Quattroruote ทดลองขับ
ทดลองขับ VOLKSWAGEN ID.4 GTX
การเพิ่มมอเตอร์ขับเคลื่อนอีกตัวที่ด้านหน้า กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา ผสานกับการทำงานที่ลงตัวของระบบอีเลคทรอนิค นำมาสู่ครอสส์โอเวอร์แบบไร้มลพิษรุ่นนี้ มาพร้อมพื้นที่ใช้สอยอันเหลือเฟือ และความสะดวกสบายที่ครบครัน ภายใต้การขับขี่ที่ยอดเยี่ยม
ชื่อรุ่นที่สร้างชื่อเสียงมาช้านาน ย้อนกลับไปในปี 1976 กับ VOLKSWAGEN GOLF GTI (โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ จีทีไอ) กับรุ่นย่อยที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร I ที่ดูราวกับเป็นรถยนต์ที่เน้นความเรียบง่าย แต่จิตวิญญาณความสปอร์ทที่แท้จริงอยู่ที่ตัวอักษร GT (จีที) บ่งบอกสมรรถนะของรถรุ่นดังกล่าว ชื่อชั้นที่โด่งดัง รวมถึงรุ่นขุมพลังดีเซล รหัส GTD (จีทีดี) ที่ทำตลาดตามกันมาในอีกไม่กี่ปีให้หลัง แนวคิดเดียวกันถูกนำมาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรุ่นที่เน้นการใช้งานบนท้องถนนทั่วไป กับรุ่นย่อยรหัส GTE สำหรับใช้งานกับระบบพลัก-อิน ไฮบริด มาถึงรหัสล่าสุด GTX (จีทีเอกซ์) ถูกนำมาใช้กับรถยนต์ไฟฟ้าของค่ายรถ โดยตัวอักษร X หมายถึง ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลานั่นเอง
รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ คือ ID.4 (ไอดี.4) กับการบุกเบิกตลาดรถกลุ่มนี้เป็นครั้งแรก ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว โดยเพิ่มมอเตอร์ด้านหน้าอีกชุดหนึ่ง (กำลังสูงสุด 109 แรงม้า และทำให้มีกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 299 แรงม้า) พร้อมระบบจัดสรรการส่งกำลังด้วยอีเลคทรอนิคที่มีความทันสมัยมากกว่าเดิม ช่วยให้ตัวรถมีความคล่องแคล่วมากยิ่งขึ้น (ใกล้เคียงกับรุ่น GOLD GTI และ R) โหมดการขับขี่ 3 รูปแบบ พวงมาลัยที่ตอบสนองได้แม่นยำ ระบบรองรับแปรผันการตอบสนองได้ ล้อแมกขนาด 20 นิ้วติดตั้งจากโรงงาน และการตกแต่งภายในห้องโดยสารแบบสปอร์ทเป็นพิเศษ เพิ่มความโดดเด่นของรูปทรงด้วยไฟส่องสว่างเวลากลางวัน กระจังหน้าทรงรังผึ้งรมดำ เพิ่มชุดตกแต่งบริเวณขอบประตู และส่วนหลังคากับสปอยเลอร์สีดำ จุดแตกต่างอย่างชัดเจน คือ กันชนท้าย ถูกเปลี่ยนรูปทรงไปพอสมควร ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า ID.4 ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ MEB ร่วมกับ AUDI Q4 E-TRON (เอาดี คิว 4 อี-ทรอน), CUPRA BORN (คูปรา บอร์น), SKODA ENYAQ (สโกดา เอนยัค), VOLKSWAGEN ID.3 (โฟล์คสวาเกน ไอดี.3) โดยเป็นรุ่นฐานล้อยาวพิเศษ (ที่ 2,770 มม.) ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเดิม กับความยาวที่ 4,580 มม. ถือว่ามากกว่ารุ่น ID.3 และ BORN ที่ 130 มม. สั้นกว่ารุ่น ENYAQ ที่ 65 มม. และเท่ากับรุ่น Q4 E-TRON ส่วนแบทเตอรีมีความจุ 77 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีระยะทำการสูงสุดที่ 480 กม.
