ฝุ่นผง ผลจากระบบเบรครถไฟฟ้า อาจก่อให้เกิดมลพิษ

  ข่าวจากสหรัฐอเมริกา ระบุว่า หน่วยงานมาตรฐานค่าไอเสียแห่งสหภาพยุโรป (European Union Emissions Standards) ยังให้ความสำคัญกับการควบคุมปริมาณไอเสียจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่เป็นสาเหตุของมลภาวะในปัจจุบัน รวมไปถึงมลพิษที่มาจากแหล่งอื่นด้วย ซึ่งจากแนวโน้มรถไฟฟ้าเพิ่มปริมาณมากขึ้นตลอดเวลา คาดว่าภายในเดือนนี้ (กรกฎาคม 2565) จะประกาศมาตรฐาน Euro7 อย่างเป็นทางการได้ โดยกำหนดให้ผู้ผลิตรถลดปริมาณไนโตรเจนออกไซด์จากไอเสีย และรวมถึงการจำกัดจำนวนฝุ่นผงจากการเบรคด้วย หลายคนอาจมองว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นสาเหตุของมลพิษจากการใช้ระบบเบรคแรงเสียดทาน ส่วนรถไฟฟ้ามีระบบรีเจเนอเรทีฟ ซึ่งไม่น่าจะเข้าข่าย แต่จากการสำรวจพบว่าระบบรีเจเนอเรทีฟเบรคในรถไฟฟ้า ยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการเบรค เนื่องจากรถไฟฟ้ามีน้ำหนักมากจากแพคแบทเตอรี รีเจเนอเรทีฟเบรคอาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ จึงต้องใช้เบรคแบบแรงเสียดทานอยู่ดี คณะกรรมาธิการยุโรป ประกาศความตั้งใจจะควบคุมการปล่อยฝุ่นผงจากระบบเบรคตามแผนนโยบายปี 2564 โดยมีกรอบข้อกำหนดใช้สำหรับทั้งรถเครื่องยนต์สันดาปภายใน และรถไฟฟ้าด้วย ขณะนี้ ยังมีการถกเถียงกัน ถึงเรื่องฝุ่นผงที่เกิดจากยางของรถไฟฟ้า ซึ่งเกิดจากรถไฟฟ้ามีน้ำหนักมากขึ้นของแพคแบทเตอรีดังกล่าว ซึ่งยังไม่ใช่เป้าหมายหลักของคณะกรรมาธิการ แม้ยังไม่มีทางออกที่ชัดเจนสำหรับผู้ผลิตรถ ในการลดปริมาณฝุ่นผงจากการเบรค ทางค่าย Stellantis ได้นำแนวคิดจากประสบการณ์การทำรถ Formula E มาใช้เพื่อกำหนดแนวทางในอนาคตของระบบเบรคแบบใหม่ แทนระบบเบรคแรงเสียดทาน จากการยืนยันว่า การเพิ่มแรงหน่วงของระบบรีเจเนอเรทีฟ จะช่วยลดภาระให้ระบบเบรคแบบเสียดทานมากขึ้น ทำให้เกิดฝุ่นผงที่น้อยกว่า และผ้าเบรคมีอายุการใช้งานนานมากขึ้น แต่ในระหว่างที่ยังหาสาเหตุของมลพิษนอกเหนือจากไอเสีย จึงทำให้คณะกรรมการต้องศึกษาในสภาพการใช้งานจริงต่อไป บริษัทผู้ผลิตรถยนต์บางราย ก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ระบบเบรคแบบแป้นเดียว (One Paddle) อย่าง Porsche ที่หลีกเลี่ยงการใช้ระบบเบรคแบบแป้นเดียว สำหรับ Taycan โดยกล่าวว่า ถ้าจะพัฒนาระบบรีเจเนอเรทีฟเบรคให้มีสมรรถนะสูงตามความต้องการได้ มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น และทำให้ราคารถสูงเกินไป