ทดสอบ(formula) 1 Oct 2014
Ford Fiesta Ecoboost VS Honda Jazz
แฮทช์แบค ระดับ บี-เซกเมนท์ เป็นหนึ่งในรถที่ได้รับความนิยมทั่วโลก แม้แต่ในบ้านเราก็เช่นกัน ทางเลือกของรถยนต์ประเภทนี้จึงมีมากมาย และนี่คือ 2 รุ่นที่เปิดตัวล่าสุด ตัวแทนของบแรนด์จากซีกโลกตะวันตกอย่าง ฟอร์ด ฟิเอสตา รุ่นปรับโฉม พร้อมยกขุมกำลังระดับโลก อีโคบูสต์ มาใช้ อีกรุ่น คือแฮทช์แบคยอดนิยมจากแดนอาทิตย์อุทัยอย่าง ฮอนดา แจซซ์ กับโฉมใหม่หมดทั้งคัน มาดูว่ารถเล็กทั้ง 2 คันจะมีจุดเด่นอะไรกันบ้าง
EXTERIOR ภายนอก
ฟิเอสตา ทำตลาดมาได้พักใหญ่ และเพิ่งปรับโฉมมาได้ไม่นาน โดยในรุ่น อีโคบูสต์ จะใช้กระจังหน้าทรงกว้าง ให้อารมณ์คล้ายรถจากซีกโลกตะวันตก แต่ชวนให้นึกถึงค่ายรถสปอร์ทจากอังกฤษอย่าง แอสตัน มาร์ทิน (ทั้ง 2 ค่าย ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว) ขณะที่ตัวถังส่วนอื่นๆ ยังคงใกล้เคียงกับรุ่นก่อนปรับโฉม ล้อแมกลายใหม่ ขนาด 16 นิ้ว สำหรับรุ่นเครื่องยนต์อีโคบูสต์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามคงจะดีหากทางผู้ผลิตกล้าเสริมชุดแต่งให้มากกว่านี้อีกสักหน่อย เพื่อให้สมกับสมรรถนะที่แตกต่างของเครื่องยนต์บลอคนี้ เพราะสเกิร์ทที่ติดตั้งมีเฉพาะด้านหน้า และด้านท้าย แต่ไม่มีสเกิร์ทด้านข้างซะงั้น
ทางด้าน แจซซ์ รุ่นใหม่ล่าสุด รูปทรงโดยรวมอาจดูคล้ายรุ่นก่อนหน้านี้ แต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่มีความกว้างจรดกับชุดโคมไฟ สันเหลี่ยมข้างตัวถังที่ออกแบบให้มีความคมเข้มกว่าเดิม จุดเด่นอีกประการ คือ ไฟท้ายแนวตั้งตลอดทั้งความสูงของส่วนท้ายดูคล้ายกับ เอสยูวี ร่วมค่ายอย่าง ซีอาร์-วี นอกจากนี้รูปทรงของ แจซซ์ มีความเป็นเอกเทศจากซีดานร่วมค่ายอย่าง ซิที แม้จะใช้พื้นฐานตัวถังร่วมกันก็ตาม ต่างจากคู่แข่งอย่าง ฟอร์ด ฟิเอสตา และ มาซดา 2 ที่ใช้ตัวถังส่วนหน้าร่วมกันทั้งรุ่นแฮทช์แบค และซีดาน ส่วนล้อแมกมีขนาด 16 นิ้ว เท่ากับ ฟิเอสตา อีโคบูสต์
ในแง่ของขนาดตัวถัง ฟิเอสตา อีโคบูสต์ กลับมีความยาวมากกว่าเล็กน้อยที่ 3,969 มม. ส่วนของ แจซซ์ คือ 3,955 มม. แต่แฮทช์แบคของ ฟอร์ด มีระยะฐานล้อที่ 2,489 มม. สั้นกว่า ฮอนดา ซึ่งอยู่ที่ 2,530 มม. เมื่อพิจารณาแล้วช่วงหน้าของ แจซซ์ มีระยะโอเวอร์แฮงสั้นกว่า ช่วยเรื่องความคล่องตัวพอสมควร แต่หากมองกันเฉพาะขนาดตัวของแฮทช์แบคระดับ บี-เซกเมนท์แล้ว (ไม่เกี่ยวกับเครื่องยนต์ หรือ ราคาโดยรวม) เราพบว่าอีโคคาร์จากค่าย โตโยตา นั่นคือ ยารีส มีความยาว 4,115 มม. และระยะฐานล้อ 2,550 มม. นับว่าใหญ่กว่า 2 คัน ที่เรานำมาทดสอบด้วยซ้ำ
INTERIOR ภายใน
