เรื่องเด่น Quattroruote
ทดลองขับ LAND ROVER DEFENDER
เส้นสายยังคงบ่งบอกความเป็นเอสยูวีพันธุ์แกร่ง แต่ถูกปรับแต่งให้มีความทันสมัยตามความนิยมในปัจจุบัน DEFENDER (ดีเฟนเดอร์) สามารถลุยเส้นทางสมบุกสมบันแทบทุกสภาวะ และรุ่นล่าสุดก็ทำเช่นนั้นได้ ความสำเร็จจากในอดีต คือ สิ่งที่น่าภูมิใจ แต่มันยังถูกต่อยอดให้ดีขึ้นอีกในรุ่นล่าสุด
ช่วงเวลากว่า 70 ปีที่ผ่านมา โลกของเราเปลี่ยนไปมากมาย รวมถึงกระแสความนิยมที่เปลี่ยนแปลงไป นำมาสู่รุ่นปรับปรุงใหม่ของ DEFENDER ซึ่งเป็นทายาทผู้สืบทอดความเป็นตัวลุยระดับตำนาน โดยรุ่นแรกเปิดตัวตั้งแต่ปี 1948 เป็นช่วงเวลาที่สงครามโลกครั้งที่ 2 เพิ่งสงบลงได้ไม่นาน หรือช่วงเวลาที่ยานอวกาศ APOLLO 11 สามารถลงจอดบนดวงจันทร์ และรถยนต์จากค่าย LAND ROVER (แลนด์ โรเวอร์) สารพัดรุ่นถือกำเนิดขึ้นมาเพื่อการใช้งานที่หนักหน่วง นับถึงปัจจุบัน DEFENDER รุ่นล่าสุด หลายสิ่งหลายอย่างถูกเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง แต่เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของรถรุ่นนี้ นั่นคือ การยึดถือรูปแบบดั้งเดิม ตลอดจนความคุ้นเคยที่สืบทอดมานาน และยังคงมีผลลัพธ์ให้เห็น นำมาสู่รุ่นล่าสุดในปี 2020 กับการพัฒนารถรุ่นนี้ให้มีขีดความสามารถด้านการลุยที่เหนือชั้น รวมถึงการบ่งบอกความแตกต่างที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ระหว่างรุ่นก่อนหน้านี้ในอดีต และรุ่นล่าสุดในปัจจุบัน จะถูกใจหรือไม่คงต้องขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
หากจะให้กล่าวถึงรถยนต์ระดับตำนานที่มีลักษณะคล้ายกัน หนึ่งในนั้น คือ PORSCHE 911 (โพร์เช 911) ซึ่งกำลังเฉลิมฉลองการทำตลาดยาวนานถึง 60 ปี และยังคงมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทำตลาดนับจนถึงปัจจุบัน แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ครบถ้วน นอกเหนือจากนั้น ยังเพิ่มเติมเทคโนโลยีที่ทันสมัยในรถแต่ละรุ่น มีความเป็นรถสปอร์ทร่วมสมัยที่ลงตัวเสมอมา ในกรณีของ DEFENDER เป้าหมายของการพัฒนารถรุ่นนี้อาจแตกต่างออกไป กับการรักษาจุดเด่นที่สืบทอดมาช้านาน และต้องบ่งบอกความเปลี่ยนแปลงระหว่างรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อเกือบ 70 ปีก่อน และรุ่นล่าสุดตามยุคสมัยของ 70 ปีต่อมา แต่เอาเข้าจริงแล้ว การรักษาสิ่งดั้งเดิมมากเกินไป ดูจะเป็นเรื่องยากเย็นไม่เบา รวมถึงโครงสร้างตัวถังแบบคานไขว้ที่ไม่เหมาะสมกับรถยนต์ยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน DEFENDER ในอดีต ไม่ควรถูกละทิ้ง แต่มันมีองค์ประกอบที่ล้าสมัยเสียแล้ว จุดมุ่งหมายที่ทีมพัฒนารถต้องตระหนักให้ดี ภายใต้เคล็ดลับของความสำเร็จที่ทำให้รถรุ่นนี้ทำตลาดมาได้อย่างยาวนาน จนกลายเป็นหนึ่งในตัวลุยสุดคลาสสิค นั่นคือ ความสำเร็จที่ DEFENDER จารึกเอาไว้ และไม่ง่ายนักที่จะมีรถยนต์รุ่นไหนสามารถเสมอเหมือนได้เลย
