Quattroruote ทดสอบ
ทดสอบรถยนต์ไฟฟ้า HONDA E
รถยนต์ไฟฟ้าทรงสวย เทคโนโลยีล้ำสมัย รถนาครสัญชาติญี่ปุ่นรุ่นนี้มีความเป็นยานยนต์ยุคหน้าอย่างเต็มเปี่ยม แม้รูปแบบโดยรวมจะเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แต่จุดประสงค์สำคัญ คือ การปูทางสู่บริบทของค่ายรถแห่งนี้
รุ่น ADVANCE
ราคา
- 38,500 ยูโร (ประมาณ 1,400,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
กำลังสูงสุด
- 154 แรงม้า
ความจุแบทเตอรี
- 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า
- จากผู้ผลิต 5.6 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
- จากการทดสอบ 5.3 กม./กิโลวัตต์ชั่วโมง
- ความคุ้มค่า (การชาร์จปกติ) 3.80 ยูโร/100 กม.
- ความคุ้มค่า (การชาร์จเร่งด่วน) 9.49 ยูโร/100 กม.
ระยะทำการ
- จากผู้ผลิต 210 กม.
- จากการทดสอบ 198 กม.
รูปทรงสะดุดตา
ค่ายรถสัญชาติญี่ปุ่นสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมเกินคาดมาตั้งแต่ปี 1990 รถยนต์จากแดนอาทิตย์อุทัยสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็น มอเตอร์ไฟฟ้า ระบบอีเลคทรอนิคส์ ขุมพลัง ระบบรองรับ รวมถึงการออกแบบที่ลงตัว ค่ายรถยุโรปยังต้องจับตามองผลงานของค่ายรถแห่งนี้อย่างไม่วางตา HONDA (ฮอนดา) ก็เป็นหนึ่งในค่ายรถที่กล่าวมา บวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ถูกพัฒนาออกมาอย่างต่อเนื่อง (หนึ่งในนั้น คือ รถยนต์รุ่น CIVIC (ซีวิค) กับอัตราส่วนแรงม้า/ความจุเครื่องยนต์ที่ 100 แรงม้า/ลิตร แบบ VTEC รอบเครื่องยนต์สูงสุดที่ 7,600 รตน.) มาถึงปัจจุบันที่ค่ายรถแห่งนี้จะก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น
HONDA E (ฮอนดา อี) คือ รถยนต์ที่กลับสู่รากเหง้าดั้งเดิมของค่ายรถแห่งนี้ นั่นคือ ขนาดตัวที่กะทัดรัด (ความยาว 3,900 มม. และสูง 1,500 มม.) กับการออกแบบเส้นสายที่ชวนให้นึกถึง CIVIC รุ่นแรก และรถนาครรุ่นดั้งเดิมอย่าง N360 (เอน 360) ผสมผสานกับเส้นสายที่ทันสมัยสมกับเป็นรถยนต์ยุคหน้า จะเห็นได้จากไฟหน้าแบบแอลอีดี ตัวถังที่ไร้สันเหลี่ยม และกระจกมองข้างที่ถูกทดแทนด้วยกล้องมองภาพจำนวน 2 ตัว
รถยนต์ไฟฟ้าของ HONDA รุ่นนี้มีรูปทรงที่สะดุดตา หลังจากที่ทีมงานทดลองขับรถรุ่นนี้ในตัวเมือง พบว่ามีความเหมาะสมกับการใช้งานในตัวเมืองอย่างน่าพอใจ ภายใต้โครงสร้างตัวถังแบบใหม่ล่าสุด ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับรถยนต์ไฟฟ้าจาก HONDA ในระดับ บี และซี-เซกเมนท์ กับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวถัง คือ การวางเครื่องยนต์ด้านท้าย และระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง (ล้อคู่หลังมีขนาดใหญ่กว่าคู่หน้า) เมื่อเข้ามาในห้องโดยสาร บรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกที่น่าพึงพอใจ ล้ำสมัย แต่ไม่แปลกตาเกินกว่าจะทำความคุ้นเคยได้ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย และแผงคอนโซลหน้าเป็นจุดติดตั้งหน้าจอแอลซีดีขนาดใหญ่ โดยจะทำงานทันทีที่ผู้ขับกดปุ่มสตาร์ท หน้าจอส่วนแรกอยู่ด้านหน้าผู้ขับ แสดงผลข้อมูลของตัวรถ (เช่น ความเร็ว ระดับแบทเตอรี ระยะทำการที่เหลือ ฯลฯ) ขณะที่หน้าจอ 2 ส่วนที่เหลือ มีขนาด 12.3 นิ้ว ใช้แสดงผลระบบความบันเทิง