เมื่อลองเข้ามาภายในห้องโดยสาร ฟิเอสตา อีโคบูสต์ มีการตกแต่งที่เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะเบาะนั่งที่มีลวดลายสปอร์ทกว่าเดิม คอนโซลกลางโทนสีดำแวววาว นับว่าเหมาะสมกันดีกับสมรรถนะของเครื่องยนต์อีโคบูสต์ แม้รายละเอียดต่างๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก เรื่องความกว้างขวางถือว่าน่าพอใจสำหรับผู้โดยสารด้านหน้า ส่วนด้านหลังถือว่ามีเนื้อที่พอเพียง เบาะหลังพับได้แบบ 60:40 สิ่งที่น่าสนใจ คือ การติดตั้งระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งไฟหน้าเปิด/ปิด และที่ปัดน้ำฝน อัตโนมัติ และที่ขาดไม่ได้ของค่าย ฟอร์ด คือ ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC แม้ต้องทำความคุ้นเคยในช่วงแรก แต่หากชำนาญแล้ว ถือเป็นระบบที่ช่วยอำนวยความสะดวกอย่างได้ผล แต่ทว่าระบบความบันเทิงกลับรองรับแค่ ซีดี เอมพี 3 ไม่มีเครื่องเล่นดีวีดี หรือจอภาพระบบสัมผัสตามสมัยนิยม
เปลี่ยนคันมาที่ แจซซ์ กันบ้าง เราพบว่าพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง ยังคงเป็นจุดเด่นของรถรุ่นนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ของผู้โดยสารด้านหลัง มีให้อย่างเหลือเฟือ ใกล้เคียงรถ เอมพีวี ขนาดย่อมด้วยซ้ำ แถมเบาะด้านหลังสามารถปรับองศาของพนักพิงหลังได้ด้วย ช่วยเรื่องความสะดวกสบายขณะเดินทางไกล เบาะหลังนอกจากจะพับแยกได้แบบ 60:40 ยังสามารถพับเบาะรองนั่งขึ้นมาได้ เพื่อการขนสัมภาระในแนวตั้ง สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาใน แจซซ์ รุ่นล่าสุดซึ่งไม่มีใน ซิที คือ ที่วางแก้วน้ำแบบลิ้นชัก ติดตั้งบริเวณด้านขวาของผู้ขับ ใต้ช่องแอร์ แต่น่าแปลกใจที่กลับไม่มีติดตั้งทางฝั่งซ้าย ถือว่าใช้งานได้สะดวกกว่าที่วางแก้วน้ำบริเวณคอนโซลเกียร์มากๆ ส่วนระบบความบันเทิงเป็นแบบจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แต่ไม่รองรับ ดีวีดี เนวิเกเตอร์ ซะงั้น ชดเชยด้วยช่องรองรับไฟล์ระบบความบันเทิงรายละเอียดสูงอย่าง HDMI และรองรับการสั่งงานด้วยเสียงผ่านมือถือระบบ IOS ที่มีชื่อเรียกว่า SIRI
ENGINE เครื่องยนต์
ดาวเด่นของ ฟิเอสตา รุ่นนี้ คือ เครื่องยนต์อีโคบูสต์ กับขนาดเพียง 1.0 ลิตร แต่เสริมด้วยสารพัดเทคโนโลยีเข้าไปเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็นระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบ ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง การสมดุลข้อเหวี่ยงด้วยการถ่ายเทแรงสั่นสะเทือนไปยังทิศทางที่ถูกต้อง ช่วยให้เครื่องยนต์แบบ 3 สูบเดินเรียบขึ้น ลูกสูบแบบลดแรงเสียดทาน คุณจะเห็นได้จากการเปิดฝากระโปรงขึ้นมา พบกับบรรดาท่อ/สายไฟที่ดูยุ่งเหยิงในห้องเครื่องของรถรุ่นนี้ ผลลัพธ์ คือ กำลังสูงสุดที่เกินตัวถึง 125 แรงม้า แต่ที่น่าสนใจจริงๆ คือ แรงบิดสูงถึง 17.3 กก.-ม. มากกว่าคู่แข่งทุกคันในเซกเมนท์ แถมมีช่วงการทำงานตั้งแต่รอบต่ำที่ 1,400-4,500 รตน. ซึ่งไม่มีคู่แข่งรุ่นไหนทำได้ สำหรับขุมกำลังของ แจซซ์ ไม่มีความหวือหวามากนัก ยังคงอิงพื้นฐานจากเครื่องยนต์ของรุ่นก่อนหน้านี้ มีขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 117 แรงม้า หายไป 3 แรงม้าจากรุ่นก่อน ชดเชยด้วยการรองรับน้ำมัน อี 85 และเปลี่ยนมาใช้เกียร์อัตโนมัติซีวีที (รุ่น เอวี ขึ้นไป สามารถบวก/ลบได้ 7 จังหวะ)
เริ่มกันด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ฟิเอสตา อีโคบูสต์ ทำได้ที่ 10.5 วินาที แต่ข้างหลังไม่ทิ้งห่าง คือ แจซซ์ กับเวลาที่ 11.2 วินาที ลองวัดยาวๆ กันบ้างกับช่วงความเร็ว 0-160 กม./ชม. แฮทช์แบคจาก ฟอร์ด ทำได้ใน 31.6 วินาที ส่วนของ ฮอนดา ยังจี้มาไม่ห่างที่ 31.3 วินาที
อัตราเร่งแบบควอร์เตอร์ไมล์ 0-400 ม. ฟิเอสตา อีโคบูสต์ คือ 18.1 วินาที (ที่ความเร็ว 129.4 กม./ชม.) แต่ แจซซ์ ก็ทำได้ดีใกล้เคียงที่ 17.7 วินาที (ที่ความเร็ว 128.9 กม./ชม.) สำหรับอัตราเร่งยืดหยุ่นที่ 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. ฟิเอสตา อีโคบูสต์ คือ 7.7 และ 5.7 วินาที ส่วน แจซซ์ ยังแซงหน้าไม่ขึ้นกับเวลาที่ 8.2 และ 6.3 วินาที ตามลำดับ
จะเห็นได้ว่าในทุกช่วงของอัตราเร่ง แม้ตัวเลขจะใกล้เคียงกันอยู่บ้าง แต่ไม่มีช่วงไหนเลยที่ แจซซ์ สามารถแซงคืน ฟิเอสตา อีโคบูสต์ ได้ ไม่ว่าจะความเร็วตีนต้น หรือตีนปลายก็ตาม นับว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์อีโคบูสต์ น่าพอใจมาก ด้วยกำลังและแรงบิดสูงสุดที่มากกว่า ทำให้มีอัตราเร่งที่ดี เร้าใจกว่ารถคันไหนในเซกเมนท์นี้ ส่วนหนึ่งมาจากเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 6 จังหวะที่ขับสนุกกว่าเกียร์อัตโนมัติซีวีที
สิ่งสำคัญของรถในเซกเมนท์นี้ นอกจากสมรรถนะแล้ว ยังต้องพิจารณาเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงด้วย มาดูอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยกันเลย ที่ความเร็ว 60/80/100/120 กม./ชม. ฟิเอสตา อีโคบูสต์ ทำได้ดังนี้ 25.2/22.6/18.6/14.5 กม./ลิตร ด้านตัวเลขของ แจซซ์ มีดังนี้ คือ 26.5/21.9/17.1/12.9 กม./ลิตร ในช่วงความเร็วต่ำ แจซซ์ มีความได้เปรียบอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเพิ่มความเร็วขึ้นมา เป็นทาง ฟิเอสตา อีโคบูสต์ ที่มีตัวเลขดีกว่าจนถึงช่วงความเร็วปลาย นับเป็นคุณสมบัติที่ดีของเครื่องยนต์ขนาดเล็ก มีอัตราสิ้นเปลืองที่ต่ำ แต่พร้อมจะรีดสมรรถนะได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ แจซซ์ มีความประหยัดแซงหน้าได้บ้าง คือ การรองรับน้ำมัน อี 85 ที่มีราคาต่ำกว่า อี 20 พอสมควร
SUSPENSION ระบบรองรับ
