ทดสอบ(formula) 1 Dec 2013
บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 7/เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 เอเอมจี ไฮบริด/เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช
ปัจจุบันเครื่องยนต์ไฮบริด ถูกนำมาใช้ในรถหลากรุ่นหลายแบบ พร้อมเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ บทความ “ทดสอบ” ครั้งนี้เราจึงนำรถยนต์พลังไฮบริด ถึง 3 รุ่น ได้แก่ รถซีดานหรูขนาดใหญ่ บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 7 (BMW ACTIVEHYBRID7 ) ซีดานหรูขนาดกลาง/ใหญ่ กับขุมกำลังไฮบริดที่ประกบคู่กับเครื่องยนต์ดีเซล เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด เอเอมจี ไดนามิค (MERCEDES-BENZ E300 BLUETEC HYBRID AMG DYNAMIC) และเอสยูวีหรู ที่มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนถึง 2 ตัว กับ เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช (LEXUS RX450H)
EXTERIOR ภายนอก
บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 7 ปรับโฉมรูปทรงล่าสุดแล้วเสริมชุดแต่งรอบคัน กันชนหน้าไม่มีไฟตัดหมอก ทดแทนด้วยช่องรับอากาศขนาดใหญ่ กันชนท้ายเป็นท่อไอเสียคู่ ดูดุดัน พร้อมล้อแมกขนาด 20 นิ้ว รูปทรงโดยรวมยังคงคุ้นตากันดีเหมือน ซีรีส์ 7 รุ่นปกติ
เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด เป็นรุ่นปรับโฉมแบบ “ยกหน้า” เรียบร้อย ไฟหน้าหลอมรวมกันเป็นชิ้นเดียว ไม่แยกกัน รุ่นที่เรานำมาทดสอบ จัดเต็มด้วยชุดแต่ง เอเอมจี ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทั้งชุดกันชนหน้า และกันชนท้ายพร้อมท่อไอเสียคู่ทรงเรียว
เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช รูปทรงยังคงเน้นความโฉบเฉี่ยว ปรับโฉมล่าสุดเช่นกันด้วยกระจังหน้าแบบหลอดด้าย เอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้ในรถยุคปัจจุบันของ เลกซัส แต่รูปทรงโดยรวมไม่แตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์สันดาปอื่นๆ เท่าใดนัก มีเพียงไฟหน้าพร้อมแอลอีดี และสัญลักษณ์ระบบไฮบริดที่ประตูบานท้ายเท่านั้น
INTERIOR ภายใน
ภายในของรถไฮบริดจาก บีเอมดับเบิลยู สมราคาซีดานตัวธง ภายในกว้างขวาง ภูมิฐาน ทั้งเบาะหนังแท้ และชุดลายไม้ ผู้โดยสารด้านหลังมีความสะดวกสบายด้วยระบบเบาะปรับไฟฟ้า พร้อมระบบนวด ให้ความบันเทิงด้วยเครื่องเสียงของ BANG & OLUFSEN พร้อมลำโพงถึง 16 ตัว
ด้านซีดานไฮบริดจาก เมร์เซเดส-เบนซ์ มาในสไตล์เรียบหรู พร้อมกับอุปกรณ์ใช้สอยมากมาย โปร่งโล่งด้วยหลังคาแก้วแบบ พาโนรามิค แผงคอนโซลหน้าลายไม้ เสริมความหรูแบบย้อนยุคด้วยนาฬิกาแบบแอนาลอก บริเวณตรงกลางคอนโซล
สำหรับ เอสยูวี หรูจาก เลกซัส มีมาดที่แตกต่างจากซีดานฟากฝั่งยุโรป ภายในแบบล้ำสมัย คอนโซลหน้าทรงโค้ง นัยว่าต้องการให้รถรุ่นนี้เป็น เอสยูวี สมัยใหม่ เน้นใช้งานในเมืองก็ว่าได้ แต่คนที่ชื่นชอบมาดแบบหรู เรียบ อาจไม่ชอบใจการออกแบบลักษณะนี้เท่าใดนัก
ENGINE เครื่องยนต์