อัตราเร่งที่ดุดัน
การขับขี่ ID.4 GTX (ไอดี.4 จีทีเอกซ์) มีความเร้าใจไม่น้อยทีเดียว การตอบสนองทำได้อย่างน่าพอใจ แม้จะไม่เท่ากับรหัสสปอร์ทเต็มตัวอย่าง GT ก็ตาม นักขับรุ่นดั้งเดิมหลายคนยังคงชื่นชอบมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ตาม สมรรถนะของรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ก็ไม่ธรรมดา น่าประทับใจไม่แพ้กัน จากอัตราเร่งที่ทำได้อย่างฉับไว (0-100 กม./ชม. ใน 6.2 วินาที) แต่ยังมาพร้อมกับความสะดวกสบายตามแบบฉบับรถยนต์ของ VOLKSWAGEN เหมาะกับการใช้งานของครอบครัว รองรับการใช้งานสำหรับการขับขี่ทางไกลได้ดี ภายใต้ระยะทำการที่มากพอ การตอบสนองที่นุ่มนวล สะดวกสบาย และห้องโดยสารที่เงียบ ติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน ตามแบบฉบับรถยนต์ยุคใหม่ และรถยนต์หลายรุ่นจากค่ายรถแห่งนี้ หากให้สรุปในเบื้องต้น ID.4 GTX มีการขับขี่ที่ไหลลื่น นุ่มนวล การส่งกำลังของชุดเกียร์แบบจังหวะเดียวจึงมีความราบรื่นเป็นพิเศษ (ขณะที่ระบบส่งกำลังจากมอเตอร์ด้านหลังเท่านั้น) แต่เมื่อใดก็ตามที่ผู้ขับกดคันเร่งลึกลงไป มอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าจะส่งกำลังร่วมกัน ทำให้ตัวรถพุ่งทะยานไปข้างหน้าอย่างฉับไว โครงสร้างตัวถังสามารถรองรับสมรรถนะได้ดีเกินคาด อาการโคลงมีให้สัมผัสเพียงเล็กน้อย ช่วงล่างที่ถูกปรับแต่งให้เน้นความหนึบมากกว่าความนุ่มนวล ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เมื่อแล่นผ่านหลุมขรุขระบนถนน
ตัวตนใหม่ที่เปลี่ยนไป
ระบบขับเคลื่อนถึง 5 รูปแบบ สามารถเลือกการตอบสนองได้ระหว่าง เร้าใจ หรือเงียบเชียบ หรือแม้แต่เน้นประหยัดพลังงาน หรือเน้นสมรรถนะเต็มตัว (โหมดเน้นการยึดเกาะถนน) นอกจากนี้ ผู้ขับยังสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ จุดแตกต่างจากรถที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีการตอบสนองที่ยืดหยุ่น และจัดสรรการส่งแรงบิดได้อย่างรวดเร็วไปยังเพลาขับทั้ง 2 ชุด ทำให้การขับขี่มีความเฉียบคมยิ่งขึ้น เพิ่มความคล่องแคล่วขณะหักเลี้ยวให้มีความแม่นยำยิ่งขึ้น ระบบเบรคสามารถแปรผันน้ำหนักได้สำหรับล้อแต่ละตำแหน่ง โดยพื้นฐาน คือ ระบบที่ถูกปรับแต่งมาอย่างลงตัว แปรผันการส่งแรงบิดไปยังชุดเพลาขับได้หลากหลาย ทำให้มีการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ควบคู่กันทั้งสมรรถนะที่ฉับไว และการสิ้นปลืองพลังงานในระดับที่เหมาะสม รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้มีการส่งกำลังที่ต่อเนื่อง และแม่นยำ ตามความต้องการของผู้ขับ ภายใต้น้ำหนักโดยรวมที่ระดับ 2 ตันเลยทีเดียว ถือเป็นจุดแตกต่างของรถยนต์ไฟฟ้ารหัส GTX และตัวแรงเน้นความฉับไวรหัส GTI ส่วนหนึ่งมาจากการจัดสรรการส่งกำลังที่ชาญฉลาดของ ID.4 GTX ทำได้ราบรื่น และมีความลงตัวอย่างถึงที่สุด การบังคับเลี้ยวมีความต่อเนื่อง แต่ในกรณีที่มีการหักเลี้ยวกะทันหัน น้ำหนักตัวที่ค่อนข้างมากเริ่มส่งผลกระทบชัดเจนมากขึ้น บางทีหากเปลี่ยนมาใช้ยางที่เน้นการยึดเกาะถนนอาจช่วยได้มากกว่านี้ แทนที่จะใช้ยางที่เน้นการประหยัดพลังงาน และเพิ่มระยะทำการเช่นนี้
จุดอ่อนที่เราสังเกตเห็นจากรถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ คือ การปราศจากระบบปรับแต่งแรงหน่วงจากระบบเบรค (ผู้ขับสามารถเลือกโหมด D สำหรับการขับขี่ทั่วไป และโหมด B สำหรับแรงหน่วงจากการเบรคมากขึ้นระดับหนึ่ง) ด้วยพละกำลังสูงสุด และน้ำหนักโดยรวมของรถรุ่นนี้ ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้สำหรับสมรรถนะโดยรวม หากต้องการการตอบสนองแบบสปอร์ทมากยิ่งขึ้น การส่งกำลังที่ฉับไวในแบบฉบับรถยนต์ไฟฟ้าทำได้ดีเพียงพออยู่แล้ว นอกจากนี้ ราคาของตัวรถเริ่มต้นที่ 54,650 ยูโร แม้ยังถือว่าสูงพอประมาณ แต่ก็มีออพชันมาให้อย่างเหมาะสมเช่นกัน รวมถึงระบบไฟส่องสว่างอัจฉริยะ
ไม่แน่ว่า รหัสตัวแรงที่ลงท้ายด้วย X แทนที่ตัวแรงเดิมรหัส I อาจมาสานต่อตำนานความแรงที่สืบทอดมาเป็นเวลาหลายปี คงจะน่าเสียดายหากรถยนต์ไฟฟ้าสมรรถนะดีคันนี้ถูกมองข้ามไป กับความเร้าใจที่ไม่แพ้รหัส GT อย่างไม่น้อยหน้ากัน
ข้อมูลจำเพาะ ของรถที่นำมาทสอบ
ข้อมูลทางเทคนิค ความเรียบง่ายที่ลงตัว
เครื่องยนต์
• ด้านหน้า มอเตอร์ไฟฟ้า, ด้านหลัง มอเตอร์ไฟฟ้า
• กำลังสูงสุดทั้งระบบ 299 แรงม้า
• แรงบิดสูงสุด 48.1 กก.-ม.