จอแสดงผลที่หลากหลาย
จอแสดงผลที่แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกสำหรับผู้ขับ และอีกส่วนสำหรับผู้โดยสาร สามารถสั่งงานผ่านปุ่มหมุนด้านบนตรงด้านข้างของหน้าจอ (ปรับได้ 6 ระดับในแต่ละข้าง) สามารถเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้รวดเร็ว รายการใช้งานก็มีให้เลือกมากมาย ผู้ขับสามารถเลือกการแสดงผลสำหรับเนวิเกเตอร์บนหน้าจอหนึ่ง อีกหน้าจอสามารถเลือกแสดงผลระบบความบันเทิงก็ทำได้ โดยพลิกหน้ารายการต่างๆ หรือเลื่อนแต่ละหน้าได้เหมือนการใช้งานแทบเลท รวมถึงการใช้งานระบบสัมผัสทั่วไป โดยรวมเป็นการใช้งานแบบดิจิทอลอย่างเต็มตัว ด้านข้างของแผงคอนโซลหน้า จะมีหน้าจอที่ทำมุมหันเข้าหาผู้ขับ และมองเห็นได้ชัดเจน ทำหน้าที่แสดงมุมมองแทนกระจกมองข้าง จากกล้องมองข้างที่ติดตั้งทั้ง 2 ฝั่งของตัวรถ ห้องโดยสารถูกออกแบบให้เน้นความรู้สึกแบบรถยนต์ไฟฟ้ายุคใหม่ ให้ความรู้สึกเรียบง่าย และผ่อนคลาย ทีมนักออกแบบ และวิศวกรชาวญี่ปุ่น ต่างร่วมมือกันรังสรรค์ภายในตัวรถให้มีความเป็นมิตรต่อผู้โดยสาร วัสดุผ้าที่ถูกเลือกใช้ มีคุณภาพสูง ให้ความรู้สึกคล้ายกับการตกแต่งภายในบ้านที่พักอาศัย ดูกลมกลืนกับการใช้งานรถรุ่นนี้ นอกจากนี้จุดที่น่าพอใจ คือ รูปแบบการใช้งานแบบดั้งเดิม และการใช้งานรูปแบบดิจิทอล มีความกลมกลืนเป็นอย่างดี ปุ่มใช้งาน และปุ่มหมุนด้วยมือยังมีให้เห็นบนแผงคอนโซลหน้า ภายใต้การจัดวางที่เรียบง่าย และเป็นระเบียบตามสไตล์รถยนต์ของ HONDA สามารถใช้งานได้สะดวกในระยะเอื้อมมือถึง รถคันนี้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน พื้นที่ด้านหน้ามีเหลือเฟือ รวมถึงด้านหลังที่มีพื้นที่เพียงพอเช่นกัน จากการมีระยะฐานล้อที่มากพอ ในกรณีที่มีผู้โดยสาร 2 คน ระยะช่วงขา และศีรษะ มีเหลือเฟืออย่างน่าพอใจ โดยพื้นห้องโดยสารจะยกตัวขึ้นมาเล็กน้อย (เนื่องจากเป็นจุดติดตั้งชุดแบทเตอรี) ทำให้ตำแหน่งการวางเท้าอาจติดขัดเล็กน้อย ขณะที่พื้นที่เก็บสัมภาระมีไม่มากนักในรถ HONDA E รุ่นนี้ จากการออกแบบที่เน้นการขับขี่ในตัวเมือง และการขับทางไกลเป็นเรื่องรอง ความจุโดยรวมจึงค่อนข้างจำกัด และมีจุดต้องติ คือ เบาะหลังไม่สามารถพับแยกได้ พูดง่ายๆ คือ ในกรณีที่ต้องการขนสัมภาระขนาดค่อนข้างใหญ่ จะไม่สามารถใช้งานเบาะหลังเพื่อการโดยสารได้เลย ขณะที่การขับขี่โดยรวมมีความเร้าใจในระดับที่พอเหมาะ มอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองได้รวดเร็ว ผนวกกับแรงบิดสูงสุดที่ 32.1 กก.-ม. ทำงานตั้งแต่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ให้ความรู้สึกที่กระฉับกระเฉงดีมาก เพียงกดคันเร่ง ตัวรถก็พร้อมจะพุ่งทะยานทันที และขับเคลื่อนได้อย่างไหลลื่นท่ามกลางสภาพการจราจรที่หนาแน่น แม้อัตราเร่งโดยรวมจะยังช้ากว่า MINI COOPER SE (มีนี คูเพอร์ เอสอี) โดยมีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 8.2 วินาที เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปในตัวเมือง และยังให้การขับขี่ที่สะดวกสบายกว่า MINI การขับขี่ผ่านเส้นทางขรุขระทำให้เราพบว่า ระบบรองรับสามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีมาก รวมถึงพื้นต่างระดับในตัวเมือง ขณะที่เสียงรบกวนภายในห้องโดยสารค่อนข้างต่ำ มีเพียงเสียงของยางขณะแล่นเท่านั้น เป็นเสียงที่ได้ยินชัดเจนขณะขับด้วยความเร็วสูงบนทางหลวง
