Quattroruote ลองของแรง
ทดสอบ MASERATI MC20
หลังจากการทดสอบบนถนนจริง และในสนามทดสอบกับรถต้นแบบของสปอร์ทคูเปคันสวยจากเมืองโมเดนา พิสูจน์ให้เห็นถึงความสะดวกสบาย และการบังคับควบคุมที่ไม่ยากเย็นจนเกินไป เมื่อกดคันเร่งลงไป พลังของ “ตรีศูล” พร้อมที่จะถูกปลดปล่อยออกมาทันที ด้วยสมรรถนะอันดุดัน และอัตราเร่งที่ฉับไวในพริบตา
ขณะที่ทีมทดสอบของเราได้อยู่กับ FEDERICO LANDINI หัวหน้าทีมพัฒนารถสปอร์ทรุ่น MC20 (เอมซี 20) กับการแล่นผ่านถนนที่มีความขรุขระ และหลุมบ่อหลายจุด ลักษณะของถนนดังกล่าวดูจะไม่เป็นมิตรกับรถสปอร์ทสมรรถนะสูงเอาเสียเลย แต่เอาเข้าจริงแล้ว เรากลับพบว่า รถรุ่นนี้มีความสะดวกสบาย และใช้งานได้อย่างง่ายดายเกินคาด จัดเป็นผลลัพธ์ที่ทางทีมงานวิศวกรผู้พัฒนารถสปอร์ทรุ่นนี้ มีความภาคภูมิใจไม่น้อย ตลอดเส้นทางของการทดสอบจากโรงงานผลิต จนถึงสนามแข่งในเมืองโมเดนา ทีมงานทดสอบขับผ่านเส้นทางที่ได้ทดลองระบบรองรับกันเต็มพิกัด และต้องประหลาดใจว่า MC20 สามารถแล่นผ่านอุปสรรคบนพื้นผิวถนนได้สบายๆ โดยไม่ต้องปรับความสูงของระบบรองรับขึ้นมา ซึ่งจำเป็นสำหรับรถสปอร์ทที่มีความสูงของพื้นรถค่อนข้างน้อย แต่สำหรับรถสปอร์ทคันนี้ กลับไม่พบปัญหาแต่อย่างใด ยกเว้นการเจอสิ่งกีดขวางที่ค่อนข้างหนักหน่วง เช่น ทางลาดชันที่มีองศาค่อนข้างมาก จากความสูงของพื้นรถที่เหมาะสม และพื้นใต้ท้องรถที่มีลักษณะแบนราบ แต่นั่นไม่ใช่ข้อดีทั้งหมด หนึ่งในจุดเด่นของรถรุ่นนี้ คือ ประสิทธิภาพการตอบสนองของระบบรองรับที่แปรผันด้วยระบบอีเลคทรอนิค มีการดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะถูกปรับระดับความสูงตำแหน่งใดๆ ก็ตาม ผู้โดยสารสัมผัสได้ถึงความนุ่มนวลที่เหมาะสม ไม่มีแรงสั่นสะเทือนที่มากจนรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด ในโหมด GT ซึ่งเป็นโหมดพื้นฐาน สปอร์ทคูเปรุ่นนี้สามารถขับขี่ได้ง่ายดายจนแทบจะลืมไปว่า นี่คือ รถสปอร์ทที่มีความสูงกว่าครึ่งเมตรเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เบาะผู้ขับนั่งได้สบาย มีการตัดเย็บที่ประณีต เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ ทำงานได้อย่างราบรื่น เครื่องยนต์ที่ทำงานได้เงียบสนิทที่รอบต่ำ เมื่อระบบวาล์วยังไม่เปิดทำงานเต็มตัว แต่พร้อมที่ปลดปล่อยแรงบิดมหาศาลระดับ 74.4 กก.-ม. ได้ทุกเวลา
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้มาทดสอบความสะดวกสบายของรถรุ่นนี้ แต่จุดประสงค์ที่แท้จริง คือ การพิสูจน์สมรรถนะอันดุดัน กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบคู่ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมระบบหัวเทียนคู่ และห้องเผาไหม้สำรอง ช่วยให้การตอบสนองฉับไวสุดยอด และยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมาย ภายใต้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ตั้งแต่โครงสร้างตัวถัง ระบบรองรับแบบปีกนกคู่ ตลอดไปจนถึงระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิค
ได้เวลาทดสอบบนสนามแข่งขัน ทีมงานสวมหมวกนิรภัยอย่างเตรียมพร้อม และขึ้นมานั่งบนเบาะผู้ขับ พบว่าตำแหน่งการนั่งมีความเหมาะสมอย่างน่าพอใจ กับระดับความสูงจากพื้นถนนเพียงเล็กน้อย พวงมาลัยมีตำแหน่งใกล้กับลำตัวผู้ขับ สามารถนั่งเหยียดขาได้เต็มที่ ตัวพวงมาลัยมีตำแหน่งค่อนข้างตั้งฉาก ตรงกลางมีโลโกตรีศูล และแพดเดิล ชิฟท์ ขนาดใหญ่ สามารถเปลี่ยนจังหวะเกียร์ได้แม้ขณะเข้าโค้ง โดยไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย ส่วนมากเราชื่นชอบการออกแบบแผงคอนโซลหน้า มีรูปทรงที่ลงตัว ปุ่มใช้งานต่างๆ เพียงพอสำหรับความจำเป็นขณะขับขี่ ไม่เยอะเกินไปจนชวนให้สับสน ส่วนคอนโซลเกียร์ตกแต่งด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มีรูปทรงที่เพรียวบาง เน้นความเรียบง่าย ติดตั้งแป้นหมุนสำหรับเปลี่ยนโหมดเกียร์ และปุ่มเปลี่ยนโหมดการขับขี่เท่านั้น ถัดมาเป็นหน้าจอระบบสัมผัสจำนวน 2 จอ จอแรกมีขนาด 10.3 นิ้ว ทำหน้าที่เป็นแผงหน้าปัด และตรงกลางเป็นหน้าจอขนาดเดียวกัน สำหรับแสดงผลระบบความบันเทิงใช้พโรแกรมของ ANDROID AUTO การเลื่อนหน้าจอเพื่อใช้งานทำได้สะดวก ทำความคุ้นเคยได้ง่ายดาย ขณะที่การใช้งานแบบดิจิทอล ยังรวมถึงกระจกมองหลังที่มีการทำงานร่วมกันกับทิศทางของกระจกมองข้าง ช่วยให้การถอย MC20 เข้าช่องจอด มีความสะดวก และปลอดภัยยิ่งขึ้น
พุ่งทะยานในพริบตา
กลับมาที่การทดสอบในสนามแข่งขัน ช่วงรอบแรกๆ เป็นการทำความคุ้นเคยกับตัวรถ เราจึงเลือกโหมดการขับขี่แบบ SPORT ระบบรองรับจะมีความหนึบแน่นขึ้นเล็กน้อย และระบบส่งกำลังจะตอบสนองฉับไวขึ้นด้วย หลังจากแล่นผ่านไม่กี่โค้ง เราพบว่าการตอบสนองของพวงมาลัย คือ หนึ่งในสิ่งที่น่าประทับใจสำหรับรถสปอร์ทรุ่นนี้ การตอบสนองที่เที่ยงตรง และแม่นยำ ทำให้การขับขี่มีความมั่นใจ และสนุกเร้าใจได้ไม่น้อย การตอบสนองที่แม่นยำของการหักเลี้ยวล้อคู่หน้า ทำให้การขับขี่แบบเน้นสมรรถนะทำได้อย่างมั่นคงยิ่งขึ้น แต่ทักษะการบังคับควบคุมรถยังคงมีความจำเป็น การหักเลี้ยวที่ฉับไวมากพอ มีความจำเป็นขณะเข้าโค้งหลังจากทำการเบรคอย่างหนักหน่วง เราสามารถกดแป้นเบรคได้เต็มที่ขณะทะยานอยู่ในโค้ง โดยไม่ต้องเลี้ยงน้ำหนักการกดแป้นเบรคแม้แต่น้อย (อาการท้ายปัดแทบไม่มีให้สัมผัส จากรูปทรงของตัวรถที่ถูกออกแบบให้เกิดอาการดังกล่าวได้น้อยมาก) บ่งบอกว่า MC20 ถูกปรับตกแต่งมาอย่างสมดุลดีมาก อีกหนึ่งความหนักแน่นมาจากการทำงานของระบบเบรคแบบคาร์บอนเซรามิค กับคาลิเพอร์แบบ 6 จุดยึดหน่วงความเร็วได้อย่างน่าประทับใจ แต่เราคิดว่าควรปรับปรุงความทนทานของแป้นเบรคอีกเล็กน้อย ในกรณีที่ใช้งานอย่างหนักหน่วง ความแม่นยำของแป้นเบรคยังสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้อีก