ขุมกำลังของ บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 7 ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง กำลัง 320 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนกำลัง 55 แรงม้า ติดตั้งบริเวณชุดเกียร์ เก็บพลังงานไฟฟ้าด้วยแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน รวมทั้งระบบแล้วจะคิดเป็นกำลังที่ 354 แรงม้า ส่วนคู่แข่งที่เรานำมาเทียบเคียงสมรรถนะ คือ ซีดานหรู รุ่นใหญ่ เครื่องโต พละกำลังดุดัน นั่นคือ แจกวาร์ เอกซ์เจ เครื่องยนต์ 5.0 ลิตร วี 8 สูบ กำลัง 385 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แอคทีฟไฮบริด 7 ทำได้ที่ 7.1 วินาที ส่วน เอกซ์เจ นำหน้าแบบเฉือนๆ ที่ 6.9 วินาที และอัตราเร่งที่ระยะ 0-1,000 ม. แอคทีฟไฮบริด 7 ทำเวลาที่ 26.7 วินาที ไม่ห่างนักกับทาง เอกซ์เจ ที่ทำเวลาได้ 26.3 วินาที สุดท้าย คือ อัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. ซีดานหรูของ บีเอมดับเบิลยู คือ 3.9 วินาที ขณะที่ทาง แจกวาร์ ทำได้ 3.8 วินาที
ระบบไฮบริดของ แอคทีฟไฮบริด 7 ปรับแต่งแบบเน้นสมรรถนะ มีอัตราเร่งไม่แพ้เครื่องยนต์บลอคใหญ่ สูสีกันในทุกช่วงย่านความเร็ว นับเป็นอีกแง่มุมหนึ่งของระบบไฮบริด ที่มีความสปอร์ทอย่างอัดแน่น ไม่เว้นแม้แต่ซีดานหรูตัวถังใหญ่อย่างรถรุ่นนี้
ด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 80/100/120 กม./ชม. แอคทีฟไฮบริด 7 สิ้นเปลืองที่ 15.8/14.1/11.7 กม./ลิตร เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงเพื่อนร่วมสายพันธุ์อย่าง 730 แอลไอ กับตัวเลขที่ 15.0/13.6/11.0 กม./ลิตร นับว่าซีดานพลังไฮบริดรุ่นนี้ นอกจากจะแรงเหมือนเครื่องยนต์เบนซินบลอคใหญ่ แต่มีความประหยัดใกล้เคียงกับเครื่องยนต์บลอคกลางเลยทีเดียว
ต่อกันด้วยขุมกำลังไฮบริด ที่แหวกแนวกว่าใครอื่นกับ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด เนื่องจากเป็นการประกบคู่กับเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ ขนาด 2.1 ลิตร (2,143 ซีซี) กำลัง 204 แรงม้า ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลัง 27 แรงม้า ติดตั้งกึ่งกลางระหว่างชุดส่งกำลังจากเครื่องยนต์ และชุดเกียร์ ป้อนพลังงานไฟฟ้าด้วยแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน คู่เทียบเคียง คือ อี-คลาสส์ รุ่นก่อนปรับโฉม นั่นคือ อี 250 ซีจีไอ กำลัง 206 แรงม้า เพื่อดูว่าเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด จะกระฉับกระเฉงเหมือนเครื่องยนต์เบนซิน มากน้อยแค่ไหน
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อี 300 บลูเทค ไฮบริด ทำได้ที่ 8.7 วินาที ส่วน อี 250 ซีจีไอ ทำได้ใกล้เคียงกันมาก ที่ 8.8 วินาที และอัตราเร่งที่ระยะ 0-1,000 ม. อี 300 บลูเทค ไฮบริด ทำเวลาที่ 29.9 วินาที ทาง อี 250 ซีจีไอ กลับมาแซงเฉือนๆ โดยทำเวลาได้ 29.6 วินาที สุดท้าย คือ อัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. อี 300 บลูเทค ไฮบริด คือ 5.6 วินาที ขณะที่ทาง อี 250 ซีจีไอ ทำได้ 5.8 วินาที