ความโดดเด่นในอดีตที่ต้องเลือก
บรรดาตัวลุยที่ถูกพัฒนาขึ้นใหม่ เช่น JEEP WRANGLER (จีพ แรงเลอร์) MERCEDES-BENZ G-CLASS (เมร์เซเดส-เบนซ์ จี-คลาสส์) และ SUZUKI JIMNY (ซูซูกิ จิมนี) ก็ต้องเน้นเอกลักษณ์ดั้งเดิมจากอดีต ในทางกลับกัน DEFENDER มีแนวทางที่แตกต่างออกไป ทายาทรุ่นที่ 2 ถูก ปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน และมีการผสมผสานรูปแบบต่างๆ ที่ลงตัว ทั้งในแง่ของเส้นสาย และรูปทรงรอบคัน เราสามารถรับรู้ได้ตั้งแต่ขึ้นมานั่งในห้องโดยสาร แม้จะยังไม่ได้มีโอกาสทดสอบเต็มตัวก็ตาม ผู้ขับในครั้งนี้ คือ ไมค์ ครอสส์ อยู่คู่กับค่าย LAND ROVER มาช้านาน (มีบทสัมภาษณ์ของเขาในหน้าถัดไป) ครอสส์ พาทีมงานของเราเดินทางผ่านเส้นทางต่างๆ ของสนามทดสอบเกย์ดอน (GAYDON) ซึ่งในอดีตเคยเป็นค่ายทหาร ส่วนปัจจุบันนี้เป็นสนามทดสอบรถยนต์หลากหลายรุ่นจากค่ายรถสัญชาติอังกฤษ
การทดลองขับเริ่มต้นบนทางเรียบ เป็นสภาพถนนที่อาจไม่เหมาะสมนักสำหรับ DEFENDER ช่วงทางตรงยาวกับการปลดปล่อยสมรรถนะของเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบเรียง กำลังสูงสุด 400 แรงม้า เน้นพละกำลังอย่างต่อเนื่อง และเหมาะสม อาจไม่ถึงกับดุดันมากมาย แต่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย หากออกตัวอย่างเหมาะสม สามารถไต่ถึงช่วงความเร็วสูงสุดที่ 190 กม./ชม. ได้ไม่ยากเย็น (ถูกจำกัดเอาไว้) จุดเด่นของตัวลุยรุ่นใหม่ จะเริ่มเห็นได้ชัดหลังจากการเข้าโค้ง ทีมงานของเราได้รับการพิสูจน์แล้วว่า DEFENDER รุ่นล่าสุดมีความแตกต่างจากรุ่นเดิมโดยสิ้นเชิง อาการเหวี่ยงของตัวถังรถรุ่นนี้ค่อนข้างชัดเจน จนกระทั่งทีมงานต้องหาที่ยึดเกาะให้ดี มิเช่นนั้นลำตัวอาจเหวี่ยงไปโดนผู้ขับด้านข้างก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม การทำงานของล้อฝั่งนอกขณะเข้าโค้งยังคงมีการยึดเกาะที่ยอดเยี่ยม รถรุ่นนี้อาจไม่เหมาะสมสำหรับการขับขี่ที่ความเร็วสูงบนทางเรียบ ยังคงมีความเสี่ยงพอสมควร การยึดเกาะถนน คือ สิ่งที่ควรถูกพัฒนาเพิ่มเติมให้ดีขึ้นกว่านี้ เนื่องจากลักษณะการใช้รถที่หลากหลายยิ่งขึ้นในปัจจุบัน รวมถึงการที่ DEFENDER รุ่นล่าสุด ไม่ใช่เอสยูวีเพื่อการลุยเส้นทางสมบุกสมบันเพียงอย่างเดียวแล้ว กับการต้องรองรับทั้งการใช้งานสำหรับองค์กร หรือการใช้งานสำหรับครอบครัวที่ชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ในแง่ของการโดยสาร รถรุ่นนี้ให้ความสะดวกสบายที่เหมาะสม การจัดวางที่ลงตัว และเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ดังจนเกินไป ความแข็งกระด้างของรุ่นก่อนหน้านี้ ไม่มีให้สัมผัสแม้แต่น้อย แต่ทีมงานของเรามีโอกาสรับรู้ความสะดวกสบายดังกล่าวแค่ 15 นาทีเท่านั้น เมื่อผู้ขับทำการปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนสำหรับทางเรียบ สู่การขับเคลื่อนเส้นทางสมบุกสมบันเต็มตัว รถคันนี้ ทั้งกระโจน และกระเด้งกระดอนคล้ายกับรถยนต์รุ่นในอดีต การขับขี่ที่ดุดันอย่างสมบุกสมบันราวกับรถยนต์ทางการทหารเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้น แต่ DEFENDER รุ่นล่าสุดแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี และเชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสได้เห็นกับตากับการที่ DEFENDER รุ่นนี้ได้ร่วมเข้าฉากกับสายลับ เจมส์ บอนด์ 007 ภาคล่าสุด ที่จะเข้าฉายในอนาคต กับการขับขี่ที่ดุดันไม่แพ้ในสนามทดสอบนั่นเชียว โดยในสนามทดสอบเกย์ดอน ครอสส์ แสดงให้เห็นจุดเด่นของรถยนต์สัญชาติอังกฤษรุ่นนี้ ซึ่งมีความแตกต่างจากเอสยูวีระดับเดียวกัน แม้จะยังไม่มีการลุยเส้นทางพื้นหิน หรือเส้นทางที่ลาดชันขณะ
ทำการทดลองขับ แต่เส้นทางของสนามทดสอบซึ่งเต็มไปด้วยหลุมบ่อ เนินกระโดด และเส้นทางที่มีความลื่นสูง ท้าทาย DEFENDER รุ่นนี้ไม่น้อย รถรุ่นนี้ถูกติดตั้งระบบช่วยเหลือการขับขี่แบบอีเลคทรอนิคมากมาย รวมถึงการมีความเป็นรถยนต์หรูในตัว (ราคาเริ่มต้นที่ 57,000 ยูโร จนถึง ระดับ 100,000 ยูโร เลยทีเดียว) การจอดซ่อมบำรุงรถยนต์รุ่นนี้กลางทะเลทรายของทวีปแอฟริกา หรือการจะหวังพึ่งพาช่างซ่อมในชนบทที่ห่างไกล คงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่คุณภาพของรถรุ่นนี้ก็ไม่ได้ถูกลดทอนลงแต่อย่างใด การขับขี่ที่เร้าใจบนเส้นทางสมบุกสมบันของ DEFENDER ยังคงมีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม อาจมีบางคนที่นำรถรุ่นก่อนหน้านี้ไปปรับแต่งในหลายส่วนเพื่อการขับขี่ที่โดนใจมากที่สุด แต่สำหรับ DEFENDER รุ่นล่าสุด ถือว่ามีการขับขี่ที่คล่องแคล่วไม่น้อยอยู่แล้ว การส่งกำลังที่สมดุลของเพลาขับทั้ง 2 ชุด รวมถึงระบบขับเคลื่อนบนทางสมบุกสมบันที่ลงตัวอย่าง เทอร์เรน เรสปอนส์ ในโหมดอัตโนมัติ แม้ขณะทะยานออกจากโค้งด้วยความเร็วสูง ล้อแต่ละตำแหน่งของ DEFENDER ยังคงหนึบแน่นบนพื้นถนน อาการท้ายปัดมีให้สัมผัสเพียงเล็กน้อย อาศัยการบังคับควบคุมที่เหมาะสม ก็สามารถแก้ไขได้ สิ่งที่เหลืออยู่ คือ การได้มาทดสอบผ่านการขับขี่อย่างจริงจัง นั่นคือ บทพิสูจน์ที่แท้จริงสำหรับรถรุ่นนี้ แต่คงต้องเอาไว้ในโอกาสหน้า ทีมงานของเราจะได้มีโอกาสขึ้นไปขับรถรุ่นนี้อีกครั้ง
สัมภาษณ์ ไมค์ ครอสส์ ฟันธงอย่างไม่ลังเล
ไมค์ ครอสส์ คือ หนึ่งในวิศวกรระดับหัวแถวของสนามทดสอบเกย์ดอน ทำงานที่นี่มา 35 ปี บนบัตรประจำตัวของเขาระบุว่า “หัวหน้าทีมวิศวกรฝ่ายยานยนต์” แม้นิยามที่ชัดเจนจะค่อนข้างซับซ้อน แต่ถ้าจะให้กล่าวสั้นๆ คนๆ นี้ คือ ผู้ที่ทำการทดสอบ และชี้แนะบทสรุปที่ลงตัวของรถยนต์หลายรุ่นจาก LAND ROVER และ JAGUAR (แจกวาร์)
ช่วยอธิบายบทสรุปที่จะช่วยให้มองเห็นภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของ DEFENDER รุ่นล่าสุด ?