ความรู้สึกขณะขับขี่เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับการควบคุมรถสปอร์ทที่มีอัตราเร่งฉับไว และระบบรองรับที่มีประสิทธิภาพสูง ราวกับรถยนต์คันนี้มีน้ำหนักเบากว่าความเป็นจริง การควบคุมโดยรวมทำได้ไม่ยากเย็นเกินไป ผู้ขับสามารถเข้าโค้งด้านในอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องพบความเสี่ยงที่รถจะเสียการทรงตัว และเมื่อทะยานออกจากโค้ง พละกำลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาผ่านล้อแต่ละตำแหน่งที่ยังคงหนึบแน่นอยู่กับพื้นถนน มีอาการไถลที่น้อยมาก ณ จุดนี้ ผู้ขับจะรู้สึก สนุก และเร้าใจอย่างที่สุด สามารถทะยานไปข้างหน้าโดยไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขอาการของตัวรถ เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนโหมดการขับขี่เป็นแบบ TROPHY เน้นสมรรถนะถึงที่สุด เหมาะสำหรับการเค้นความร้อนแรงของรถสปอร์ทรุ่นนี้ทุกอณู ระบบควบคุมอีเลคทรอนิคยังคงทำงานอยู่ (สามารถเลือกปิดระบบ ESC ได้) ระบบรองรับมีความหนึบแน่นที่ยอดเยี่ยม (แต่มีปุ่มปรับระดับการตอบสนองของระบบรองรับแยกต่างหากได้ตามต้องการ ซึ่งมีความนุ่มนวลมากขึ้น) ตัวรถสามารถปลดปล่อยพละกำลังออกมาได้เต็มพิกัด พละกำลังระดับ 630 แรงม้า ทำให้ MC20 สามารถทะยานจากโค้งหนึ่งไปยังอีกโค้งได้ในชั่วพริบตา ข้อมูลจำเพาะจากทางผู้ผลิตระบุว่า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.9 วินาที และ 0-200 กม./ชม. เพียง 8.8 วินาที แต่อย่าได้หวั่นไหวว่า รถคันนี้จะมีความดุดันจนไม่อาจควบคุมได้ เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร ปลดปล่อยพละกำลังอันมหาศาลแบบไหลลื่น ไม่กระแทกกระทั้นมากจนเกินควร มีการตอบสนองที่ดีเยี่ยมแทบทุกช่วงความเร็ว โดยที่ผู้ขับไม่จำเป็นต้องกดคันเร่งเกินกว่าช่วง 7,500 รตน. ด้วยซ้ำไป แค่นี้ก็เร้าใจได้มากพอแล้ว อย่างไรก็ตาม เรามีความเห็นว่า ซุ่มเสียงของเครื่องยนต์ยังสามารถปรับแต่งให้มีความเร้าใจได้มากกว่านี้ แม้ขณะเร่งรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น ซุ่มเสียงจะเร้าใจขึ้นจนน่าพอใจแล้วก็ตาม ขณะที่ระบบเกียร์น่าจะปรับแต่งให้เปลี่ยนจังหวะได้ฉับไวกว่านี้ในโหมด TROPHY เพื่อการขับขี่แบบเน้นสมรรถนะที่เร้าใจยิ่งขึ้น
หลังจากการทดสอบในสนามแข่งขันซึ่งกินเวลานานพอสมควร เราพบว่า MC20 เป็นรถสปอร์ทที่มีความโดดเด่นหลายประการ มีการตอบสนองที่ดีในหลากหลายสภาวะการขับขี่ ยังคงมีจุดเด่นอีกหลายหัวข้อที่รอการพิสูจน์ ซึ่งทีมงานของเราจะนำมาทดสอบเต็มตัวอีกครั้งในโอกาสถัดไป
การพัฒนา และรังสรรค์ขุมพลัง วี 6 สูบ เคล็ดลับความดุดันของ MASERATI
การทำการทดสอบ MC20 เราได้ไปเยี่ยมชมหน่วยงานพัฒนาเครื่องยนต์ของ MASERATI (มาเซราตี) ณ ที่แห่งนี้ คือ สถานที่สำหรับการพัฒนา และผลิตขุมพลังจากค่ายรถแห่งนี้ สิ่งที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ ศูนย์พัฒนาที่ถูกก่อตั้งขึ้นมายาวนานตั้งแต่ปี 2480 ภายใต้โลโกตรีศูล เริ่มสายการผลิตนับแต่นั้นมาหลังจากย้ายโรงงานมายังเมืองโมเดนา เวลาผ่านไปร่วม 20 ปีหลังจากนั้น ทางโรงงานก็เริ่มผลิตขุมพลังหลายบลอคออกมา การพัฒนาเครื่องยนต์สำหรับ MASERATI มาจากศูนย์พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตั้งห่างจากโรงงานเพียงไม่กี่กิโลเมตร เป็นสถานที่ถือกำเนิดรถยนต์จาก MASERATI