บุคลิกเครื่องยนต์ของ อี 300 บลูเทค ไฮบริด เน้นความนุ่มนวล ระบบไฮบริดทำงานอย่างแนบเนียน และลื่นไหล เสริมกำลังได้อย่างลงตัว ถึงอย่างนั้นอัตราเร่งโดยรวมก็ไม่น้อยหน้าเครื่องยนต์เบนซินแต่อย่างใด มีความกระฉับกระเฉงที่ดี แม้พื้นฐานจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลก็ตาม
ด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 80/100/120 กม./ชม. อี 300 บลูเทค ไฮบริด สิ้นเปลืองที่ 24.3/18.9/15.8 กม./ลิตร ถือเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงเครื่องยนต์บลอคเล็กขนาด 1.5 ลิตร ด้วยซ้ำ ! นับเป็นความประหยัดที่เหนือชั้นมากๆ มีการทำงานหลายจังหวะ เพียงยกเท้าจากคันเร่ง เครื่องยนต์ก็หยุดทำงานชั่วคราวแล้ว และสามารถแล่นด้วยไฟฟ้าล้วนๆ ที่ความเร็วไม่เกิน 35 กม./ชม. อีกต่างหาก เมื่อหันไปดู อี 250 ซีจีไอ มีตัวเลขที่ 17.3/13.7/11.4 กม./ลิตร เครื่องยนต์เบนซินโดนขุมกำลังดีเซลไฮบริด เฆี่ยนกระจุย ในหัวข้อการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
มาถึง เอสยูวี หนึ่งเดียวในกลุ่มรถทดสอบครั้งนี้ เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช ระบบไฮบริดประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน 3.5 ลิตร กำลัง 245 แรงม้า และมอเตอร์ขับเคลื่อนที่มีการวางตำแหน่งไม่เหมือนใคร ประกอบด้วยมอเตอร์สำหรับล้อคู่หน้า กำลัง 165 แรงม้า และมอเตอร์ขับเคลื่อนสำหรับล้อคู่หลัง กำลัง 67 แรงม้า รวมทั้งระบบจะคิดเป็นกำลัง 295 แรงม้า แบทเตอรียังเป็นแบบ นิคเคิล-เมทัล ไฮดไรด์ ขับเคลื่อนทั่วถึงทั้ง 4 ล้อ สมกับความเป็นสายพันธุ์ เอสยูวี ส่วนคู่เปรียบเทียบเรานำ เอสยูวี สไตล์สปอร์ท ขุมกำลังดีเซล เทอร์โบ นั่นคือ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี (BMW X6 XDRIVE30D) กำลัง 218 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช ทำได้ที่ 9.2 วินาที ส่วน บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี ทำได้ดีกว่าที่ 7.9 วินาที และอัตราเร่งที่ระยะ 0-1,000 ม. เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช ทำเวลาที่ 29.4 วินาที ทาง เอกซ์ 6 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี ยังคงนำหน้าเล็กน้อย โดยทำเวลาได้ 29.1 วินาที สุดท้าย คือ อัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช คือ 5.7 วินาที ขณะที่ทาง เอกซ์ 6 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี ทำได้ 5.7 วินาที พอดี
ในช่วงความเร็วตีนต้น เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ มีแรงบิดที่มากกว่าในรอบต่ำ อัตราเร่งจึงออกมาดีกว่าเครื่องยนต์ไฮบริด แต่พอวัดยาวๆ แล้ว มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถเสริมแรงขับเคลื่อนได้ดี เอสยูวี ระบบไฮบริดมีอัตราเร่งที่ตีตื้นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงอัตราเร่งแบบยืดหยุ่น ระบบไฮบริดมีการตอบสนองที่ดีไม่แพ้กัน