ครอสส์: หากจะให้พูดง่ายๆ การเป็น DEFENDER รุ่นใหม่ จะต้องมีคุณสมบัติต่างๆ ที่ล้วนอยู่ในระดับสุดยอดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันทั่วโลก และผมคิดว่าทางค่ายรถประสบความสำเร็จแล้ว นอกจากนี้ เรายังพัฒนาให้รถรุ่นนี้มีการขับขี่ที่ดีบนทางเรียบ ตัวรถมีความประณีต สะดวกสบาย และขับสนุกด้วย โดยรวมแล้ว นี่คือ DEFENDER ที่ดีขึ้นในแทบทุกสัดส่วน
เมื่อไรกันที่คุณรู้สึกว่ารถรุ่นนี้ทำได้ดีพอแล้ว ?
ครอสส์: ครับ ผมยังคงจำได้ดี ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 6 เดือนก่อน ผมได้ขับทดสอบ DEFENDER รุ่นนี้ ทั้งทางเรียบ และเส้นทางสมบุกสมบันของสนามทดสอบ ก็รับรู้ได้ทันทีว่าทีมงานที่พัฒนารถรุ่นนี้ ในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จ จากการขับขี่ที่ลงตัวในทุกสภาวะ รวมถึงเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ที่ประสานการทำงานได้อย่างลงตัว เมื่อมองถึงยุคปัจจุบันที่รถยนต์หลายคัน หันมาอาศัยระบบอีเลคทรอนิคมากขึ้น แต่รถรุ่นนี้ยังตอบสนองได้อย่างตรงไปตรงมา คล้ายรถยนต์ยุคดั้งเดิม
รถรุ่นเดิมใช้ตัวถังที่วางบนแชสซีส์ คุณยังคิดถึงรูปแบบดั้งเดิมนั้นอยู่ไหม ?
ครอสส์: รถรุ่นนี้ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ อลูมิเนียม ขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกัน จุดเด่น คือ ตัวรถมีน้ำหนักเบา คงไว้ซึ่งความแข็งแรง และขับขี่ได้นุ่มนวล ถือเป็นตัวเลือกที่มีความเหมาะสมเป็นอย่างดี สำหรับ DEFENDER รุ่นใหม่ล่าสุด
รุ่น 100 เอกซ์ (ข้อมูลจากทางผู้ผลิต)
เครื่องยนต์
- วางด้านหน้า ตามขวาง
- เบนซิน เทอร์โบ 6 สูบเรียง
- ความจุ 2,996 ซีซี
- กำลังสูงสุด 400 แรงม้า ที่ 5,500 รตน.
- แรงบิดสูงสุด 56.5 กก.-ม. ที่ 2,000-5,000 รตน.
ระบบส่งกำลัง
- ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
- เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
- เกียร์อัตราทดต่ำ
- ระบบลอคการส่งกำลังเฟืองท้าย
สมรรถนะ
- ความเร็วสูงสุด 191 กม./ชม.
- อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.1 วินาที
- อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.4 กม./ลิตร
มิติตัวถัง และน้ำหนัก
- ระยะฐานล้อ 3,020 มม.
- ความยาว 5,020 มม. กว้าง 2,000 มม. สูง 1,970 มม.
- น้ำหนักตัวรถ 2,418 กก.
ราคา
- 101,400 ยูโร (ประมาณ 4,100,000 บาท ไม่รวมภาษีนำเข้า)