อีกหลายรุ่น ส่วนประกอบกว่า 300 ชิ้นของเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ ถูกบรรจุมาในล้อเลื่อนที่ผนึกอย่างแน่นหนา ก่อนจะถูกนำมายังส่วนการประกอบเครื่องยนต์ ห้องที่ใช้งานจะอยู่ภายใต้ระบบปรับอากาศ ควบคุมอุณหภูมิ และบรรยากาศอย่างเหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่นละอองแม้เพียงเล็กน้อย ที่อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพโดยรวมของชิ้นส่วนต่างๆ (เราหมายถึงฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมากๆ ก็ไม่อาจเล็ดลอดมาได้) โดยจะมีส่วนประกอบเครื่องยนต์จำนวน 6 สถานี พร้อมทีมผู้เชี่ยวชาญประจำการอยู่ การประกอบเครื่องยนต์แต่ละบลอคใช้เวลาประมาณ 3 วัน เมื่อทำการประกอบเสร็จแล้ว และประกอบชิ้นส่วนที่เหลือเข้าด้วยกัน เครื่องยนต์ วี 6 สูบ จะถูกลำเลียงไปยังห้องทดสอบจำนวน 5 ห้องด้วยกัน เพื่อประสิทธิภาพตามที่ถูกพัฒนาขึ้นมา หลังจากส่วนนี้ จะเป็นแผนกประกอบระบบส่งกำลัง ชุดหม้อน้ำ ท่อต่างๆ และถังน้ำมัน หลังจากนั้นจึงจะลำเลียงไปยังสายพานประกอบเข้ากับตัวรถ และทำการแล่นทดสอบบนชุดลูกกลิ้งเพื่อประเมินสมรรถนะโดยรวมในขั้นตอนสุดท้าย เครื่องยนต์บลอคนี้ยังถูกออกแบบให้มีรูปทรงที่ลงตัว เป็น 1 ในองค์ประกอบที่งดงามของรถสปอร์ทรุ่นนี้ ภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา (ต่ำกว่า 220 กก.) ลูกสูบแบบ วี แต่ละชุดทำมุม 90 องศา เพื่อลดความสูงโดยรวมของเครื่องยนต์โดยรวม และการติดตั้งอ่างน้ำมันเครื่องแบบแห้ง มีตำแหน่งที่ต่ำลงมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จุดเด่นถัดมา คือ ระบบเผาไหม้ เอกสิทธิ์เฉพาะของค่ายรถแห่งนี้ โดยการติดตั้งห้องเผาไหม้สำรองอีกชุด ประกอบด้วยการใช้วัสดุทองแดง และรูขนาดเล็กจิ๋วบริเวณด้านบนของเสื้อสูบ ภายใต้ห้องเผาไหม้สำรองนี้จะมีชุดจุดระเบิดสำหรับใช้งานกับอากาศ และน้ำมันเชื้อเพลิงที่ผสมกันเข้ามา เมื่อมีการจุดระเบิดแล้ว ระบบจะส่งชุดไอความร้อนสูงผ่านรูขนาดเล็กดังกล่าว ช่วยให้การจุดระเบิดทำได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และเผาไหม้ได้หมดจดยิ่งขึ้น ช่วยเสริมเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิง และพละกำลังที่ได้มา (อัตราส่วน 210 แรงม้า/1 ลิตรของความจุเครื่องยนต์) ขณะที่ชุดจุดระเบิดในส่วนถัดมาทำหน้าที่ในช่วงรอบเครื่องยนต์ และความเร็วต่ำ จะเข้ามาทำงานตามความเหมาะสมของสภาวะเครื่องยนต์
ตัวถัง 3 รูปแบบ
โครงสร้างตัวถังผลิตโดยบริษัท TTA ADLER สำหรับรถสปอร์ทตัวธงของ MASERATI โครงสร้างวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มีความแข็งแรงที่แตกต่างในแต่ละส่วน เพื่อรองรับรถสปอร์ท 3 รูปแบบ นั่นคือ คูเป เปิดประทุน และรถยนต์ไฟฟ้า
ปราศจากสปอยเลอร์
MC20 ไม่จำเป็นต้องติดตั้งตัวช่วยเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่มากมายเกินไป ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมของตัวรถมาจากการทุ่มทุน และองค์ความรู้ที่รังสรรค์ขึ้นมาอย่าละเอียดอ่อน ผ่านอุโมงค์ลมจำลองของบริษัท DALLARA เป็นเวลาหลายชั่วโมง และการใช้แบบจำลองคำนวณผ่านพโรแกรมที่แม่นยำ