รองรับการชาร์จแบบเร่งด่วนที่ 100 กิโลวัตต์
อัตราส่วนการกระจายน้ำหนักที่ลงตัว (ด้านหน้า/หลังที่ 50:50 พอดี) มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ การตอบสนองของการหักเลี้ยวที่แม่นยำ และต่อเนื่อง ทำให้ HONDA E เข้าโค้งได้อย่างหนึบแน่น อย่างไรก็ตาม ระยะทำการที่ค่อนข้างจำกัดทำให้รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ ไม่สามารถแล่นได้ไกลนัก ด้วยความจุของแบทเตอรีที่ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง รถยนต์ไฟฟ้าของ HONDA รุ่นนี้เน้นการใช้งานในตัวเมือง และไม่ไกลเกินบริเวณชานเมืองอย่างแท้จริง ทีมงานผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ของ HONDA ใส่ใจในเรื่องการชาร์จไฟฟ้าแบบเร่งด่วน มากกว่าเรื่องระยะทำการ เพื่อการใช้งานทั่วไปที่ไม่ติดขัด และมีประสิทธิภาพ สุดท้ายแล้วจะมีความเหมาะสมแค่ไหน คงขึ้นอยู่กับการใช้งานจริงในระยะยาว ซึ่งเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ผู้พัฒนารถยนต์ไฟฟ้าต้องพิจารณาให้ดี
ทัศนวิสัยแบบดิจิทอล กล้องมองภาพ 2 ตัวด้านข้าง
HONDA E ติดตั้งกล้องมองภาพด้านข้างถูกแทนที่กับกระจกมองข้างอย่างเต็มตัว โดยจะแสดงมุมมองให้เห็นบนจอภาพแบบแอลซีดี ขนาด 6 นิ้ว ติดตั้งบริเวณด้านข้างของแผงคอนโซลหน้า เป็นอุปกรณ์ที่ติดตั้งจากโรงงานในทุกรุ่นย่อย และสามารถปรับมุมมองแบบปกติ หรือมุมมองแบบกว้างสำหรับทัศนวิสัยด้านหลัง การใช้งานในระยะแรก ผู้ขับอาจต้องทำความ คุ้นเคยกับระยะห่างของภาพที่แสดงออกมา แม้มุมมองกล้องของทาง HONDA สามารถลดจุดอับสายตาได้ถึง 50 % เมื่อเทียบกับกระจกมองข้างทั่วไป แต่มีข้อดี คือ ภาพที่แสดงบนหน้าจอจะมีระบบนำร่องของตัวรถมาในตัวขณะทำการถอยจอด ความสว่างของภาพจากกล้องจะถูกปรับโดยอัตโนมัติ ขึ้นอยู่กับแสงสว่างภายนอกตัวรถ ในกรณีที่สภาพอากาศค่อนข้างเลวร้าย การมองเห็นทั่วไปค่อนข้างลำบาก ระบบกล้องสามารถชดเชยได้ดีมาก ให้ภาพที่คมชัดกว่าจะมองผ่านกระจกมองข้างทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีกล้องมองภาพด้านหลังติดตั้งอีก 1 ตัว เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง แสดงผลบนกระจกมองหลังที่ใช้จอภาพแบบแอลซีดี
ข้อมูลทางเทคนิค รถยนต์ไฟฟ้าแต่กำเนิด
แนวทางการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าหลักๆ มี 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ ใช้รูปแบบตัวถังร่วมกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาป หรือพัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ HONDA E จัดอยู่ในประเภทหลัง ทำให้มีความได้เปรียบในหลายส่วน ประการแรก บรรดาเครื่องยนต์กลไกสำหรับขับเคลื่อน และมอเตอร์ไฟฟ้า มีความกะทัดรัดกว่ารถยนต์ทั่วไป ส่งผลให้มิติตัวถังภายนอกมีความกะทัดรัดเช่นกัน มีพื้นที่สำหรับการโดยสาร และการบรรทุกสัมภาระที่มากพอ นอกจากนี้ การเลือกพัฒนาให้รถรุ่นนี้ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าที่ด้านหลัง (และขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง) ทำให้มีอิสระในการออกแบบระบบรองรับสำหรับล้อคู่หน้ามากยิ่งขึ้น ช่วยให้วงเลี้ยวมีความแคบ เสริมความคล่องตัวของรถได้อีกทาง บริเวณกันชนหน้า ใช้วัสดุที่มีความแข็งในระดับที่พอเหมาะ เพื่อลดอาการบาดเจ็บในกรณีปะทะกับคนเดินถนน ระบบรองรับด้านหลังแบบแมคเฟอร์สัน-สตรัท และการปรับแต่งที่ลงตัว ทำให้รองรับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เมื่อแล่นผ่านพื้นขรุขระ ผลดีจากระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง ทำให้ช่วงล่าง และชุดเพลาขับถอยตำแหน่งไปด้านหลังได้เล็กน้อย ช่วยให้ขับผ่านอุปสรรคได้ดีขึ้น เสริมความนุ่มนวล และความสะดวกสบายของการโดยสาร ขณะที่ระบบไฟฟ้าของรถรุ่นนี้ ประกอบด้วย แบทเตอรีความจุ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง (ทาง HONDA ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ตัวเลขของสเปค และประเภทของเซลล์แบทเตอรีเป็นแบบชนิดไหน แต่รูปภาพประกอบแสดงให้เห็นว่า มีจำนวน 12 โมดูล แบ่งการติดตั้งเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งละ 6 โมดูล) ติดตั้งระบบตรวจวัดอุณหภูมิอัตโนมัติ ช่วยให้ระบบมีระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ทำให้มีประสิทธิภาพการทำงานสูงสุด และมีอายุการใช้งานยาวนานตามที่ถูกออกแบบมา ขณะที่อัตราส่วนการกระจาย น้ำหนักหน้า/หลังที่ 50:50 ถูกพิสูจน์ให้เห็นจากการทดสอบโดยทีมงานของเรา
ระบบขับเคลื่อนที่ไม่ซับซ้อน
รถยนต์ไฟฟ้าทั่วไปจะมีระบบขับเคลื่อนที่ไม่ซับซ้อน เครื่องยนต์จะมีขนาดเล็ก ไม่มีชุดเกียร์ติดตั้งมาให้ และชุดแบทเตอรีติดตั้งใต้พื้นรถ ทำให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ
ข้อมูลจำเพาะ
ข้อมูลของรถที่นำมาทดสอบ
เครื่องยนต์
- มอเตอร์ไฟฟ้า วางด้านหลัง
- กำลังสูงสุด 154 แรงม้า
- แรงบิดสูงสุด 32.1 กก.-ม.
แบทเตอรี
- แบบลิเธียม-ไอออน วางใต้พื้นรถ
- ความจุ 35.5 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง
- ชุดส่งกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า
ยาง
- MICHELIN PILOT SPORT 4
- ด้านหน้า 205/45 ZR17 88Y
- ด้านหลัง 225/45 ZR17 94Y
- ชุดปะยาง
รูปแบบตัวถัง
- ตัวถังใช้วัสดุโลหะ ทรง 2 กล่อง 5 ประตู 4 ที่นั่ง
- ระบบรองรับด้านหน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
- ระบบรองรับด้านหลัง แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
- ชอคอับแบบไฮดรอลิค
- ระบบเบรคแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อน เอบีเอส อีเอสพี
- พวงมาลัยฟันเฟือง และตัวหนอน แปรผันด้วยไฟฟ้า
มิติ และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 2,530 มม.
- ระยะฐานล้อคู่หน้า/หลัง 1,520 มม.
- ความยาว 3,900 มม. กว้าง 1,750 มม. สูง 1,510 มม.
- น้ำหนักโดยรวม 1,542 กก.
- น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,870 กก.
- ความจุที่เก็บสัมภาระ 171-861 ลิตร
ผลิตที่
- เมืองซูซูกะ (ประเทศญี่ปุ่น)