แบทเตอรี
• ความจุ 82 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ใช้งานได้จริง 77 กิโลวัตต์ชั่วโมง)
รองรับการชาร์จ
• ชาร์จปกติ 11 กิโลวัตต์/ชาร์จเร่งด่วน 125 กิโลวัตต์
ระบบส่งกำลัง
• ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
• ชุดควบคุมความเร็ว
สมรรถนะ
• ความเร็วสูงสุด 180 กม./ชม.
• 0-100 กม./ชม. 6.2 วินาที
• อัตราสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ย 6.1 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
มิติ และน้ำหนัก
• ระยะฐานล้อ 2,770 มม.
• ความยาว 4,580 มม. กว้าง 1,850 มม. สูง 1,620 มม.
• น้ำหนักโดยรวม ไม่ระบุ
ราคา
• 54,650 ยูโร (ประมาณ 2,310,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาของรุ่น GTX มีมอเตอร์ขับเคลื่อนเพิ่มเติมสำหรับล้อคู่หน้า (กำลังสูงสุด 109 แรงม้า) ชุดแบทเตอรีถูกติดตั้งข้างใต้พื้นรถ ทำให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำลงมาเช่นกัน ประกอบด้วยชุดแบทเตอรีจำนวน 12 ชุด ในแต่ละชุดบรรจุแบทเตอรีจำนวน 24 เซลล์ ทั้งหมดจะถูกห่อหุ้มอย่างมิดชิด และแข็งแรง (เพื่อประโยชน์ด้านความปลอดภัย) นอกจากนี้ ยังเสริมด้วยชุดปรับอุณหภูมิสำหรับทำความเย็น (หรือทำความอุ่น) ด้วยระบบน้ำเพื่อการปรับอุณหภูมิอย่างคงที่ตามความเหมาะสมของหลากหลายสภาวะการใช้งาน ทางค่ายรถระบุว่า ชุดแบทเตอรีได้รับการรับประกันนาน 8 ปี หรือ 160,000 กม. โดยมีประสิทธิภาพที่ 70 % ของการใช้งานทั้งหมด จุดน่าสังเกตเพิ่มเติม คือ รถยนต์ไฟฟ้ามาดสปอร์ทคันนี้ เพิ่มระบบควบคุมการลื่นไถลสำหรับล้อคู่หน้ามาให้ด้วย ซึ่งตามปกติแล้ว รถเครื่องยนต์สันดาปจะเน้นการติตั้งระบบดังกล่าวกับล้อคู่หลังมากกว่า
รุ่น ID.5 GTX ตัวถังปราดเปรียวแบบคูเป
นอกจากตัวถังแบบครอสส์โอเวอร์สไตล์ เอสยูวี แล้ว ยังมีอีกทางเลือกสำหรับตัวถังสไตล์คูเป ตามกระแสของค่ายรถหลายแห่งในช่วงหลายปีมานี้ ทาง BMW (บีเอมดับเบิลยู) เคยนำเสนอกับรุ่น X6 (เอกซ์ 6) และอีกหลายค่ายก็ใช้แนวทางดังกล่าวตามกันมา ID.5 (ไอดี.5) คือ ครอสส์โอเวอร์ที่มีรูปทรงปราดเปรียวกว่ารุ่น ID.4 ส่วนท้ายลาดเท เส้นสายโฉบเฉี่ยว ภายใต้พื้นที่ใช้สอยที่เหลือเฟือ และมีการขับขี่ที่คล่องตัวระหว่างสมรรถนะที่ฉับไวมากพอ และความสะดวกสบายโดยรวม ตัวรถมีความยาวเพิ่มขึ้นอีก 30 มม. ทีมงานของเรายังไม่ได้ทดลองขับกับรุ่นที่เตรียมทำตลาดจริง แต่ความรู้สึกโดยรวมขณะขับขี่ ถือว่าทำได้ใกล้เคียงกับรุ่น ID.4 แต่มีระยะทำการเพิ่มขึ้นเป็น 497 กม. จุดที่น่าประทับใจ คือ พื้นที่ห้องโดยสารแทบไม่แตกต่างกัน (ในแง่ของความสูง) รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระท้าย (มีความจุที่ 453 ลิตร) ID.5 GTX (ไอดี.5 จีทีเอกซ์) จะถูกส่งทำตลาดจริงในภูมิภาคยุโรปในช่วงกลางปีหน้า และมีความเป็นได้ว่า จะมีทางเลือกของรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปเช่นกัน