ทางเลือก 2 รูปแบบ
ระบบเบรคแบบพื้นฐานจะใช้จานเบรควัสดุโลหะ ด้านหน้ามีขนาด 380 มม. ด้านหลัง 350 มม. ขณะที่จานเบรคแบบคาร์บอนเซรามิค ด้านหน้ามีขนาด 390 มม. ด้านหลัง 360 มม. เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง ทั้ง 2 รูปแบบใช้ชุดเบรคของ BREMBO แบบ 6 จุดยึด
ระบบหัวเทียนคู่
เครื่องยนต์ วี 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 630 แรงม้า มีอัตราส่วนของพละกำลังที่สูงมาก นั่นคือ 210 แรงม้า/1 ลิตรของความจุเครื่องยนต์ เป็นข้อดีที่มาจากระบบห้องเผาไหม้สำรอง พร้อมจุดหัวเทียนจุดระเบิด ทำให้การเผาไหม้ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความหนึบแน่นที่ไว้ใจได้
ระบบรองรับทั้ง 4 ตำแหน่งมีระบบบังคับเลี้ยวในตัว และระบบรองรับที่ช่วยให้ล้อแต่ละตำแหน่งมีความหนึบแน่นเท่าเทียมกัน ในกรณีที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
ข้อมูลจำเพาะ ของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์
- เบนซิน วางกลางลำ ตามยาว
- วี 6 สูบ (ทำมุม 90 องศา)
- กระบอกสูบ 88.0 มม.
- ช่วงชัก 82.0 มม.
- ความจุ 3,000 ซีซี
- กำลังสูงสุด 630 แรงม้า ที่ 7,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 74.4 กก.-ม. ที่ 3,000-5,500 รตน.
- เสื้อสูบ และฝาสูบ ใช้วัสดุโลหะน้ำหนักเบา
- ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ พร้อมชุดวาล์วแปรผัน 4 วาล์วต่อลูกสูบ (สายพานโซ่)
- ระบบฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง และผสมระบบหัวฉีด เทอร์โบคู่ อินเตอร์คูเลอร์
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
- เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ
- ระบบเฟืองท้ายแปรผันการส่งกำลังด้วยอีเลคทรอนิค
ยาง
- ด้านหน้าขนาด 235/45 ZR20 ด้านหลัง 305/30 ZR20
- ชุดปะยาง
รูปแบบตัวถัง
- โครงสร้างตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ ทรง 2 กล่อง 2 ประตู 2 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้าแบบ ปีกนกคู่ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลังแบบ ปีกนกคู่ คอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
- ระบบชอคอับแบบไฮดรอลิค ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค
- จานเบรคแบบคาร์บอนเซรามิค พร้อมช่องระบายอากาศ เอบีเอส อีเอสพี
- ระบบบังคับเลี้ยวฟันเฟือง และตัวหนอน ผ่อนแรงด้วยไฟฟ้า
- ถังน้ำมันขนาด 60 ลิตร
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,700 มม.
- ความกว้างฐานล้อคู่หน้า 1,680 มม. คู่หลัง 1,650 มม.
- ความยาว 4,670 มม. กว้าง 1,970 มม. สูง 1,220 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,500 กก.
- พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหน้า 50 ลิตร ด้านหลัง 100 ลิตร
สถานที่ผลิต
- เมืองโมเดนา ประเทศอิตาลี