ช่วงล่างของแฮทช์แบคทั้ง 2 รุ่น มีพื้นฐานคล้ายกัน ด้านหน้าเป็นแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบทอร์ชันบาร์เหมือนกัน แต่มีรายละเอียดต่างกันเล็กน้อย ด้าน ฟิเอสตา อีโคบูสต์ เป็นแบบกึ่งอิสระ และของ แจซซ์ เป็นแบบรูปทรงตัว H แน่นอนว่าการปรับแต่งช่วงล่างนั้นแตกต่างกัน แฮทช์แบคของ ฟอร์ด จะออกไปในทางหนึบนุ่ม มีสมดุลที่ดีขณะขับขี่ เข้าโค้งได้ดี มั่นคง ไม่แพ้ช่วงล่างของค่ายรถร่วมชาติอย่าง เชฟโรเลต์ โซนิค แต่น้ำหนักของพวงมาลัยค่อนข้างเบา แม้จะมีผลดีเพื่อความสะดวกสบายขณะใช้งานในเมือง แต่พิจารณาถึงสมรรถนะของรถแล้ว น้ำหนักของพวงมาลัยควรมากกว่านี้ ทางด้าน แจซซ์ ยังคงเป็นรถที่เน้นตอบสนองการใช้งานในวงกว้าง จึงไม่แปลกที่ทั้งช่วงล่าง และการควบคุม เน้นความนุ่มนวล สะดวกสบาย แต่ในเรื่องความมั่นคง ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ขับสนุกพอประมาณ แม้ความหนึบจะน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าเล็กน้อย
ในแง่ของระบบความปลอดภัย ถือว่าไม่น้อยหน้ากัน ในแง่ของความเป็นตัวทอพ ที่ราคาค่าตัวเท่ากันอีกต่างหาก ทาง ฟิเอสตา อีโคบูสต์ มีระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) พร้อมระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HLA) ส่วน แจซซ์ ก็ไม่น้อยหน้า สมกับความเป็นผู้มาใหม่ ด้วยระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) แถมติดตั้งมาให้ทุกรุ่นย่อยอีกต่างหาก แต่ แจซซ์ ยังมีความได้เปรียบตรงที่ติดตั้งถุงลมนิรภัยด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัยมาด้วย (เฉพาะรุ่น เอสวี พลัส) ประสิทธิภาพของระบบเบรคที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. มีดังนี้ ฟิเอสตา อีโคบูสต์ 15.1/27.3/41.7 ม. ยังคงเป็นระยะเบรคในระดับหัวแถวของเซกเมนท์นี้เสมอมา นับตั้งแต่รุ่นเครื่องยนต์เดิม 1.6 ลิตร ส่วน แจซซ์ จะเป็นรองเล็กน้อยที่ 16.1/27.9/43.2 ม.
ฟอร์ด ฟิเอสตา อีโคบูสต์ มีจุดเด่นที่เครื่องยนต์บลอคใหม่ อัดแน่นด้วยสารพัดเทคโนโลยี สมกับที่ได้รับรางวัลระดับโลกมาแล้วหลายปีซ้อน สมรรถนะที่ดีเยี่ยม ทำเอาลืมไปเลยว่านี่คือเครื่องยนต์ขนาดเพียง 1.0 ลิตร เท่านั้น เข้าคู่กับเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้คันเร่งยังตอบสนองไว พร้อมทะยานได้ทุกเมื่อ จัดเป็นแฮทช์แบคที่เร้าใจที่สุดคันหนึ่งในเซกเมนท์นี้ แม้ภายในจะไม่กว้างขวางมาก แต่อุปกรณ์ใช้สอยที่ให้มาก็ช่วยเรื่องความสะดวกสบายได้ดี พิสูจน์ว่ารถยนต์ราคา 7 แสนบาทกลางๆ ก็ “ซิ่ง” ได้ไม่น้อยหน้าใคร
ส่วน ฮอนดา แจซซ์ เป็นรถที่ตอบสนองการใช้งานได้รอบด้าน สมรรถนะที่น่าพอใจ แม้ไม่ได้เร็วที่สุด แต่ก็ไม่อืด อัตราเร่งไม่น้อยหน้า ฟิเอสตา อีโคบูสต์ ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเสมอตัวด้วยเกียร์ซีวีที ประหยัดยิ่งขึ้นด้วยการรองรับน้ำมัน อี 85 พร้อมโหมด ECON อีกแรง ด้านความเหนือชั้น คือ พื้นที่ห้องโดยสารกว้างขวางมาก มีความสะดวกสบายในการโดยสารอย่างเหลือเฟือ การใช้งานที่หลากหลาย เหมาะกับการเป็นรถคู่ใจ ที่ให้ทั้งความสบาย และความสนุก ขณะขับขี่อย่างลงตัว