เรื่องเด่น Quattroruote
ทดลองขับ ASTON MARTIN DBX
หลังจากผ่านวิกฤตการณ์อันผันผวนมาได้แล้ว ค่ายรถสัญชาติอังกฤษแห่งนี้ ก็ต้องดิ้นรนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะสามารถรังสรรค์ DBX (ดีบีเอกซ์) กับการออกแบบรถเอสยูวี รุ่นแรกในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 100 ปี ของค่ายรถจากเมืองเกย์ดอนแห่งนี้ ขุมพลัง วี 8 สูบ พ่วงเทอร์โบ เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา DBX มีสมรรถนะที่ไม่น้อยหน้าพี่น้องร่วมค่าย แต่เหนือสิ่งอื่นใด คือ คุณสมบัติการลุยเส้นทางสมบุกสมบันที่ทำได้ดีเกินคาด
ข้อมูลทางเทคนิคจากทางผู้ผลิต
เครื่องยนต์
วางด้านหน้า ตามยาว
เบนซิน เทอร์โบ วี 8 สูบ (ทำมุม 90 องศา)
ความจุ 3,982 ซีซี
กำลังสูงสุด 550 แรงม้า ที่ 6,500 รตน.
แรงบิดสูงสุด 71.4 กก.-ม. ที่ 2,200-5,000 รตน.
ระบบส่งกำลัง
ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ
สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด 291 กม./ชม.
0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 7.0 กม./ลิตร
มิติตัวถัง และน้ำหนักโดยรวม
ระยะฐานล้อ 3,060 มม.
ความยาว 5,040 มม.
ความกว้าง 2,000 มม.
ความสูง 1,680 มม.
ราคา
197,000 ยูโร (ประมาณ 6,900,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)
ย้อนให้หลังในช่วงปลายปี 2012 ทีมงานของเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงงานที่เมืองเกย์ดอน เพื่อพูดคุยกับ ANDREA BONOMI (อันเดรีย โบโนมี) เกี่ยวกับแผนงานของเธอสำหรับค่ายรถ ASTON MARTIN (แอสตัน มาร์-ทิน) สตรีผู้เป็นเจ้าของเพิ่งครอบครองค่ายรถได้ไม่นาน หลังจากได้เงินทุนส่วนหนึ่งจากการขายค่ายรถมอเตอร์ไซค์ DUCATI (ดูกาตี) ให้กับ AUDI (เอาดี) บริษัทลูกผสมสัญชาติระหว่างอิตาเลียน และสวิทเซอร์แลนด์ โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือ ยอดจำหน่ายรถที่ 7,000 คัน/ปี แต่ ณ เวลานั้นพวกเขาทำได้เพียง 3,800 คันเท่านั้น และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว ทางค่ายรถต้องการรถยนต์รุ่นใหม่แกะกล่อง และจะต้องเป็นเอสยูวีที่ยังคงได้รับความนิยมในวงกว้าง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจในทีแรก ที่ได้ทราบข้อเท็จจริงอันนี้ ในแง่ของการเป็นค่ายรถที่รักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิม สไตล์ผู้ดีอังกฤษอย่างเหนียวแน่น กลับตัดสินใจพัฒนารถเพื่อเอาใจบรรดาเศรษฐีชาวรัสเซีย และจีน เชียวนี้หรือ ? ข้อสงสัยดังกล่าวก็ได้รับความกระจ่างในเวลาต่อมา กับความนิยมของรถเอสยูวีระดับหรูนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ที่หลายๆ ค่ายต้องมีรถยนต์ประเภทนี้ ในการทำตลาด เช่น PORSCHE (โพร์เช) LAMBORGHINI (ลัมโบร์กินี) BENTLEY (เบนท์ลีย์) และ ROLLS-ROYCE (โรลล์ส-รอยศ์) และในเวลาต่อมาค่ายรถแห่งนี้ ก็ยกเลิกโครงการพัฒนารถยนต์หรูขนาดเล็กอย่างรุ่น CYGNET (ซิกเนท) รวมถึงการปรับเปลี่ยนบุคลากร เพื่อมาแทนที่ ULRICH BEZ (อุลริค เบซ) ด้วยอดีตผู้บริหารของค่าย NISSAN (นิสสัน) อย่าง ANDY PALMER (แอนดี พัลเมอร์) รวมถึงการเดินหน้าด้านความร่วมมือ เพื่อความก้าวหน้าครั้งสำคัญร่วมกับค่ายรถสมรรถนะสูง AMG (เอเอมจี) โดยมีบริษัทแม่อย่าง DAIMLER (ไดมเลร์) ร่วมถือหุ้นอีก 5 % และยังเพิ่มทุนเพื่อหลักประกันที่มั่นคงยิ่งขึ้น โดยบริษัท INVESTINDUSTRIAL (มี BONOMI เป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่) และบริษัท TEJARA CAPITAL (บริษัทที่มีส่วนในการถือหุ้นค่ายรถแห่งนี้ด้วย) อย่างไรก็ตาม สถานการณ์หลังจากนั้น คงไม่ดีขึ้นในทันทีทันใด แม้จะมีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้งโรงงานใหม่ในประเทศเวลส์ ด้วยยอดจำหน่ายที่ยังไม่เพิ่มจากเดิมมากนัก หลังจากการเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2018 มูลค่าหุ้นของ ASTON MARTIN ตกลงมาถึง 90 % ทำให้ทางผู้เกี่ยวข้อง ต้องเร่งอัดฉีดเงินทุนเข้ามาอีกครั้ง และได้รับการรับประกันความแน่นอน (เนื่องจาก BONOMI ต้องการให้บริษัทมีสภาพคล่องที่ดีกว่าเดิม) โดยความร่วมมือกับบริษัท YEW TREE OVERSEAS บริหารงานโดย LAWRENCE STROLL (ลอว์เรนศ์ สโตรลล์) (รวมถึงผู้เกี่ยวข้องจากวงการรถแข่ง F1 อย่าง ERNESTO BERTARELLI (แอร์เนสโต แบร์ตาเรลลี) และ TOTO WOLFF (โทโท โวล์ฟฟ์) กับเงินลงทุนที่สูงถึง 658,000,000 เหรียญสหรัฐฯ หลังจากผ่านร้อนผ่านหนาวมายาวนาน ในที่สุด DBX ก็ได้เวลาทำตลาดจริงเสียที จัดเป็นรถที่ถูกริเริ่มโครงการโดย BONOMI ตั้งแต่ปี 2012 และเชื่อว่าจะเป็นรถที่สร้างยอดจำหน่ายได้สูงพอที่จะทำให้สตรีผู้เป็นเจ้าของค่ายรถแห่งนี้อยู่ในสถานะที่ปลอดโปร่งยิ่งขึ้น
ความสปอร์ทเต็มพิกัด
จุดมุ่งหมายของการรังสรรค์รถยนต์รุ่นนี้มีความชัดเจน แต่ยังคงมี 2 คำถามสำคัญที่ต้องการคำตอบอย่างจริงจัง ข้อแรก DBX รุ่นนี้ คู่ควรกับการติดโลโกของ ASTON MARTIN มากน้อยแค่ไหน ? ข้อถัดมา เอสยูวีมีดีพอที่จะต่อกรกับบรรดาคู่แข่งในระดับเดียวกันมากน้อยแค่ไหน ? (กับค่าตัวไม่เกิน 200,000 ยูโร) เรามีความเห็นที่ชัดเจนตามนี้ เมื่อหวนนึกถึงรถเอสยูวีอย่างรุ่น CAYENNE (คาเยนน์) ที่ถูกวิจารณ์ในทีแรกว่า ไม่คู่ควรกับการเป็นรถยนต์จากค่าย PORSCHE จนกระทั่งปัจจุบัน CAYENNE คือ รถที่สร้างยอดจำหน่ายกว่าครึ่งหนึ่งของค่ายรถจากเมืองชตุทท์การ์ท แล้วทำไม ASTON MARTIN จะทำแบบนั้นบ้างไม่ได้ เป็นคำตอบที่ดีอยู่แล้ว สำหรับคำถามข้อที่ 2 เราได้มีโอกาสพิสูจน์จากการทดลองขับที่ประเทศอังกฤษ แม้จะยังอยู่ในช่วงระมัดระวังเนื่องจากสถานการณ์ COVID-19 กับรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาภายใต้ข้อสงสัยมากมายสู่เซกเมนท์ใหม่ที่ค่ายรถระดับตำนานไม่เคยก้าวย่างมาก่อน เครื่องยนต์มีเพียงบลอคเดียว นั่นคือ เบนซิน เทอร์โบ วี 8 สูบ ขนาด 4.0 ลิตร กำลังสูงสุด 550 แรงม้า พัฒนาขึ้นมาโดย AMG และถูกใช้งานมาแล้วกับรถร่วมค่ายอย่างรุ่น VANTAGE (วานเทจ) และ DB11 (ดีบี 11) เพื่อส่งกำลังร่วมกันกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา โครงสร้างตัวถังถูกพัฒนาขึ้นใหม่หมด เพราะรถยนต์ในสายการผลิตเดิมไม่สามารถรองรับการลุยเส้นทางสมบุกสมบันได้แม้แต่น้อย ในส่วนนี้ ถือว่าทีมวิศวกรของ ASTON MARTIN สร้างผลงานออกมาได้ดีเกินคาด แม้ในความเป็นจริงผู้เป็นเจ้าของ เอสยูวีหรูรุ่นนี้ คงไม่นำรถไปลุยเส้นทางสมบุก-สมบันมากมายนัก ตัวรถสามารถลุยได้ดีทีเดียว แม้จะใช้ล้อขนาดใหญ่ถึง 22 นิ้ว ประสิทธิภาพการลุยยังห่างไกลกับ RANGE ROVER (เรนจ์ โรเวอร์) DBX สามารถลุยผ่านอุปสรรคที่หลากหลายได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยประโยชน์ของโหมดสำหรับการลุยอย่าง TERRAIN+ ยกความสูงของตัวรถขึ้นมาอีก 45 มม. และปรับตกแต่งการส่งกำลังให้เป็นไปอย่างเหมาะสม นอกเหนือจากโหมดสำหรับการลุยแล้ว ยังมีอีก 5 โหมดให้เลือก ขึ้นอยู่กับระดับการตอบสนองของตัวรถตามที่ผู้ขับต้องการ หากต้องการหนึบแน่นเป็นพิเศษ โหมด GT สามารถตอบสนองได้ดีที่สุด ท่ามกลางสภาพถนนที่มีความขรุขระเล็กน้อยของประเทศอังกฤษ เพื่อตอบสนองการขับขี่เป็นไปในแบบฉบับรถยนต์สัญชาติอังกฤษโดยแท้จริง อย่างไรก็ตาม จุดติอาจมีเพียงเล็กน้อย แต่ชดเชยได้กับความทรงพลังของเครื่องยนต์แบบ วี 8 สูบ
ห้องโดยสารตกแต่งสวยงาม
ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวาง (น่าพอใจกว่าสปอร์ทซีดานร่วมค่ายอย่าง RAPIDE (ราพีด) มากมาย) การตกแต่งโดยรวมให้ความรู้สึกถึง ASTON MARTIN โดยแท้จริง โดยมีรายละเอียดที่สะท้อนรสนิยมของลูกค้าชาวจีน และชาวอเมริกันในเวลาเดียวกัน บรรดาออพชันมีให้เลือกมากมาย แต่เรากลับรู้สึกผิดหวังกับระบบความบันเทิงที่ล้าสมัยไปเล็กน้อย แม้จะมีฟังค์ชันการทำงานอันหลากหลายจากทาง DAIMLER แต่มีจุดยกเว้น คือ ระบบ MBUX ที่ถูกสงวนเอาไว้ ทำให้ DBX ไม่มีแม้กระทั่งจอแสดงผลระบบสัมผัส โดยรวมแล้ว การตกแต่งห้องโดยสาร ทำได้น่าสนใจ มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว การใช้งานบางอย่างอาจไม่สะดวกสบายมากนัก แต่พูดได้ว่า ASTON MARTIN ไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้น มากกว่าบุคลิกเฉพาะตัวที่เปี่ยมเสน่ห์ชวนหลงใหล ในแง่ความหรูหรา DBX ตอบสนองได้ดีมาก ไม่เสียชื่อการเป็นรถยนต์หรูขนานแท้ เมื่อรีดสมรรถนะถึงขีดสุด อาการท้ายปัดทำให้การขับขี่สนุกเร้าใจมากๆ