ด้านอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ความเร็ว 80/100/120 กม./ชม. เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช สิ้นเปลืองที่ 16.8/13.6/10.8 กม./ลิตร ขณะที่ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี ทำได้ที่ 16.7/13.3/11.0 กม./ลิตร ระบบไฮบริดมีประสิทธิภาพชัดเจนในช่วงความเร็วต่ำ รวมไปถึงการขับขี่ในเมือง สูสีเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ เมื่อใช้ความเร็วสูงคงที่ การขับเคลื่อนส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของเครื่องยนต์สันดาป ผนวกกับน้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมากของรถ เอสยูวี ทำให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมีความใกล้เคียงกันสำหรับเครื่องยนต์ทั้ง 2 ประเภท
SUSPENSION ระบบรองรับ
ระยะเบรคของ บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 7 ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. คือ 14.8/26.1/41.0 ม. เป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกับ 730 แอลดี ที่ 14.6/25.7/41.5 ม. จุดนี้ที่เรารู้สึกว่าประสิทธิภาพของระบบเบรค รวมไปถึงช่วงล่าง ไม่แตกต่างจากรุ่นปกติมากนัก แม้จะมีความหนึบพอสมควร แต่ไม่มากพอสำหรับสมรรถนะที่ดุดันของซีดานไฮบริดรุ่นนี้
สมรรถนะในส่วนนี้ของ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด ระยะเบรดทำได้ที่ 14.0/24.7/38.5 ม. เทียบกับตัว อี 250 ซีจีไอ 14.8/26.2/38.5 ม. ถือว่าซีดานไฮบริดตัวล่าสุดมีระบบเบรคโดยรวมที่ดีขึ้น อีกทั้งช่วงล่างมีความนุ่มนวลอย่างพอเหมาะ ให้ความสบายขณะโดยสารเต็มที่ ซับแรงจากพื้นผิวได้ดี แต่ก็มีความมั่นคงขณะเข้าโค้ง แม้ตัวถังจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจากระบบไฮบริดก็ตาม
เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช ปรับแต่งช่วงล่างเน้นความนุ่มนวลผสมความหนึบพอประมาณตามสไตล์รถ เอสยูวี สมัยใหม่ อาการโคลงมีบ้าง ตัวถังทรงสูง แต่การเข้าโค้งยังทำได้ดีเนื่องจากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ด้านระบบเบรคทำได้ที่ 15.7/28.8/44.8 ม. ใช้ระยะมากกว่าพอสมควร เมื่อเทียบกับ บีเอมดับเบิลยู เอกซ์ 6 เอกซ์ดไรฟ 30 ดี ที่ทำได้ 13.9/25.3/41.8 ม.
3 คัน 3 มุม กับขุมกำลังไฮบริด ทำให้เราเห็นแล้วว่า “ความหลากหลาย” คือ คุณประโยชน์สำคัญของเครื่องยนต์ชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะที่ดุดัน เทียบชั้นรถสปอร์ท บนตัวถังซีดานหรูขนาดใหญ่ของ บีเอมดับเบิลยู แอคทีฟไฮบริด 7 หรือ จะหันมาเน้นความสะดวกสบาย และความประหยัดที่ดีเยี่ยม กับระบบไฮบริดที่พัฒนาจนเข้าคู่กับเครื่องยนต์ดีเซลได้อย่างมีประสิทธิภาพกับ เมร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด ส่วนขาลุยที่ต้องการแรงบิดจากล้อทั้ง 4 ตามแบบฉบับรถ เอสยูวี ระบบไฮบริดก็สามารถสนองตอบได้ ด้วยแรงบิดเสริมกำลังไปยังระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ผนวกกับความประหยัดที่ความเร็วต่ำ แม้มีตัวถังใหญ่โต กับ เลกซัส อาร์เอกซ์ 450 เอช
โลกของยานยนต์ในวันหน้าสามารถเปลี่ยนโฉมได้ เมื่อ “ความแรง” จะมาพร้อมกับ “ความประหยัด” นำไปสู่การใช้พลังงานอย่างสร้างสรรค์ และหนึ่งในนั้นอาจเป็นรถของคุณในอนาคตก็ได้ ใครจะรู้ !