมรรถนะซุ่มเสียง และอัตราเร่งที่ดุดัน ราวกับคนขับกำลังเป็นพระเอก/นางเอกมาดเท่ก็ไม่ปาน !